สาระเชิงโฆษณา(formula)
BRIDGESTONE ECOPIA EP200&EP850
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ชินอิจิ ซาโตะ กรรมการผู้จัดการ จัดแถลงข่าวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่น คือ ECOPIA EP200 สำหรับรถเก๋ง และ ECOPIA EP850 สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ใหม่ ณ สนามทดสอบยางรถยนต์ THAI BRIDGESTONE PROVING GROUND อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
BRIDGESTONE ECOPIA EP200 และ ECOPIA EP850 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น ทั้งด้านการใช้งาน และการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยเป็นยางที่ให้ความสมดุลในการขับขี่ พร้อมความต้านทานการหมุนของยางที่น้อยลง จึงช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม และมีความปลอดภัยในการขับขี่สูง
การทดสอบของสื่อมวลชน เริ่มจากสวนเบญจกิติ พร้อมรถยนต์ที่ บริดจสโตน ฯ จัดเตรียมไว้ให้ มีทั้งรถยนต์เก๋งใส่ยาง ECOPIA EP 200 และรถอเนกประสงค์ ใส่ยาง ECOPIA EP850 โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิททางด่วนเพลินจิตดอนเมืองโทลล์เวย์ และถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่สนามทดสอบ THAI BRIDGESTONE PROVING GROUND เพื่อให้บรรดาสื่อมวลชนได้สัมผัสประสิทธิภาพในการใช้งานบนท้องถนนทั่วไป ก่อนจะไปฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับขั้นตอนการทดสอบที่สนาม
รูปแบบการทดสอบ BRIDGESTONE ECOPIA แบ่งเป็น 5 สถานี ได้แก่
1. COAST DOWN สถานีแรกเป็นการแสดงประสิทธิภาพการลดแรงต้านทานการหมุน โดยใช้รถรุ่นเดียวกัน เติมลมยาง ใช้ความเร็วเท่ากัน แล้วยกคันเร่งพร้อมกัน เพื่อให้รถไหลด้วยแรงเฉื่อย พบว่าพบว่ารถคันที่ใส่ยาง EP200 ไหลไปไกลกว่ายางคู่แข่งชัดเจน เช่นเดียวกับรถอเนกประสงค์ที่ใส่ยาง EP850 ที่ไหลไปไกลกว่า DUELER H/L 683 ที่เปรียบเทียบ
2. WET BRAKING สถานีแสดงประสิทธิภาพการเบรคบนถนนเปียก ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการแสดงถึงประสิทธิภาพการเบรคของยางที่มีแรงต้านทานการหมุนต่ำทั้ง 2 รุ่น ที่นอกจากจะไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะลดลงแล้ว ยังใช้ระยะทางในการเบรคสั้นกว่ายางระดับเดียวกันทั่วไปอีกด้วย เริ่มจากรถที่ใส่ยาง TURANZA AR10 เร่งความเร็วมาถึงจุดที่กำหนดแล้วเหยียบเบรคเต็มแรงจนรถหยุดแล้ววางเครื่องหมายไว้ จากนั้นจึงนำรถรุ่นเดียวกันที่ใส่ยาง ECOPIA EP200 มาทดสอบด้วยวิธีการเดิม ผลปรากฏว่ารถคันที่ใช้ยาง EP 200 มีระยะเบรคสั้นกว่า ส่วนรถอเนกประสงค์ที่ใช้ยาง ECOPIA EP850 เปรียบเทียบกับ DUELER H/L เช่นเดิม และผลการทดสอบพบว่ารถคันที่ใส่ยาง ECOPIA EP850 มีระยะเบรคบนถนนเปียกสั้นกว่า
3. WET HANDLING สถานีทดสอบการยึดเกาะบนถนนเปียก โดยใช้สนามทดสอบบริเวณที่เป็นทางคดเคี้ยว และมีการฉีดน้ำเพื่อให้คงสภาพความเปียกไว้ตลอดเวลา โดยเริ่มจากการขับรถที่ใส่ยาง DUELER H/L 683 จำนวน 2 รอบ จากนั้นจึงเปลี่ยนมาขับรถที่ใส่ยาง ECOPIA EP850 อีก 1 รอบ เพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับความแตกต่างระหว่างยางรุ่นเดิมกับ EP850 เรื่องประสิทธิภาพการรีดน้ำ และการยึดเกาะบนถนนเปียกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ด้วยลักษณะของตัวรถทรงสูง เพราะการขับขี่รูปแบบนี้อาการของตัวรถจะแสดงออกมาโดยไม่ต้องใช้ความเร็วสูงเกินความจำเป็น และถือเป็นการจำลองสถานการณ์ขับขี่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงบนท้องถนน
