ประกันภัย
ชำระเบี้ยก่อนจึงคุ้มครอง
เขาเอาเรื่องเก่ามากล่าวย้ำกันอีกสักครั้ง เพราะหลังจาก คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ประกาศใช้ CASH BEFORE COVER กับการประกันภัยรถทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นมา ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังเกิดความสับสนอยู่ เหตุเพราะว่ามันคัดแย้งกับการปฏิบัติเดิมๆ ของวงการประกันภัยในบ้านเราทีเคยใช้มากว่า 50-60 ปี ที่ทุกบริษัทจะให้เครดิทชำระเบี้ยประกันกับลูกค้า และตัวแทนได้ในระยะเวลา 1เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง 3 เดือนบ้าง บางบริษัทเลยเถิดไปถึง 6 เดือนเลยก็มี ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันกันมาแต่ในอดีต บริษัทใดหรือตัวแทนคนไหนให้เครดิทการจ่ายเบี้ยยาวกว่าก็จะได้ลูกค้ามากกว่า เพราะคนไทยชอบจ่ายช้า (เหนียวหนี้)แต่ผลที่ตามมาของระบบเครดิทที่ยืดยาวยืดเยื้อทำให้บริษัทประกันภัยเจ๊ง ล้มละลาย ทุกบริษัทที่ต้องถูกปิดตัวไปล้วนแล้วแต่ไม่มีเงินพอจ่ายค่าสินไหมทดแทน หนี้ค่าซ่อมค้างชำระของอู่ รวมไปถึงเงินเดือนพนักงาน เหตุสำคัญเพราะเงินค่าเบี้ยประกันกว่าร้อยละ 50-60 ไปติดค้างอยู่กับลูกค้าบางส่วน ไฟแนนศ์บางส่วน และตัวแทนอีกบางส่วน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ คปภ. กำหนดให้นำหลัก CASH BEFORE COVER มาใช้กับการประกันภัยรถยนต์ ทั้งการประกันภัยรถตาม พรบ. และการประกันภัยรถภาคสมัครใจ ซึ่งระบบ CASH BEFORE COVER เป็นระบบที่กำหนดให้สัญญาประกันภัยมีผลทันทีเมื่อบริษัทประกันภัยได้รับชำระเบี้ยประกันภัย ทั้งนี้ การชำระเบี้ยประกันภัยแก่ตัวแทนประกันภัย พนักงานและนายหน้าประกันภัยผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท จะถือว่าเป็นการชำระเบี้ยประกันภัยแก่บริษัทแล้วเช่นกัน ทั้งนี้เพราะ คปภ. ได้ไปดูงานประกันภัยมาทั่วโลกทุกประเทศ เขาใช้ระบบนี้กันมานานแล้ว เช่น ในประเทศมาเลเซียมีการนำหลักการนี้มาใช้กับการประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่ปี 2523 สำหรับประเทศไทย ผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันชีวิตอยู่คงมีความคุ้นเคยกับระบบนี้เนื่องจากการประกันชีวิตได้ใช้ระบบนี้มานานมากแล้ว ปัญหาในทางปฏิบัติที่ผ่านมา คือ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยแจ้งทำประกันภัยทางโทรศัพท์ หรือ การทำประกันภัยผ่านตัวแทน-นายหน้าประกันภัย แล้วไม่ได้รับกรมธรรม์ประกันภัย หรือ หลักฐานการชำระเบี้ยประกันภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นอาจเกิดข้อขัดแย้งในภายหลังก็ต้องมีการพิสูจน์ว่าบริษัทรับประกันภัยแล้วหรือไม่ ดังนั้นเมื่อนำหลัก CASH BEFORE COVER มาใช้ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยมีธรรมาภิบาลที่ดี มีความมั่นคง ทำให้ผู้เอาประกันภัยมั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยด้วยความยุติธรรมและรวดเร็ว ข้อแนะนำ เมื่อนำหลัก CASH BEFORE COVER มาใช้วันนี้ ผู้เอาประกันภัยต้องวางแผนในการทำประกันภัยไว้ล่วงหน้า โดยต้องทำประกันภัย หรือ ต่ออายุการประกันภัยให้ตรง หรือ ก่อนวันเริ่มต้นคุ้มครองและชำระเบี้ยประกันภัยทันทีที่ทำสัญญาประกันภัย ก็จะได้รับความคุ้มครองทันทีตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ตกลงไว้ สิ่งสำคัญ คือ ให้เก็บกรมธรรม์ประกันภัย หรือ ใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐาน กรณีการประกันภัยภาคสมัครใจบริษัทประกันภัยอาจไม่สามารถออกกรมธรรม์ประกันภัยได้ทันที ผู้เอาประกันภัยต้องเก็บใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐาน โดยบริษัทประกันภัยต้องจัดส่งกรมธรรม์ประกันภัยให้ภายใน 15 วัน หลักฐานการชำระเงินที่ว่าสำคัญก็เพราะใช้แทนกรมธรรม์ตัวจริงได้ ในการเคลมค่าเสียหายเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เพราะตามกฎหมาย(คำสั่ง คปภ.)