ร่มไม้ชายศาล
เตือนสติ/บริษัทขนส่งฝรั่ง
การใช้ข้าวของต่างๆ สมัยนี้ เช่นรถยนต์ ต้องมี "คำแนะนำ" รวมทั้ง "คำเตือน" ประเทศเจริญแล้วที่เราให้เครดิทฝรั่ง ยิ่งเน้นเป็นพิเศษ ซื้อสินค้าอะไรก็แล้วแต่ มีเอกสารกำกับให้ศึกษาสนุกสนาน ขณะที่ไทยเราไม่ชอบอ่าน เป็นภาษาอังกฤษยิ่งแล้วใหญ่ แต่ใช้เครื่องไม้เครื่องมือได้หน้าตาเฉย จนฝรั่งงง"ชีวิต" ของเราๆ ท่านๆ ซึ่งโชคดีได้เกิดเป็นมนุษย์ มีความพิสดารกว่าสัตว์โลกทุกชนิด ก็น่าจะมีความสำคัญ สมควรมีคำแนะนำ หรือคำเตือนในการ "ใช้ชีวิต" เพื่อให้เกิดสวัสดิภาพ ประสิทธิภาพ คุณภาพ ภราดรภาพ มิตรภาพ ใช่ไหมพี่น้อง ด้วยเหตุนี้ จึงมีข้อเสนอง่ายๆ ให้ท่านหาอะไรมาสะกิด มาเตือนเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ "ใช้รถ" ซะหน่อย ผมว่าคุ้ม ในเมื่อ "ภัยจราจร" ขณะนี้น่ากลัว เกิดขึ้นในบ้านเราชนิดนับไม่ถ้วน โดยไม่ต้องเทศกาล เอาง่ายๆ ท่านที่รัก กรุณาเจียดเวลาสักนิดหนึ่ง ไปด้อมๆ มองๆ "อู่ซ่อมรถ" เลือกเจ้าใหญ่สักหน่อย จำพวกที่เรียกว่า "อู่ศูนย์ซ่อม" หมายถึง อู่ที่บริษัทประกันเลือกไว้ให้รถเข้าซ่อม มีทุกจังหวัด ไม่ใช่ไปเหล่สาวในออฟฟิศ...ไปยืนมองดูบรรดารถที่ยับเยินจากอุบัติเหตุ เดี๋ยวนี้แต่ละเจ้า สุมไว้มากมาย ส่วนใหญ่ตากแดดตากฝน สภาพดูไม่จืด เนื่องจากซ่อมไม่ทัน ผู้ที่เอารถไปเคลมไปรอซ่อมรู้ดี เดือดร้อนไปตามๆ กัน ไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อไร นี่คือเรื่องจริง นั่นคือ "คำเตือน" ของแท้ ดูให้ซึ้งๆ ดูให้นานๆ แล้วท่านจะ "หนาว" และตระหนักได้ว่า "อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ" ตัวอย่างมากมายเห็นตำตา ผู้เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย สูญเสียกระทั่งชีวิตร่างกายโดยง่าย เราแน่มาจากไหน ถึงได้ซิ่งรถอุตลุด ในแบบฉบับไทยๆ ซึ่งกฎหมายเป็นยิ่งกว่ากระดาษชำระมานานแล้ว จนเกิดภัยอันตราย มีซากรถกองพะเนินตลอดเวลา ไม่อยากเป็นอย่างเขา โดยตัวเรายังมีชีวิตหรือเปล่าไม่รู้ น่าจะ "ถอนคันเร่ง" ซะบ้าง ขับแบบสบายๆ ไปถึงที่หมายเสมอ เพื่อไม่ให้รถของเราไปเป็น "สมาชิกแห่งความหายนะ" ไม่ใช่สมาชิกบ้านทรายทอง ในศูนย์ซ่อมต่างๆ อย่างน่าอนาถ ดีไหมครับ จริงไหมครับ ถูกต้องไหมครับ ไปส่องดูบ่อยๆ แถวๆ โรงพักก็มี ช่วยเตือนสติดีนักแล โดยเฉพาะรายที่ใครห้ามไม่ได้ในฐานะ "นักซิ่งประจำครอบครัว" คนใกล้ๆ ต้องนั่งรถไปด้วย เสี่ยงตายด้วยเป็นประจำ สวดมนต์ปลุกพระเป็นประจำ ขอร้องให้เขาไปดู พาเขาไปดู จะได้ไม่เสียใจภายหลัง นำเรียนมาด้วยความปรารถนาดีล้านเปอร์เซนต์... ตามมาติดๆ ด้วยคดีเพื่อความครึกครื้นอย่างเคย งานนี้น่าสนใจ เผยไต๋ให้เห็นว่า