ลับเฉพาะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วัสดุซับเสียง DAMPING MATERIAL (2)
จากฉบับที่ผ่านมา เราได้กล่าวถึง วัสดุซับเสียงประเภทต่างๆ ให้ท่านผู้อ่านทำความเข้าใจในเบื้องต้นไปแล้วนะครับ จากข้อมูลที่ให้ไปนั้น พอจะแยกแยะวิธีการใช้ และคุณประโยชน์ของแต่ละประเภทได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในฉบับนี้จะมาแนะนำกันว่า หากท่านมีรถคันหนึ่ง และต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพของการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามา และไม่ต้องการให้เสียงจากภายในรถ อาทิเช่น เสียงของเครื่องเสียงที่ท่านสู้อุตส่าห์ลงทุนเสียสตางค์ไปมาก ไม่ให้ส่งเสียงออกไปเผื่อแผ่รถคันข้างๆ หรือแม้กระทั่งรถประเภทพลังเสียง ที่ต้องการให้ตัวถังของรถนั้น หรือเพื่อเพิ่มระดับความดัง ก็สามารถทำได้ด้วยการติดวัสดุซับเสียงให้ถูกต้อง และเหมาะสมครับ
ขั้นตอนแรก เริ่มด้วย หากท่านผู้ใช้รถต้องการเพียงแค่ลดเสียงลมที่มักจะเล็ดลอดเข้ามา ในขณะที่รถเราวิ่งด้วยความเร็ว ซึ่งแต่เดิมอาจจะมีเสียงน่ารำคาญ ยิ่งรถวิ่งเร็วเสียงยิ่งดัง ลักษณะอาการดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นได้กับรถเก่าและใหม่ครับ แต่รถเก่าอาจจะเจอมากกว่า เนื่องด้วยเรื่องของขอบยางที่โรงงานติดตั้งมาตามปกติ เมื่อวันเวลาผ่านไป โดนทั้งความร้อน ทั้งฝน จนยางเหล่านั้นเริ่มแข็ง จนไม่อาจแนบสนิทกับตัวรถ ลมจึงสามารถแทรกผ่านเข้ามาได้ นอกจากการแก้ไขที่ต้นเหตุ คือ ควรเปลี่ยนยางขอบประตูทุกๆ 3-4 ปี ครับ
นอกจากนี้ เรายังมีวิธีที่ทำให้เงียบยิ่งกว่าเดิม โดยไม่ได้ใช้เงินมากมายเลย เพียงแต่ท่านติดตั้งวัสดุซับเสียงประเภทที่เรียกว่า CONTACT DAMPING เข้าไป เพื่อเสริมที่ยางขอบประตูก็จะช่วยได้มากครับ และยังมีอุปกรณ์ที่เป็นที่นิยมมากๆ ในขณะนี้ เป็นขอบยางที่ผลิตมาพิเศษเพื่อติดตั้งเพิ่มที่ช่องว่างด้านใน ทำให้เสมือนว่าเรามีขอบยาง 2 ชุดกันลมเข้ามาได้แบบเงียบสนิทจริงๆ เลย ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่ Error! Hyperlink reference not valid. รับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง พวกเราแนะนำกันไปติดตั้งจนแพร่หลายในกลุ่มนักเล่นเครื่องเสียงอยากมากตอนนี้ (ใช้งบประมาณส่วนนี้ ราว 1,000-2,000 บาทเท่านั้น)
ขั้นตอนที่ 2 เพิ่มงบประมาณอีกก้อน แต่ประโยชน์มีมากมาย หากท่านผู้อ่านสังเกตเวลาขับรถ หรือนั่งรถไปด้วย ยิ่งเวลาวิ่งทางยาวๆ ท่านจะได้ยินเสียงยางรถยนต์ที่บดเสียดสีกับถนนแล้วก้องสะท้อนที่ซุ้มล้อทั้ง 4 จนมีเสียงอื้ออึงเป็นความถี่ต่ำๆ อันนี้ก็น่ารำคาญไม่แพ้กันกับเสียงลม เพียงแต่ว่า เสียงลมมันเป็นความถี่สูง แต่เจ้าเสียงยางรถยนต์บดกับพื้นถนนนั้นเป็นความถี่ต่ำ ความถี่ต่ำเหล่านี้เป็นอุปสรรคมากๆ สำหรับการฟังเพลง หรือการคุยกันในรถ รถคันไหนที่เวลาวิ่งเร็วๆ แล้วคนในรถต้องแทบจะเรียกว่าตะโกนคุยกัน นั่นคือ อาการของเสียงรบกวนประเภทนี้ครับ ...วิธีแก้จุดนี้ คือ การทาหรือพ่น น้ำยาลดเสียงสะท้อน เสียงรบกวนที่ซุ้มล้อทั้ง 4 หรืออาจใช้เจ้าแผ่น VIBRATION DAMPING แปะเข้าไปก็ยังได้ครับ แต่ด้วยตำแหน่งในซุ้มล้อ ซึ่งจะต้องโดนหิน โดนความชื้น และอะไรๆ สารพัดอย่าง จึงเหมาะที่จะใช้น้ำยาพ่นหรือทามากกว่า เรายกตัวอย่างของน้ำยาประเภทนี้มาให้ไว้เป็นทางเลือก ทั้ง น้ำยา X-VIBRATION จากค่าย BRAX เยอรมนี, STP จาก รัสเซีย และอีกตัวที่เพิ่งมีนำเข้ามาสดๆ ร้อนๆ คือ ค่าย BLUE PRINT ครับ (ใช้งบประมาณส่วนนี้ ราวๆ 5,000-6,000 บาท ครับกับน้ำยาพ่นที่ลดเสียงรบกวนได้ราว 3-5 DB)