ถือว่ามีผลคุ้มครองทันทีที่มีการชำระเบี้ยประกันภัยแล้ว ในทางกลับกันการที่บริษัทออกกรมธรรม์มาให้แล้ว ผู้เอาประกันยังไม่ชำระเบี้ยประกัน ถือว่ากรมธรรม์นั้นยังไม่มีผลคุ้มครองตามกฎหมาย หากเกิดอุบัติเหตุบริษัทก็อาจสามารถปฏิเสธความคุ้มครองได้ ประเด็น CASH BEFORE COVER นี้ ผู้เกี่ยวข้องคนสำคัญเห็นจะเป็นตัวแทน-นายหน้า เพราะในคำสั่ง คปภ. ให้ถือว่าการจ่ายเงินให้กับตัวแทน-นายหน้าที่ได้รับมอบหมาย เท่ากับการจ่ายเงินให้กับบริษัทประกันภัยนั้นๆแล้ว บริษัทจะปฏิเสธความคุ้มครองไม่ได้ เรื่องนี้ คปภ. ได้แนวทางปฏิบัติให้กับบริษัทและตัวแทน-นายหน้า โดยชัดเจนอยู่แล้ว และมีบทลงโทษอย่างหนักถึงขั้นจำคุก สำหรับ บริษัทและ ตัวแทน-นายหน้า ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ทั้งนี้ เลขาธิการ สำนักงาน คปภ. (นางจันทรา บูรณฤกษ์ ) แถลงว่า ได้มีกฎหมายกำกับตัวแทน/นายหน้าประกันภัย ที่ประชาชนควรทราบ ดังนี้ ในกรณีตัวแทนประกันภัย ซึ่งถือว่าเป็นผู้ซึ่งบริษัทมอบหมายให้ทำการชักชวนให้บุคคลทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทซึ่งตัวแทนนั้นสังกัดอยู่ ดังนั้น บริษัทประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนประกันภัย ต่อความเสียหายที่ตัวแทนประกันภัยนั้นได้ก่อขึ้นจากการกระทำการเป็นตัวแทนประกันภัยของบริษัท รวมทั้งตัวแทนประกันภัยต้องแสดงใบอนุญาตเป็นตัวแทนทุกครั้งที่มีการชักชวนให้บุคคลทำสัญญาประกันภัย หรือรับเบี้ยประกันภัยในนามของบริษัท สำหรับนายหน้าประกันภัย ซึ่งถือว่าเป็นคนกลางประกันภัยที่ทำหน้าที่ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคลทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย ดังนั้น นายหน้าประกันภัยจึงต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทประกันภัยทุกครั้งที่มีการรับเบี้ยประกันภัยในนามของบริษัท หรือ ต้องออกเอกสารแสดงการรับเงินของบริษัทประกันภัยทุกครั้งที่มีการรับเบี้ยประกันภัยในนามของบริษัทประกันภัย หากตัวแทน/นายหน้าประกันภัย ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย มีโทษตั้งแต่ปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่น ในกรณีที่ตัวแทนประกันภัยไม่แสดงใบอนุญาตหรือไม่ออกเอกสารแสดงการรับเงินของบริษัท หรือกรณีนายหน้าประกันภัยไม่แสดงหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทประกันภัยที่มีการรับเบี้ยประกันภัยในนามของบริษัท มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ ไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น หากประชาชนผู้ใดพบเห็นการกระทำของตัวแทน/นายหน้าประกันภัย ที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 สำนักงาน คปภ. ภาคทั้ง 5 ภาค หรือสำนักงาน คปภ. จังหวัด ได้ทันที เพื่อสำนักงาน คปภ. จะได้ดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อไป สุดท้ายนี้ขอแนะนำทุกท่านให้ติดตามข่าวสารเรื่องฐานะการเงินและการให้บริการของแต่ละบริษัทประกันภัยอย่างใกล้ชิด ก่อนจะตัดสินในเลือกทำประกันกับบริษัทใด จะได้ไม่เลือกผิดบริษัทแล้วต้องมานั่งเสียใจภายหลังนะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87933