ฝรั่งอมเป็น ฝรั่งปัดความรับผิดเป็นเหมือนกัน จนกระทั่งศาลไทย ซึ่งพักหลังโดนถากถางเรื่อง 2 มาตรฐานอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่มีมาตรฐานระดับสากล สมควรได้ ISO ระดับสูง ต้องออกเหงื่อตัดสินชี้ขาด ชนิดที่ "บริษัทขนส่งฝรั่ง" รายใหญ่ (อุบชื่อไว้ด้วยไมตรี) หนีไม่ออก เรื่องราวเกิดขึ้น เมื่อลูกค้าที่อเมริกา สั่งซื้อสินค้าจาก "บริษัท ไทยเฮจัง จำกัด" คิดเป็นราคาค่างวดแสนกว่าบาท จึงจัดส่งโดยพึ่งพาบริษัทขนส่งระดับโลก ที่ผมอุบชื่อนั่นแหละ ภายหลังต่อมา ผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้า ผู้เดือดร้อนรายแรกคือ "บริษัทชัวร์จังเลย ประกันภัย" ซึ่งเป็นของฝรั่งไม่ใช่เกาหลี ที่ "บริษัท ไทยเฮจัง จำกัด" ไม่ประมาท ทำประกันการส่งสินค้าเอาไว้ แอ่นอกรับภาระจ่ายค่าสินค้าให้จนครบถ้วน ต่อจากนั้น "บริษัท ชัวร์จังเลย ประกันภัย" แบมือเรียกร้องให้บริษัทขนส่ง ซึ่งมีสาขาในบ้านเรารับผิด จ่ายค่าสินค้าคืน สปีคกันล้งเล้ง บริษัทขนส่งบอกว่า ถ้าจะจ่ายอย่างมากไม่เกิน 100 เหรียญ ฯ หรือ 20 เหรียญ ฯ ต่อ 1 กิโลกรัม แล้วแต่จำนวนไหนจะมากกว่ากัน ยูเอาไม่เอาตามใจ เอกสารการขนส่งเขียนมัดทนโท่ ยูอย่ามากเรื่อง บริษัทประกันทำตามขั้นตอน อย่างที่นายกชวนถือปฏิบัติ ให้บริษัทรับจ้างสำรวจภัย กรณีสินค้ามีปัญหา ซึ่งอยู่ที่อเมริกา ความว่า พนักงานของบริษัทขนส่งที่โน่น หอบสินค้าไปส่งยังอาคาร ตรงตามเลขที่ระบุไว้ แต่ดันส่งให้ห้องเลขที่ 102 แทนที่จะเป็นห้อง 120 ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้า ต่อมารู้ว่าส่งผิดห้อง บริษัทขนส่งพยายามติดตามเอาคืน แต่ไม่สำเร็จ โดนฝรั่งอมว่างั้นเหอะ จนมีการแจ้งความกันที่โน่น เมื่อได้ความดังว่า และบริษัทขนส่งยืนยัน ไอจ่ายไม่เกิน 100 เหรียญ ฯ "บริษัท ชัวร์จังเลย ประกันภัย" จึงต้องพึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางของไทยเรา ฟ้องร้องบังคับให้บริษัทขนส่งจ่ายค่าสินค้าและค่าเสียหายแสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย บริษัทขนส่งชื่อดัง สู้คดี อ้างนั่นนี่ อ้างข้อสัญญารับขนที่เขียนมัดลูกค้าไว้แล้ว ขอให้ยกฟ้อง ศาลไทยชื่อยาวเฟื้อยของเราพิจารณาแล้ว พยักหน้าเห็นด้วยกับบริษัทขนส่ง ที่ใส่เกราะป้องกันไว้แล้ว ให้จ่ายแค่ 100 เหรียญ ฯ หรือ 3 พันกว่าบาท "บริษัท ชัวร์จังเลย ประกันภัย" หน้าเหย รับไม่ได้ จึงยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา ตามวิธีการของคดีพรรค์นี้ เอาแค่ 2 ศาลจบ แต่เสียเวลาหลายปีเหมือนกัน ตามประสาบ้านเรา ศาลฎีกากัดฟันเพ่งดูคดีนี้ ซึ่งมีเอกสารภาษาปะกิดอยู่พอสมควรจนตาลาย