มาตรวัดตลาดรถ
หรูอีกครั้ง
กลับมาสู่โหมดปกติของวงการยานยนต์ เมื่อยอดการขายเดือนเดียว ขายเกิน 1 แสนคัน 122,429 คัน อีกแล้ว เพิ่มขึ้น 74.3 % ทำให้ตัวเลข 6 เดือนของปีนี้ ขยับเป็น 600,537 คัน ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ปีนี้ ล้านสองแน่นอนตัวเลขหนนี้ นับเป็นสถิติ ตั้งแต่เริ่มวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในบ้านเรา ว่ากลับมาสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่ลองมองเข้าไปลึกๆ กลับเป็นว่า เป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าใดนัก เพราะมีตัวแปรหลากหลาย ตั้งแต่กำลังซื้อที่อัดอั้นมานาน เพราะโรงงานประกอบไม่ทัน หรือรถอีโคคาร์ ที่ราคาถูก หรือแรงกระตุ้นจากโครงการ รถคันแรก ของทางราชการ ที่จะหมดอายุปลายปีนี้ ก็ต้องดูกันต่อไป ว่าเจ้าตัวแปรทั้งหลายทั้งปวง พอเหตุการณ์ผ่านไป จะเป็นอย่างไร มาเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันกันบ้าง เรื่องแรก มีการแก้ไขพระราชบัญญัติจราจร กำหนดให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจสั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ ว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ หรือเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น และให้มีอำนาจกักตัวผู้ขับขี่ที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว และไม่ยอมให้ทดสอบ ในกรณีผู้ขับขี่ถูกกักตัวไว้ทดสอบแล้ว หากผู้นั้นไม่ยอมให้ทดสอบโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้นั้นขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น อ่านให้ดีก็แล้วกัน ภาษากฎหมาย แปลเป็นไทยได้ว่า หากเจ้าพนักงานตั้งด่าน และจะให้ผู้ขับขี่ เป่าเครื่องเป่า ที่จะทดสอบว่า ท่านเมาสุราหรือไม่ แต่ท่านไม่ยอมเป่า เจ้าพนักงานมีสิทธิกักตัวท่านไว้ หากยังไม่ยอมทดสอบอีก เจ้าพนักงานมีสิทธิสันนิษฐานว่า ท่านเมาสุรา อันเป็นต้นเหตุของค่าปรับ 1 หมื่นบาท และต้องเสียเวลาในการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ เหตุที่ต้องแก้ไขพระราชบัญญัติ ก็เพราะมีบรรดาหัวหมอ เยอะไปหมด เจอด่านก็ไม่ยอมเป่า เจ้าพนักงานก็ทำอะไรไม่ได้ คราวนี้ถ้าไม่ยอมอีก ยังไงก็โดนนะขอรับ บรรดาผู้ดื่มสุราทั้งหลาย กรุณารับทราบด้วย กลับมาเรื่องตลาดรถยนต์บ้าง โดยเฉพาะ อีโคคาร์ ที่กำลังโด่งดัง อยู่ 4 ยี่ห้อ เริ่มเห็นวิ่งกันตามท้องถนนแล้ว กรมสรรพสามิต ท่านประมาณการเอาไว้ว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมียอดจองซื้ออย่างน้อย 500,000 คัน แต่ท่านไม่ได้บอกว่าจะได้รับรถเมื่อใด อันหลังนี่กระผมแจ้งเอง เพราะบางค่าย ก็ต้องหยุดรับจองไปเรียบร้อยแล้ว แถมมีข่าวว่า เริ่มมีขายใบจองกันแล้ว เหมือนยุคกระเบื้องเฟื่องฟูลอยไม่ผิด ก็ว่ากันไป และหากเป็นไปตามที่คาด ปี 2554 ประเทศไทยมียอดการผลิตรถยนต์เป็นอันดับที่ 13 ของโลก เพราะปัญหาน้ำท่วมใหญ่ แต่ปี 2555 นี้ โรงงานทุกแห่ง ทำงานกัน 2 กะ แบบหามรุ่งหามค่ำ ประเมินอีกว่า จะมียอดการผลิตรวม 2.2-2.3 ล้านคัน อันจะส่งผลให้ประเทศไทยเลื่อนอันดับขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ตามความคาดหมาย แถมอีกเรื่องหนึ่ง กำหนดการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จะมีขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคม นี้ ที่จะชี้ชะตาว่า ราคาแกสธรรมชาติ ทั้ง ซีเอนจี และ แอลพีจี จะทยอยปรับราคา ในรูปแบบใด ที่แน่นอนว่า กระทบกับกระเป๋าของทุกท่านแน่นอน หลังจากชะงักการขึ้นราคามาตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม แล้ว มันเป็นเรื่องจำเป็นครั้งสำคัญ เพราะเส้นตายของ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนใกล้เข้ามาทุกที ไม่อย่างนั้น อาจโดนประเทศในกลุ่มอาเซียน โวยเอาได้ ว่าพลังงานไทย ราคาถูกกว่าประเทศอื่น ต้องอย่าลืมว่า ท่านรัฐมนตรี ที่แหย่เรื่องขึ้นราคาแกสธรรมชาติ ท่านต้องเก็บของจากห้องทำงานท่านเร็วขนาดไหน ฝากจับตาดูให้ดีก็แล้วกัน มาคุยเรื่องตัวเลขหนนี้กัน ยอดการขายเดือนมิถุนายน เดือนเดียว ขายได้ 122,429 คัน เพิ่มขึ้น 74.3 % โดยยอดรวม 600,537 คัน เพิ่มอยู่ 39.0 % ดูกันว่าใครขายมากที่สุด ยังคงเดิม โตโยตา ขาย 45,346 คัน เพิ่ม 78.9 % ส่วนแบ่งตลาด 37.0 % อันดับสอง ฮอนดา ขาย 17,548 คัน เพิ่มมากมาย เพราะโรงงานเพิ่งผลิตได้ 248.4 % ส่วนแบ่ง 14.3 % อันดับสาม อีซูซุ ขาย 17,276 คัน เพิ่ม 34.0 % ส่วนแบ่ง 14.1 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขาย 11,593 คัน เพิ่ม 74.7 % ส่วนแบ่ง 9.5 % และอันดับห้า นิสสัน ขาย 8,161 คัน เพิ่ม 35.5 % ส่วนแบ่ง 6.7 % ประเภทรถยนต์นั่ง เดือนเดียวขาย 56,661 คัน เพิ่ม 78.7 % รวมหกเดือนขายอยู่ 239,369 คัน เพิ่ม 28.1 % โดยมี โตโยตา ขายมากสุด 19,129 คัน เพิ่ม 42.9 % ส่วนแบ่ง 33.8 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 16,029 คัน เพิ่ม 241.8 % ส่วนแบ่ง 28.3 % ที่สาม นิสสัน ขาย 7,325 คัน เพิ่ม 69.4 % ส่วนแบ่ง 12.9 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 4,492 คัน เพิ่ม 105.3 % ส่วนแบ่ง 7.9 % และที่ห้า มาซดา ขาย 3,922 คัน เพิ่ม 24.0 % ส่วนบ่ง 6.9 % ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แจกวาร์ ขาย 3 คัน มิตซูโอกะ ขาย 2 คัน และ แฟร์รารี ขาย 1 คัน รถอเนกประสงค์อื่นๆ ก็โตด้วย ขาย 2,203 คัน เพิ่ม 68.4 % หกเดือนขาย 13,090 คัน เพิ่ม 26.1 % โดยมี โตโยตา ขายมากสุด 1,724 คัน โต 87.2 % ครองส่วนแบ่งสูงสุด 78.3 % มี ฮันเด ตามมาห่างๆ 392 คัน เพิ่ม 32.0 % ส่วนแบ่ง 17.8 % นั่นคือความสำเร็จของตลาดยานยนต์บ้านเรา ในยามที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต ท่ามกลางภาวะซวนเซในหลายประเทศ ก็ได้แต่หวังเอาไว้ ว่าจะสามารถพยุงไปให้ได้ในปีนี้ อย่าให้มีพายุมาถาโถมเข้าใส่ เหมือนปีก่อนๆ เลย วงการจะได้ชื่นมื่นในช่วงปลายปีอย่างเต็มที่เสียที โดยเฉพาะยอดจองในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 สิ้นปีนี้ จะทะยานพรวดขนาดไหน น่าติดตามนะขอรับ
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