คนไทยจำนวนไม่น้อยตั้งหน้าหากินทางทุจริต เพราะการใช้กฎหมายไม่ขึงขังเข้มงวดทันเกม ขณะนี้มีคนหลอกลวงโดยอาศัยวิธีการประกาศขายรถทางอินเตอร์เนท ไอ้ที่โดนจับไปแล้วโกงคนเป็นร้อยๆ ราย ไอ้ที่ยังจับไม่ได้ กำลังหากินทุกวินาที อยู่ที่ใครจะเป็นเหยื่อ มันทำอย่างนี้ครับ ไปหารูปรถยนต์มือสองซึ่งเป็นรถของใครไม่รู้ มาลงอินเตอร์เนทที่กำลังนิยม บอกสรรพคุณและราคาให้เย้ายวนใจ คนเห็นพากันอยากได้ เมื่อหลายคนต้องการ ตามธรรมเนียม ผู้ซื้อที่ตั้งใจจริงจะขวนขวายรีบโอนเงินไปมัดจำ เช่น 1 หมื่นบาท มันให้โอนเข้าบัญชีนั่นนี่ เช่น อ้างว่าเป็นเมียบ้าง แล้วมันก็นัดขายรถแบบส่งเดช ต่อจากนั้นรายการรถที่ลงในอินเตอร์เนทจะโดนลบ เบอร์โทรที่ใช้ติดต่อมันก็ปิด คนโดนหลอกติดต่อไม่ได้ เสียเงินเปล่า มันไม่หยุดแค่นั้น ประกาศขายรถคันอื่นอีก ล่าเหยื่อต่อไปอีก ให้เหยื่อที่โดนหลอกเห็นในอินเตอร์เนทคาตาว่า มันทำสำเร็จอีกแล้ว นี่คือเรื่องจริง เมื่อเหยื่อสอบถามไปทางผู้ให้บริการอินเตอร์เนท เขาออกตัวง่ายมาก เราห้ามไว้แล้ว อย่าโอนเงินให้ก่อน จนกว่าจะเจอคนขายเจอรถจริงๆ เราจึงช่วยอะไรไม่ได้หรอก เหยื่อจบเห่ จำไว้เลย การซื้อรถทางอินเตอร์เนท ถ้าไม่เจอคนเจอรถจริงๆ ตรวจสอบรถได้จริง อย่าโอนเงินให้ใครเด็ดขาด มีสิทธิ์โดนหลอกได้เสมอ เชื่อว่ามีคนทำอย่างนี้ไม่ใช่แค่รายเดียว เพราะมันค่อนข้างง่ายในการหลอกลวง อ้อ ไปเจอคนเจอรถที่จะขายก็ต้องระวัง อย่าถือเงินสด อย่าทำตัวเป็นตู้ทองเคลื่อนที่ อย่าเอารถดีๆ ราคาแพงไปด้วย เคยมีคดีฆ่าชิงทรัพย์ผู้ที่ไปซื้อรถเกิดขึ้นแล้ว น่ากลัวครับโลกทุกวันนี้ ตามมาด้วยคดีความแก้เซ็งอย่างเคย เป็นเรื่องของ "อายุความ" ซึ่งเป็นไม้ตายของจำเลย ที่จะชักดาบได้โดยชอบด้วยกฎหมาย งานนี้เจ้าของรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากการโดนเฉี่ยวชนจนพลิกคว่ำ คือ "นายฉับไว" และมีญาติที่นั่งมาในรถ คือ "นางคุณขา" ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังดีที่ไม่ตาย เมื่อเจรจากันไม่สำเร็จ นายฉับไว และนางคุณขา จึงจ้างทนายฟ้อง "นายกระหน่ำ" เจ้าของ และคนขับรถ คู่กรณีในทางแพ่ง บังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่พวกตน นายกระหน่ำ นั้นโดนอัยการฟ้องคดีอาญา ศาลตัดสินลงโทษแค่หอมปากหอมคอ คดีอาญายุติไปแล้ว มาตั้งป้อมสู้คดีแพ่ง อ้างนั่นอ้างนี่ขอให้ยกฟ้อง อ้างเรื่องอายุความด้วยเช่นกันว่า คดีขาดอายุความแล้ว เพราะฟ้องมาเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่เกิดเรื่อง ศาลชั้นต้นนั่งบนบัลลังก์ในห้องพิจารณา หน้าเรียบเฉย ฟังคนนั้นคนนี้เบิกความ พร้อมกับเพ่งดูเอกสารสำนวนจนเมื่อยได้ที่แล้ว จึงตัดสินว่าคดียังไม่ขาดอายุความ เพราะยืดไปตามคดีอาญาที่ นายกระหน่ำ โดนฟ้อง บังคับให้จำเลย คือ นายกระหน่ำ จ่ายค่าเสียหายให้ นายฉับไว เจ้าของรถที่ได้รับความเสียหาย และนางคุณขา ชื่อไพเราะเหมือนกัน สำหรับค่าเยียวยารักษา รวมเป็นเงินนับแสนบาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลย คือ นายกระหน่ำ มีทนายดีเหมือนกัน ยกแง่กฎหมายเรื่องคดีขาดอายุความขึ้นมายัน และขออุทธรณ์ตรงไปยังศาลฎีกาในประเด็นเดียวว่า ขาดอายุความไหม จะได้เกมสั้น เพราะใจร้อน ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลฎีกาจึงโชคดีมีงานทำเยอะขึ้น กัดฟันลูบคลำคดีนี้ อ่านแล้ว จึงชี้ขาดออกมาว่า ในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้น อัยการเค้าฟ้อง นายกระหน่ำ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ นางคุณขา ได้รับบาดเจ็บสาหัส สำหรับ นายฉับไว ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ถูก นายกระหน่ำ ขับชน ไม่ใช่ผู้เสียหายในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ส่วนข้อหาตาม พรบ. จราจรทางบก ฯ ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย ยังงี้แล้ว นายฉับไว จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาดังกล่าว และไม่ถือว่าอัยการฟ้องคดีแทน นายฉับไว คำฟ้องของ นายฉับไว ในคดีแพ่ง คือ คดีนี้ จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวกับคดีอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา51ที่จะนำอายุความในทางอาญาซึ่งยาวยืดกว่ามาใช้บังคับ ต้องใช้อายุความ1ปี เมื่อ นายฉับไวรู้ตัวผู้ที่ต้องใช้ค่าเสียหายว่าเป็น นายกระหน่ำ ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง แล้วนำคดีแพ่งมาฟ้องเมื่อล่วงพ้น 1 ปี คดีสำหรับ นายฉับไว จึงขาดอายุความ ศาลฎีกาจึงยอมเวียนหัว พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องในส่วนของ นายฉับไว ซึ่งไม่ฉับไวเหมือนชื่อ เรียกค่าเสียหายจากรถพังไม่ได้สักบาทเดียว นั่งเซ็งจนกระทั่งป่านนี้ เวลาเกิดเรื่องจะเรียกร้องค่าเสียหายหรือเงินทอง อย่านิ่งนอนใจ ต้องเหล่ดูเรื่องอายุความไว้เสมอ ไม่งั้นเจ็บใจ ได้รับความเดือดร้อนยังไม่พอ ยังขึ้นศาลเหนื่อยเปล่า เสียเงินค่าจ้างทนายเปล่าๆ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6026/2550