ร่มไม้ชายศาล
เลือกรถกันหน่อย
หากท่านเปิดคอมพิวเตอร์ ดูชาวเนทเขาวิจารณ์รถรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะรถออกใหม่ในบ้านเรา จะมันผสมเซ็ง เพราะส่วนหนึ่งพูดจาภาษาคน คือ สุภาพ ตามที่ตนมีความรู้ ความเห็น อีกส่วนหนึ่งเป็นขาลุย ทั้งๆ ไม่ใช่เรื่องการเมือง ซึ่งคนไทยกำลังตั้งป้อมฟัดกันแบบไม่เลือกหน้า ก็ยังเขียนข้อความด่าทอหน้าตาเฉย ชนิดหยาบคาย ถ้าเจอหน้ากันจริงๆ มีหวังได้เรื่องผสมเลือดก็แล้วกัน ฝรั่งมังค่าเดี๋ยวนี้อีหรอบเดียวกัน เรียกว่าฉะกันด่ากันได้ทุกเรื่อง ในสังคมออนไลน์ประมาณว่าเก็บกด หรือ โรคจิต ระบายออกแล้วอารมณ์ดี...สบายใจ...กินข้าวได้มื้อหนึ่ง ไม่ฝืดคอกระมัง แต่มีข้อน่าสังเกตเกี่ยวกับรถ คนบ้านเราเน้นเรื่อง หุ่นภายนอก ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง แจ่มไม่แจ่ม เน้นภายใน จ๊าบไม่จ๊าบ ตามมาด้วย แรงไหมแรง แล้ว ยี่ห้อ ราคา โดยเฉพาะเรื่องขายต่อ อ้อ เดี๋ยวนี้เน้นเรื่องประหยัดน้ำมันอีกนิดหนึ่ง สิ่งที่น่าจะสน แต่เราไม่สนเท่าที่ควร คือ "อุปกรณ์ความปลอดภัย" มักไม่พูด หรือโต้กันแง่นี้ อย่างดีก็เร่งแซงทันใจ หรือเปล่า นุ่มไหม เกาะถนนไหม เมื่อมาถึงยุคนี้แล้ว จะเรียกว่ายุคอะไรก็ตาม ผู้ผลิตรถเขามานะพยายามอย่างมาก สามารถใช้สรรพคุณอันยอดเยี่ยมอัจฉริยะของ "ระบบสมองกล" หรือ "คอมพิวเตอร์" เป็นตัวช่วยในการขับขี่รถชนิดต่างๆ ให้ปลอดภัยอย่างที่สุด เหนือกว่าที่มนุษย์จะทำได้ในการขับรถ ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่า ใช้ได้จริง ไม่ได้ใส่เข้าไปส่งเดช เพื่อคิดสตางค์แพงขึ้น อย่างว่า ตัวช่วยหรือกลไกเสริมเหล่านี้ สื่อที่มีความรู้มักระบุแบบทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเขียนบอกถึงสรรพคุณก็แค่สั้นๆ ผลที่ตามมา คือ ชาวบ้านไม่เกิดความเข้าใจ ใส่ใจ ว่าดีอย่างไร จำเป็นต้องใช้รถที่มีอุปกรณ์อย่างนั้นไหม เห็นเป็นภาษาอังกฤษเข้าไปด้วย ยิ่งปล่อยให้ผ่านๆ ไปซะ เกาะติดเรื่องสวยไม่สวย แรงไม่แรง ขายต่อดีไม่ดี แค่นั้นเอง สิ่งที่ตามมาในประการสุดท้าย คือ ออกรถป้ายแดงแท้ๆ แต่ไม่ค่อยคำนึงถึง "อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย" ว่ามีในรถนั้นๆ หรือไม่ เพียงพอหรือไม่ อย่างดีก็ว่า มีเบรค เอบีเอส ไหม ซึ่งเป็นของตายอยู่แล้ว มีถุงลมไหม เยอะไหม อันเป็นอุปกรณ์สุดท้ายที่ต้องใช้ เมื่อตูมขึ้นมา อย่างเข็มขัดนิรภัย ซึ่งใช้บ้างไม่ใช้บ้างตามอำเภอใจ ยี่ห้อ ในลักษณะสาวกผู้ภักดี ไม่เคยเหลือบแลสรรพคุณ หรือกึ๋นรถยี่ห้อต่างๆ เลย นาทีนี้"คนไทยเลือกได้" แล้วครับ จะหล่อจะสวยหรือไม่ก็ตาม รถค่ายต่างๆ ที่ขายในบ้านเรา ซึ่งสนใจความปลอดภัยของลูกค้า ไม่ใช่สนแต่เงิน หรือค่างวดของเรา เขาพยายามเติมเต็มเรื่องความปลอดภัยให้รถทุกประเภท แม้กระทั่งรถกระบะ อยู่ที่เราจะมีความเข้าใจ เลือกใช้เพื่อรักษาชีวิตของเราและคนในครอบครัวหรือไม่ ผมเขียนมาข้างต้นเพราะหดหู่เหลือเกินที่เห็นคนบ้านเราเป็นเหยื่อ จากการใช้รถที่ด้อยในเรื่องอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งๆ ที่เลือกได้ ไม่ใช่มีแต่รถราคาแพง ซื้อรถป้ายแดงแท้ๆ แต่ไม่เซฟทีเท่าที่ควร เผลอเมื่อไร "ซิ่ง" เพราะเห็นว่าเครื่องมันแรงเมื่อไร ตายกับตาย ที่อนาถไปกว่านั้น คือ ตายเหมาคัน ตายยกครัว มีข่าวแทบทุกวัน สื่อที่เก่งๆ ในเรื่องสรรพคุณของรถ เกี่ยวกับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ซึ่งเดี๋ยวนี้มีเพียบ สมควรแจกแจงบ่อยๆ ให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ไม่วิชาการเกินไป ถือว่าสร้างบุญกุศล ด้วยการรักษาชีวิตเขาเหล่านั้นก็แล้วกันนะครับ ตามมาทันทีด้วยคดีความเพื่อให้คึกคักเช่นเคย งานนี้เหมาลำอีกเช่นกัน รถยนต์ที่ "นายมั่นใจ" ขับอยู่บนถนน ไม่สามารถหลบหลีกรถสิบล้อที่ "นายเหมาหมด" ลูกจ้างของ "นางได้บุญ" แถมาเฉี่ยวชน ผลคือ นายมั่นใจ และญาติทั้งคนแก่ และเด็ก 4 ชีวิต ตายเรียบ เท่ากับโชเฟอร์รถกระบะเหมาหมดเหมือนชื่อของเขา ผลที่ตามมาอย่างหนึ่ง คือ บริษัท เจริญรับทรัพย์ประกันภัย จำกัด ต้องจ่ายเงินเป็นค่าประกันภัยส่วนบุคคลให้แก่ผู้วางวายคนละก้อนตามสัญญา หมดไปหลายแสนบาท บริษัทประกันแทบทั้งนั้น รู้สึกไม่สนุกสักเท่าไรในการจ่ายทรัพย์ จึงหาทางเรียกเงินคืน ด้วยการฟ้อง นายเหมาหมด กับ นางหาบุญ รวมไปถึงบริษัทประกันที่รับประกันรถสิบล้อนั้นด้วย อ้างว่าต้นเหตุเกิดจากรถกระบะล้วนๆ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบ ชำระเงินที่บริษัทเจริญรับทรัพย์ประกันภัย ฯ จ่ายให้ผู้ตาย พร้อมดอกเบี้ย จำเลยพากันสู้คดี อ้างนั่นนี่ขอให้ยกฟ้อง ยกเว้น นางได้บุญ อยู่บ้านเฉยๆ ศาลชั้นต้นพิจารณาด้วยการออกเหงื่อ นั่งฟังพยานของทั้ง 2 ฝ่ายหลายปาก เมื่อยก้นกบพอประมาณ แล้วตัดสินยกฟ้อง ขึ้นยกสองเพราะโจทก์ คือ บริษัทเจริญรับทรัพย์ ฯ ชื่อเป็นมงคลไม่เบา