ชื่อเหมือนจะบินแต่บินไม่ได้

ชื่อเหมือนจะบินแต่บินไม่ได้ BENTLEY FLYING SPUR เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส (BENTLEY MOTORS) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้ร่มเงาของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ คือ โฟล์คสวาเกน กรุพ (VOLKSWAGEN GROUP) นับเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ทและรถสมรรถนะสูงอีกรายหนึ่ง ที่ดูจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดจากแนวโน้มที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามตัวเลขผลประกอบการที่ค่ายนี้เปิดเผยผ่านเวบไซท์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2013 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รถติดโลโก "ปีกนก" ของ เบนท์ลีย์ สามารถทำยอดขายในตลาดทั่วโลกได้ถึง 2,212 คัน คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.75 จากยอดขาย 1,759 คัน ที่เคยทำได้ในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2012 ตลาดที่มีฐานะแข็งแกร่งที่สุด คือ สหรัฐอเมริกาซึ่งขายได้ถึง 632 คัน ถัดไป คือ ตะวันออกกลาง เอเชียแปซิฟิค และยุโรป ปัจจุบันค่าย เบนท์ลีย์ มีรถสมรรถนะสูงค่าตัวแสบ ให้ลูกค้าเงินถุงเงินถังสตางค์ล้นแบงค์เลือกใช้ตามรสนิยมรวม 4 อนุกรม คือ รถซาลูน เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล ฟลายอิง สเปอร์ (BENTLEY CONTINENTAL FLYING SPUR) รถคูเป เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที (BENTLEY CONTINENTAL GT) รถเปิดประทุน เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีทีซี (BENTLEY CONTINENTAL GTC) และรถซาลูน เบนท์ลีย์ มุลซานน์ (BENTLEY MULSANNE) ซึ่งเป็นรถธงในสายการผลิต ส่วน เบนท์ลีย์ ฟลายอิง สเปอร์ (BENTLEY FLYING SPUR) ที่กำลังปรากฏตัวอยู่ในขณะนี้ เป็นรถรุ่นใหม่เอี่ยมแกะกล่อง เพิ่งอวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 83 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปีงูเล็กจึงจะออกโชว์รูมแทนที่รถรุ่นเดิมตัวถังทรง 3 กล่องซึ่งยาว 5.295 ม. กว้าง 1.976 ม. สูง 1.488 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.29 เป็นผลงานรังสรรค์ของทีมงานที่มี ลุค ดงก์เคร์โวลเค (LUC DONCKERWOLKE) นักออกแบบชื่อดังชาวเบลเยียมวัย 48 ปี เป็นผู้นำ รายละเอียดของตัวถังทั้งภายนอกและภายในที่เปลี่ยนไปมากจากรถรุ่นเดิมซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองผู้ดีเมื่อปี 2005 และติดป้ายชื่อยาวกว่ารถรุ่นใหม่นี้ คือ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล ฟลายอิง สเปอร์ (BENTLEY CONTINENTAL FLYING SPUR) เป็นผลลัพธ์ของความพยายามเพื่อให้ตัวรถเมื่อมองจากภายนอกดูกว้าง เตี้ย และดุดันกว่ารถรุ่นเดิม ตัวถังที่กล่าวข้างต้น มีขนาดใกล้เคียงกันมากกับตัวถังของรถรุ่นเดิมซึ่งยาว 5.290 ม. กว้าง 1.926 ม. และสูง 1.398 ม. แต่ค่าความแข็งแรงกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือ ร้อยละ 4 และน้าหนักตัวเปล่าก็ลดลงถึง 50 กก. ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นผลลัพธ์ของการนำวัสดุมวลเบาที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้ามาใช้งานในหลายๆ จุด ส่วนภายในห้องโดยสารที่น่าจะกล่าวได้ว่าออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด มีชิ้นส่วนเพียง 2-3 ชิ้นเท่านั้นที่ตกทอดมาจากรถรุ่นเดิม ตัวอย่างเช่น แผงบังแดด ที่วางแขน และปุ่มบังคับบางปุ่ม เป็นห้องโดยสารตกแต่งหรูหราและเพียบไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสุข ความสะดวก ที่ทำเป็น 2 แบบ ให้เลือกใช้ คือ แบบ 4 ที่นั่ง กับแบบ 5 ที่นั่ง เป็นรถขับทุกล้อแบบถาวร อย่างที่เรียกขานกันในภาษาอังกฤษว่า PERMANENT ALL-WHEEL DRIVE เครื่องยนต์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้าบานโต เป็นเครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC ดับเบิลยู 12 สูบ ความจุ 5,998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 460 กิโลวัตต์/625 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร/81.6 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังของเครื่องยนต์เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF 8HP90 AL951 สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของ เบนท์ลีย์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 4.6 วินาที และ 0-160 กม./ชม. ทำได้ใน 9.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดเท่ากับรถรุ่นเดิม คือ 320 กม./ชม. ที่ดีขึ้นกว่ารถรุ่นเดิมถึงร้อยละ 13 แต่คนรักสีเขียวคงไม่เห็นว่าดีสักเท่าไร ? คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากปลายท่อไอเสีย ซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 14.7 ลิตร/100 กม. หรือ 6.8 กม./ลิตร และ 343 กรัม/กม. ตามลำดับ