ชีวิตอิสระ
ขับรถเที่ยว
การเดินทางเยือนประเทศเวียดนาม กับคาราวาน โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก THE SPIRIT OF CHAMP ยังคงอยู่ที่ใจกลางของประเทศ และจะเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายปลายทางที่เมืองซาปา ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามต่อกันได้เลยครับ
ฮาลอง-ฮานอย ใกล้เพียงนิด
แต่เดินทางไม่ง่ายอย่างที่คิด
เช้าวันนี้ เรือสำราญ WHITE DOLPHIN ได้ถอนสมอพาคณะเข้าชมเกาะแก่งในทะเลสาบคืนดาบ ก่อนที่จะกลับมาเดินทางด้วยรถยนต์อีกครั้ง ระยะทางที่กำหนดไว้ 170 กม. หากขับในไทย คงใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 3 ชม. แต่เมื่ออยู่ที่เวียดนาม ทุกอย่างกลับตาลปัตร คิดว่าระยะทางกว่า 100 กม. จะเป็นการขับขี่แบบชิลล์ๆ แต่ปัญหาก็มาเกิดขึ้นตอนช่วงเข้าเมือง เพราะนอกจากรถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน ที่ชาวเวียดนามใช้กันหนาแน่น และขับขี่กันอย่างไม่มีระเบียบ รถยนต์ที่พลุกพล่านในเมืองหลวง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความเครียดให้ชาวคณะเป็นอย่างมาก
หากจะเข้าในเมืองฮานอย บทเรียนการใช้รถยนต์ในรูปแบบต่างๆ ต้องลืมให้หมด แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยระยะทางเพียงไม่ถึง 20 กม. คณะของเราได้พบกับอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนถึง 2 ครั้ง ในระยะเวลาไม่ห่างกัน การขับขี่จึงควรทิ้งระยะห่างจากคันหน้าไม่เกิน 2 ม. เพื่อไม่ให้มีรถแทรก ซึ่งจะเสียรูปขบวนได้ กว่าจะถึงจุดพักรถกลางกรุงฮานอย เราใช้เวลาเดินทางไปทั้งสิ้นเกือบ 6 ชม. เมื่อรถจอดสนิท ต่างคนต่างจับกลุ่มพูดคุยถึงอุปสรรคที่ผ่านมา ชนิดที่เรียกว่า ลุ้นระทึก ก่อนเข้าที่พักเพื่อชาร์จพลังเตรียมเดินทางไกลเกือบ 400 กม. ของวันถัดไป
หนีร้อนจากฮานอย ไปพึ่งเย็นที่ซาปา
ผจญโค้ง ขึ้น/ลงเขา เกือบ 400 กม.
วันนี้ถือเป็นการเดินทางที่โหดร้ายที่สุดในทริพนี้ก็ว่าได้ เราใช้เส้นทางเป็นถนน 2 เลนที่แคบมาก หากขับรถสวนกับชาวบ้านต้องลุ้นอยู่ตลอดว่าจะพ้นหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นทางโค้ง และขึ้น/ลงเนินเขา การเดินทางในวันนี้ต้องอาศัยความสามัคคีของผู้นำทางและผู้ร่วมทริพ เพราะหากเกิดความผิดพลาดเพียงน้อยนิด เท่ากับว่า เกิดอุบัติเหตุแน่นอน นอกจากช่วงล่างและเครื่องยนต์ที่ต้องทำงานเป็นอย่างหนัก การใช้เบรคและเกียร์ที่เหมาะสมนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงสภาพอากาศในเขตเมืองซาปาที่หนาวเหน็บ วัดอุณหภูมิได้เพียงแค่ 15 องศาเซลเซียส บนความสูงกว่า 1,500 ม. จากระดับน้ำทะเล ทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นเป็นทวีคูณ
มีบางช่วงที่คณะของเราทำผิดกฎหมาย คือ เรื่องของการใช้ความเร็วรถเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้ เพราะต้องทำเวลา ความเร็วที่ใช้ในวันนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 กม./ชม. แต่ด้วยสภาพเส้นทางที่ต้องบอกว่า หืดจับ ทักษะการควบคุมรถของชาวคณะ จึงถูกนำมาใช้ทุกรูปแบบ ต้องบอกว่าช่วงนี้สารอดรีนาลีนในร่างกายยังวิ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา หากนึกสภาพเส้นทางไม่ออก เปรียบเทียบกับเส้นทางโค้งคดเคี้ยวใน จ. แม่ฮ่องสอน ของบ้านเรา การขับขี่นั้นยังง่ายกว่าที่นี่อยู่มาก แต่ทั้งหมดก็สามารถฟันผ่าอุปสรรคต่างๆ และไปถึงที่พักในเมืองซาปา ครบทุกคน และทุกคัน
กลับเข้าเมืองฮานอย
ในช่วงธรรมชาติไม่เป็นใจ
ขบวนคาราวานเดินทางกลับไปยังกรุงฮานอยอีกครั้ง แต่ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย ทั้งหนาว หมอกหนา ฝนตกตลอดเส้นทาง บางช่วงน้ำฝนได้นำพาดินโคลนมาปนเปื้อนบนถนน ทำให้ต้องใช้ทักษะการขับขี่เพิ่มขึ้น และต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะมีเสียหลักบ้าง ก็สามารถควบคุมรถกลับมาในทิศทางเดิม ผ่านเส้นทางนี้ไปได้ ข้างหน้า คือ เมืองหลวงฮานอย ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ เมืองแห่งนี้วุ่นวายและแออัดไปด้วยรถนานาชนิด ครั้งที่เรามาเยือนเมื่อ 2 วันที่แล้ว ทำให้เป็นบทเรียนแห่งการขับรถในเมืองหลวงที่หาไม่ได้จากเมืองไทยอย่างแน่นอน
การเดินทางกับคาราวาน โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก THE SPIRIT OF CHAMP บนเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ ไทย-ลาว-เวียดนาม บนระยะทางเกือบ 2,000 กม. ก็ได้ปิดฉากลง พร้อมงานเลี้ยงต้อนรับอย่างอลังการ บนโรงแรมระดับ 5 ดาว กลางเมืองฮานอย
ก่อนกลับ คณะสื่อมวลชนไทยยังได้เข้าชมสุสานของประธานโฮจิมินห์ ที่ใจกลางกรุงฮานอย และเดินชอพพิงบนถนน 36 สาย เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมประสบการณ์แปลกใหม่ที่ยากจะมีคนได้สัมผัส
ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่จัดทริพทดสอบรถบนเส้นทางต่างแดนได้ครบรส และเต็มรูปแบบ
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณัฐเทพ เผ่าจินดา
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)