ยื่นอุทธรณ์เพื่อเอาชนะให้ได้ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแต่สำนวน จึงสบายกว่าศาลแรกเล็กน้อย แล้วยอมเมื่อยด้วยการพิพากษายืน ให้จำเลยชนะคดีอีกเช่นเคย คดีผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ยุติ เพราะโจทก์มุมานะจะเอาเงินคืนให้ได้ จึงยื่นฎีกาให้ผู้พิพากษาซึ่งอายุเยอะๆ นั่งหรือเอนอ่านสำนวนด้วยความละเหี่ย เมื่อคดีนี้ไปถึงคิว แล้วชี้ขาดออกมาว่า อีงานนี้มีปัญหาที่ศาลฎีกาต้องขบให้แตกว่า กรมธรรม์ประกันภัยของรถยนต์ ในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของผู้รับประกันภัย ต่อการมรณะของบุคคล เป็นสัญญาประกันชีวิตหรือไม่ ศาลฎีกาเล็งแล้วเห็นว่า ข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัย ในส่วนที่เป็นการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิต เป็นสัญญาประกันชีวิตอย่างหนึ่ง โดยอาศัยความมรณะของบุคคลเป็นเงื่อนไขแห่งการใช้เงิน ตามกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา 889 ไม่ใช่การประกันวินาศภัยแต่เพียงอย่างเดียว ดังที่โจทก์อ้าง ตามบทบัญญัติว่าด้วยการประกันชีวิต ไม่ได้ให้สิทธิแก่ผู้รับประกันภัยที่จะเข้ารับช่วงสิทธิได้อย่างการประกันวินาศภัย เพราะงั้นแม้โจทก์จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต ก็ไม่มีสิทธิเข้ารับช่วงสิทธิ เพื่อฟ้องเรียกเงินจำนวนนั้นจากจำเลยทั้งหมด ศาลล่างเขาตัดสินยกฟ้องโจทก์นั่นเป๊ะแล้ว ศาลฎีกาแม้จะแก่ไปหน่อยก็ยอมเมื่อย พิพากษายืน ให้บริษัท เจริญรับทรัพย์ประกันภัย จำกัด แพ้คดีอย่างเด็ดขาด เข้าใจตามนี้นะครับ ถ้าบริษัทประกันเขาจ่ายเงินให้ผู้ตายในอุบัติเหตุ ในลักษณะของเงินประกันชีวิต หรือ ยึดเอาการตายเป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงิน ดังเช่นคดีนี้ เขาฟ้องไล่เบี้ยผู้อื่นที่ละเมิดเกี่ยวกับรถจนมีคนตายไม่ได้ ใครโดนฟ้องจะได้สบายใจ รู้ว่าสู้ได้และชนะคดี อย่าได้ตกอกตกใจ ไปเจรจาจ่ายเงินให้เขาไม่เข้าการ กรณีของรถสมัยนี้ที่มีอุปกรณ์ตัวช่วยให้เราขับขี่ได้ปลอดภัย พี่น้องสมควรให้ความสนใจนะครับ ใครๆ ต่างขับรถได้ก็จริง แต่รถดี ไม่ใช่แค่รถสวย ย่อมปลอดภัยกว่า รักษาชีวิตน้อยๆ ของเราได้ดีกว่า เดี๋ยวนี้ราคาไม่เกินเอื้อม อยู่ที่เราเลือกเป็นหรือไม่เท่านั้นเอง โชคดีนะครับ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8911/2550
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/87197