ขั้นตอนที่ 3 ถือเป็น MAIN COURSE ได้เลยครับ เพราะมันใช้งบประมาณมากที่สุดของทุกขั้นตอนที่กล่าวมา คือ การติดตั้งเจ้า VIBRATION DAMPING ที่มักเรียกว่า แผ่นแดมพ์ นั่นแหละการติดตั้ง จะมากน้อยตามสะดวกกระเป๋า เพราะว่าคิดกันเป็นราคาต่อแผ่น 1 แผ่น ก็มีขนาดเท่าๆ กับบานประตู 1 บาน โดยหลายๆ ท่านติดตั้งลงไปถึง 2 ชั้น เพราะเจ้าตัวนี้นี่เองที่ทำให้การสั่นกระพือภายในรถจากตัวถังเหล็กบางๆ กลายเป็นรถถังที่มีความหนา ลดเสียงรบกวนได้อย่างมหาศาล ท่านจะติดตั้งเพียงที่ประตู 4 บาน หรือ จะติดตั้ง พื้นรถ หลังคารถ ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ หรือแทบทุกจุดที่เป็นเหล็ก ตัวถังรถที่สามารถติดตั้งได้ผลก็คือ เงียบ นิ่ง ส่งผลดีสุดๆ กับห้องฟังเพลง (งบประมาณการติดตั้งหลักหมื่น ตั้งแต่ 10,000 กว่าจนถึง 30,000 บาท ได้ตามปริมาณที่ติดตั้งกับการลดเสียงรบกวนได้ราวๆ 10 DB )
ขั้นตอนที่ 4 อาจใช้งบประมาณมากขึ้นอีกหน่อย ขึ้นอยู่กับว่าต้องการคุณภาพแค่ไหน คือ เจ้า SOUND PROOFING FOAM ที่ผมยกตัวอย่างมาให้ดูกันในฉบับที่แล้ว คือ NOISE STOP FOAM ที่จะเป็นแผนเรียบๆ ด้านนอก แต่มีรูพรุนด้านใน เจ้าตัวนี้ จะช่วยมากในแง่ของการ SOUND BLOCK ไม่ให้เสียงจากภายในออกไปภายนอก และไม่ให้เสียงจากภายนอกเข้ามาภายในห้องโดยสาร เจ้าตัวนี้เอง ที่ทำให้รถเงียบตัวจริงเลยครับ อย่างต่ำๆ สามารถลดระดับความดังภายในห้องโดยสารลงได้ถึง 15-20 DB เลย หากติดตั้งอย่างถูกต้อง โดยการติดตั้งสามารถปูลงไปบนพื้นรถใต้พรม และบริเวณด้านในของแผงประตูทั้ง 4 บาน และแปะลงบนหลังคารถ ก่อนที่จะติดตั้งผ้าหลังคา รวมทั้งบริเวณฝากระโปรงหน้าตรงห้องเครื่องยนต์ ก็จะช่วยลดเสียงดังจากเครื่องยนต์ที่เข้ามารบกวนได้มาก และยังป้องกันไม่ให้เสียงจากภายในรถ ออกมานอกรถได้อย่างดีมากๆ (งบประมาณการติดตั้ง ราวๆ 8,000-10,000 บาท)
หากทำได้ครบ 4 ขั้นตอน ที่แนะนำไป รับรองได้เลยว่า ท่านได้ห้องฟังเพลงภายในรถ คุณภาพที่ได้ ไม่แพ้ห้องฟังเพลงดีๆ ในบ้านสักเท่าไร แถมยังทำให้บรรยากาศในการเดินทางดีกว่าเก่ามากมาย สามารถฟังรายละเอียดยิบย่อย และบรรยากาศของเพลงโปรดที่เราชื่นชอบ มันช่างรื่นรมย์มากๆ ครับ ถึงแม้ว่าจะใช้งบประมาณรวมๆ กันแล้วเกือบ 50,000 บาท ก็ตาม ส่วนท่านที่มีงบประมาณไม่ได้มาก ผมขอแนะนำว่า กรุณาทำทีละขั้นตอนตามลำดับได้ครับ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ท่านก็จะเห็น และรู้สึกถึงการพัฒนาของชุดเครื่องเสียงภายในรถได้อีกด้วย
ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงในรถนะครับท่านผู้อ่าน
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : ลับเฉพาะ