4. DRY SAFETY สถานีนี้เป็นการแสดงประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนแห้งของยางรถเก๋ง โดยการทดสอบเปรียบเทียบกันระหว่างรถที่ใส่ยาง ECOPIA EP100 กับรถที่ใช้ยาง ECOPIA EP200 ในรูปแบบการบังคับควบคุมทิศทางไปตามไพลอนที่วางไว้ เริ่มจากสลาลอม ต่อด้วยโค้งความเร็วสูง จากนั้นเป็นการเปลี่ยนเลนกะทันหัน และปิดท้ายด้วยการเบรคเต็มแรงให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด โดยเริ่มจากการขับรถที่ใส่ยางรุ่นเดิม จำนวน 2 รอบ แล้วจึงเปลี่ยนมาขับรถที่ใส่ยาง EP200 ความรู้สึกที่สัมผัสได้ คือ ที่ความเร็วเท่ากันหรือสูงกว่าเล็กน้อย อาการอันเดอร์สเตียร์ที่มีให้รู้สึกได้จากยางรุ่นเดิมนั้นลดลงมาก รวมถึงการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่ผู้ขับขี่สามารถทำได้ตามต้องการมากกว่า
5.S KID PAD ปิดท้ายสถานีทดสอบบนพื้นที่รูปวงกลม ที่มีค่าความฝืดต่ำจากการฉีดน้ำตลอดเวลา การทดสอบเริ่มจากรถที่ใส่ยาง TURANZA AR10 ขับวนเป็นวงกลมตามรัศมีของพื้นที่ทดสอบด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. จำนวน 3 รอบ เพื่อให้สัมผัสอาการของรถที่ใส่ยางรุ่นเดิม จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้รถรุ่นเดียวแต่ใส่ยาง ECOPIA EP200 ทดสอบด้วยวิธีการเดิม ผลปรากฏว่ารถคันที่ใช้ยาง EP200 ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมได้เหนือกว่ายางรุ่นเดิมตามคาด แม้จะใช้ความเร็วสูงกว่าก็ตาม
สำหรับผลการทดสอบจากสมาคมเทคโนโลยีการขนส่งทางรถยนต์ แห่งประเทศญี่ปุ่น มีดังนี้
[table]
ผลิตภัณฑ์,ประหยัดน้ำมัน,อัตราการปล่อยคาร์บอนด์ไดออกไซด์
ECOPIA EP200,8.1 %*1,11.1 %*1
ECOPIA EP850,3.9 %*2,3.0 %*2
[/table]
*1 เปรียบเทียบกับยาง TURANZA AR10 ขนาด 195/65R15 รถยนต์ที่ใช้ในการทดสอบ โตโยตา อัลทิส
*2 เปรียบเทียบกับยาง DUELER H/L 683 ขนาด 225/65R17 รถยนต์ที่ใช้ในการทดสอบ ฮอนดา ซีอาร์-วี
ที่มา : สมาคมเทคโนโลยีการขนส่งทางรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น
BRIDGESTONE ECOPIA EP200 มีให้เลือกทั้งหมด 19 ขนาด สำหรับล้อขนาด 14-17 นิ้ว ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,500-6,000 บาท ส่วน BRIDGESTONE ECOPIA EP850 มีให้เลือกทั้งหมด 8 ขนาด สำหรับล้อขนาด 15-17 นิ้ว ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5,000-7,500 บาท โดยวางจำหน่ายที่ศูนย์บริการคอคพิท ออโทบอย แอค และผู้แทนจำหน่ายยาง BRIDGESTONE ทั่วประเทศ หรือสอบถามได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2636-1555
เรื่องโดย : เอกลักษณ์ สูยะศุนานนท์
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : สาระเชิงโฆษณา(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92117