อัศวินรัตติกาลผงาด

THE DARK KNIGHT RISES หรือ อัศวินรัตติกาลผงาด เป็นงานสุดท้ายแห่ง "ไตรภาคมนุษย์ค้างคาว” ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งนักแสดงตัวหลักมากันครบ ตั้งแต่ คริสเตียน เบล (มนุษย์ค้างคาว) รวมถึง ไมเคิล เคน, แกรี โอลด์แมน และมอร์แกน ฟรีแมน นักแสดงหน้าใหม่ คือ แอนน์ แฮธอเวย์ รับบทเป็น เซลินา ไคลย์ นางแมวป่า และทอม ฮาร์ดี เล่นบทผู้ร้ายจัดหนัก อันที่จริง "มนุษย์ค้างคาว" ในรูปแบบของภาพยนตร์ที่นำเสนอ 2 ตอนไปแล้ว ในปี 2005 และ 2008 ก็น่าจะไม่มีภาคที่ 3 ความสมบูรณ์ของมนุษย์ค้างคาว น่าจะอยู่กับ BATMAN BEGINS ภาคแรก และ THE DARK KNIGHT ภาคที่ 2 โนแลน ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีภาคที่ 3 แต่หลังจากได้หารือ "เรื่องราว" กับพี่ชาย-โจนาธาน โนแลน และนักเขียน-เดวิด ซามูเอล โกเยอร์ ก็ลงความเห็นว่าควรทำ ตัวจุดประกายแนวความคิดของ โนแลน ก็คือ KNIGHTFALL 1993, THE DARK KNIGHT RETURNS 1986 และ NO MAN’S LAND 1999 โนแลน เดินทางสำรวจภูมิทัศน์ถึง 8 หัวเมืองสำคัญ รวมทั้งนิวยอร์ค และลอสแองเจลิส เพื่อสร้างจินตนาการ ยานอวกาศ และถ้ำที่อยู่ของมนุษย์ค้างคาว ได้รับการออกแบบสร้างขึ้นเป็นพิเศษให้กับหนังตอนนี้เป็นการเฉพาะ 16 กรกฏาคม 2012 เป็นวันเปิดรอบปฐมทัศน์ของ THE DARK KNIGHT RISES ที่นิวยอร์ค เก็บรายได้ทั่วโลก 1,081 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ นับเป็นภาพยนตร์ทำลายสถิติรายได้เป็นลำดับที่ 2 ของปี 2012 เรื่องราวของภาคสุดท้าย เป็นเหตุการณ์ของนครกอทแฮมหลังมรณกรรมของ ฮาร์วีย์ เดนท์ 8 ปี ซึ่งตำรวจแห่งชาติกำราบอาชญากรรมของเมืองแบบ "เอาอยู่" มนุษย์ค้างคาวกลายเป็นกบจำศีล แต่นครกอทแฮมก็ตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง ด้วยผู้ร้ายที่ชื่อ เบน มาแบบจัดหนัก ซึ่งมนุษย์ค้างคาวเห็นว่า เขาจะต้องมีส่วนรับหน้าที่ชำระความสกปรกอันนี้ ซึ่ง อัลฟเรด เพนนีเวิร์ธ (รับบทโดย ไมเคิล เคน) ไม่เห็นด้วย THE DARK KNIGHT RISES เป็นเรื่องราวสะท้อนความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ แก่แล้วแก่เลย ไม่ใช่หนุ่มแน่น หนังซึ่งมีความยาว 3 ชั่วโมงขาดไป 15 นาที ครึ่งแรกแฟนหนังอาจจะง่วงเหงาหาวนอนได้ มาเริ่มตาตั้งเอาครึ่งหลัง ปัญหาของมนุษย์ก็คือ กำลังวังชาของมนุษย์เรามีข้อยุติลงเมื่อใด ธรรมดาเมื่ออายุสูงขึ้น คนเราก็ต้องอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่มนุษย์ค้างคาว เป็นมนุษย์ที่มาจากหนังสือการ์ตูน จึงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา การกลับมาของมนุษย์ค้างคาวจึงเร้าใจแฟนหนังว่าจะกลับมาได้ยังไง กลับมาในแบบฉบับของหนังทั่วไป เพราะความเป็นพระเอกของเรื่องอย่างนั้นหรือ ก็คงไม่ได้ จำเป็นต้องมีเหตุมีผล มั่วลำบากที่จะทำให้ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหลือเชื่อ ที่มนุษย์ค้างคาวกลับมาได้" ผมไม่ใช่แฟนขาประจำของมนุษย์ค้างคาว เพราะถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่ "ซูเพอร์แมน" เห็นว่าหนังตะวันตกทุกวันนี้ทำได้ทุกอย่างเหมือนหนังการ์ตูน จะฉิบหายวายวอด หรืออภินิหารแบบไหน ก็ดูแนบเนียน เพราะเทคโนโลยีเหลือล้ำ เมื่อ 2 วันก่อน เห็นข่าวจากโทรทัศน์ เหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงมาคว้าเด็กผู้หญิงจากพื้นสนามหญ้า บินขึ้นไปได้หน่อยเดียวก็ต้องปล่อยเด็กลงมาเพราะทานน้ำหนักไม่ไหว ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องจริง และชมเชยตากล้องผู้บันทึกภาพอยู่ในใจ ที่ไหนได้ เป็นภาพที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีโดยเฉพาะ เหมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเป็นบ้า นี่ก็ทำให้คิดถึงสหรัฐอเมริกาตอนที่ถูกพายุอุทกภัยเข้าท่วมเมือง ซึ่งหลายคนสงสัยว่า ท่วมสะบัดช่อเช่นนั้นจริงๆ หรือว่าเป็นภาพที่ตัดต่อเสริมสร้างขึ้นมาด้วยเครื่องมือทันสมัย เรียกว่า ไม่รู้ว่าเป็นเหตุการณ์จริงหรือปลอม ด้วยความคิดแบบนี้ ผมมองหนังต่อสู้ เช่น "มนุษย์ค้างคาว" ดูเป็นความบันเทิง จะว่าเป็นสาระก็คงว่าไม่ได้สนิทปาก THE DARK KNIGHT RISES มีฉากตื่นตาตื่นใจผู้ชายอย่างผมไม่มาก แต่ก็พอไปได้จากการแสดงของ แอนน์ แฮธอเวย์-นางแมวป่า การขับขี่ยานพิเศษของมนุษย์ค้างคาวที่เธอแสดงก็เร้าอารมณ์ได้ดี "มนุษย์ค้างคาว" เป็นเรื่องมนุษย์สวมหน้ากาก ผู้ร้ายก็เลยสวมหน้ากากบ้าง โดยมีนางแมวป่าเป็นพวก ซึ่งตอนหลังกลับใจเข้าข้างพระเอก เพราะว่าเป็นหนัง...!!