โค้งอันตราย
อย่างหรู
ผ่านเดือน 4 ไปอย่างหรูทีเดียว หลังสภาพโดยรวม ทั้งด้านเศรษฐกิจ ค่อยๆ กระเตื้องตามการอัดฉีดจากภาครัฐ ด้านการเมืองก็ค่อนข้างนิ่ง ทำให้ด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนไปได้เรื่อยๆ ทำเอายอดการขายรถยนต์ เพิ่มขึ้นเดือนเดียวถึง 29.0 % ขายกันทั้งตลาด 86,780 คันค่ายรถยนต์ทุกค่าย ต่างก็พากันยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ต่างก็พากันมียอดขายเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็สามารถเลือกซื้อหายานพาหนะประจำตัวได้หลากหลาย แม้ว่าสัดส่วนของการขายรถกระบะ จะยังเติบโตมากกว่ารถยนต์นั่ง ก็เพราะความจำเป็นในการใช้งาน เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องข้อร้องเรียนเรื่องรถแต่ละรุ่น ก็ยังคงเป็นข่าวออกมาอย่างสม่ำเสมอ จะว่าไปแล้ว บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ ต่างก็อยากให้รถของตัวเอง ผลิตออกมาได้อย่างมีคุณภาพ แต่ผู้บริโภค ก็ประสบกับปัญหาต่างๆ นานา ทำให้ต้องออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน ทั้งด้วยตัวเอง หรือทางโซเชียล เนทเวิร์ค ก็เข้าใจความรู้สึกของผู้บริโภค ว่าเสียเงินซื้อมาใช้แล้ว มีปัญหา ทำให้ต้องออกมาร้องเรียน บางเรื่องก็จบลงด้วยดี บางเรื่องก็คาราคาซังกันอยู่นาน อยากบอกเอาไว้ตรงนี้เลย ว่าหาข้อมูล ศึกษาจากผู้รู้กันให้ดีเสียก่อน ก่อนจะเสียเงินเกือบล้าน ซื้อหายานยนต์มาใช้ ในโซเชียล เนทเวิร์ค มีให้ลองสืบค้นได้เยอะ ลองพิมพ์ยี่ห้อ รุ่นรถ ที่อยากจะได้มาครอบครอง ให้ อากู๋ ลองช่วยหาข้อมูลให้ดูก่อนแล้วกัน มาเรื่องทั่วไปบ้าง เรื่องแรก ประชานิยม สรุปว่ารัฐบาล ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เรื่องที่ 2 จัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา 800 คัน/วัน ใน 73 เส้นทาง จัดรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมจำนวน 164 ขบวน/วัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์จำนวน 8 ขบวน/วัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เรื่องนี้ ท่าจะจัดกันอีกนาน เพราะได้ผลในแง่จิตวิทยา ให้ผู้คนรู้สึกว่า ไม่แพง หรือเปล่าเอ่ย ตามติดมาด้วย ให้มีการพิจารณา การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแกสโซฮอล ที่จะปรับเพิ่ม เดือนละ 1 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซล อัตรา 0.60 บาท/ลิตร แก้ไขใหม่ เป็นน้ำมันดีเซล ให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารเดือดร้อน ให้ กบง. ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแกสโซฮอล ให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคา ระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแกสโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ส่วนเรื่องของแกส ซีเอนจี และ แอลพีจี ที่ส่งเสียงแข็งขัน มากตั้งแต่รัฐมนตรีคนก่อน ว่าต้องทยอยปรับราคาขึ้น ให้คุ้มกับต้นทุน ที่ขาดทุนสะสมอยู่มากมาย โดยจะทยอยปรับเดือนละ 0.50 บาท/กิโลกรัม มาตรการประชานิยม ก็แก้ไขใหม่เป็น ให้คงราคาขายปลีกแกส ซีเอนจี ที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ต่ออีก 3 เดือน จนถึง 15 สิงหาคม หลังจากนั้นค่อยพิจารณาการปรับราคาขายปลีกอีกครั้ง แกส แอลพีจี ภาคอุตสาหกรรม ที่ตั้งท่าจะปรับไตรมาสละ 3 บาท/กิโลกรัม 4 ครั้ง ให้แก้เป็น ให้พิจารณาจากต้นทุน จากโรงกลั่นน้ำมัน แกส แอลพีจี ภาคขนส่ง ตั้งท่าเอาไว้ว่าจะปรับเดือนละ 0.75 บาท/กิโลกรัม แก้เป็น ปรับพร้อมกับ การขึ้นราคาแกส ซีเอนจี 0.50 บาท/กิโลกรัม และให้คงราคาขายปลีกที่ 21.13 บาท/กิโลกรัม ต่อจนถึง 15 สิงหาคม ถัดมา เป็นเรื่องของการเช่ารถ ใช้ในราชการ ที่แต่เดิมเช่ารถใหม่ทุกๆ 3 ปี แก้เป็น ทำสัญญาเช่ารถยนต์ใช้ในราชการเป็นระยะเวลา 5 ปี และมีการปรับปรุงอัตราค่าเช่าจากเดิม ลงลงราวร้อยละ 10 เพื่อให้คุ้มค่า รวมทั้งจะสามารถเช่าได้ในอัตราที่ถูกลง นอกจากนั้น ยังปรับลดค่าใช้จ่ายลงตามสมควร รวมทั้งค่าเบี้ยประกันภัยชั้น 1 ด้วย อันนี้ก็เกิดผลกระทบกับผู้ให้เช่า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยเดือดร้อนกันอยู่แล้ว เลยไม่มีเสียงโวยวายอะไรออกมาเหมือนเรื่องอื่นๆ เรื่องสุดท้าย อันนี้เป็นเรื่องการให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน สาธาณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สปป. ลาว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการก่อสร้างถนนจากภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไชยะบุรี สปป. ลาว วงเงินรวม 718 ล้านบาท โครงการที่ว่านี่ มีความคุ้มค่าและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของ สปป. ลาว รวมทั้งอยู่ภายใต้ กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ GMS ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทย และ สปป.ลาว แต่เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจในภาพรวมของ สปป. ลาว มีแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น โดยจะเห็นได้จาก GDP ของ สปป. ลาว ที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 7-8 ทุกปี เลยปรับลดสัดส่วนของเงินกู้และเงินให้เปล่า จากร้อยละ 70:30 เป็นร้อยละ 80:20 วงเงินค่าใช้จ่ายของโครงการ แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง 661 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง 33 ล้านบาท ค่าสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด 20 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ 4 ล้านบาท รวม 718 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินให้เปล่าร้อยละ 20 เงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน ร้อยละ 80 อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.5 ต่อปี อายุสัญญา 30 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 10 ปี ใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างและวิศวกรที่ปรึกษา นิติบุคคลไทย การใช้สินค้าและบริการจากไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าสัญญาจัดจ้าง หรือจัดซื้อ ถ้าถนนเส้นนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะทำให้การเดินทางเข้าไปใน สปป. ลาว สะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับบรรดาผู้ที่ชื่นชอบการขับรถเดินทางท่องเที่ยวทั้งหลาย ข่าวคืบหน้าจะนำมารายงานในโอกาสต่อไป หนนี้ขอลาไปชื่นชมกับค่ายรถยนต์ ที่ต่างก็พากันสนุกสนานกับการจัดกิจกรรม การแย่งชิงพื้นที่ข่าวสาร โดยเฉพาะพื้นที่ข่าวหน้าหนึ่ง เห็นจะไม่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของใครกันนะขอรับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86540