แล้วชี้ขาดออกมาว่า จำเลย คือ บริษัทขนส่งฝรั่งรายนี้ ประกอบกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ การดำเนินการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้รับโดยถูกต้อง เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของตนโดยตรง สามารถควบคุมสั่งการป้องกัน มิให้เกิดการผิดพลาดขึ้นได้ การที่พนักงานของจำเลยนำสินค้าไปส่งห้อง 102 แทนที่จะส่งห้อง 120 อาคารเดียวกัน อันเป็นที่อยู่ของผู้รับที่ระบุในใบรับขนของ เมื่อบริษัทผู้ซื้อยังไม่ได้รับสินค้า จำเลยจึงต้องรับผิดชอบต่อบริษัทผู้ส่งตามสัญญารับขนของ ตามพฤติการณ์ชัดเจนว่า พนักงานของจำเลย ประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลผู้ประกอบอาชีพแบบนี้ ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ ถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนเกิดความเสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นทั้งละเมิดและผิดสัญญารับขนของ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าที่ถูกขโมยไปเต็มจำนวน แม้ใบรับขนทางอากาศ ซึ่งเป็นแบบฟอร์มมาตรฐานของจำเลย เขียนมัดคอผู้ส่งสินค้า ระบุเงื่อนไขจำกัดความรับผิดไว้ในข้อ LIMITATION OF LIABILITY แปลได้ความว่า ผู้ขนส่งจะจำกัดความรับผิด สำหรับการสูญหาย เสียหาย ส่งมอบชักช้า การขาดหายไป การส่งมอบสินค้าผิดที่ หรือไม่ได้ส่งมอบสินค้าไว้ที่จำนวนสูงสุด 100 เหรียญ ฯ ต่อการขนส่งหนึ่งเที่ยวหรือ 20 เหรียญ ฯ ต่อสินค้าน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า ในข้อ LIABILITY NOT ASSUMED แปลได้ว่า ผู้ขนส่งจะไม่รับผิดสำหรับการสูญหาย เสียหาย ส่งมอบชักช้า การขาดหายไป การส่งมอบสินค้าผิดที่หรือพลาดต่อการให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับการขนส่ง ที่เกิดจากเหตุการณ์ที่ผู้ขนส่งไม่สามารถควบคุมได้ ตัวเองก็เด้งเชือกไม่ออก เพราะมีกฎหมายแพ่ง มาตรา 373 ของไทยรัดคอไว้ว่า ความตกลงทำไว้ล่วงหน้า เป็นข้อความยกเว้น มิให้ลูกหนี้ต้องรับผิด เพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนนั้น ท่านว่าเป็นโมฆะ" ในเมื่อโจทก์พิสูจน์ได้แบเบอร์ว่า พนักงานของบริษัทส่ง ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ศาลฎีกาจึงไม่ต้องเมื่อยด้วยการพิพากษายืน แต่พิพากษากลับ บังคับให้จำเลยจ่ายเต็มตามฟ้อง การขนส่งในบ้านเรา ก็ใส่เกราะไว้เหมือนกัน หนทางที่ถูกต้องคือ ผู้ส่งควรหาหลักประกันไว้ก่อน ดังเช่น "บริษัท ไทยเฮจัง จำกัด" ในคดีนี้ จึงจะปลอดภัย เพราะการค้าความแพ้ชนะยังไม่รู้ แต่ต้องใช้เวลาอักโข คดีนี้แค่ 2 ยกจบ เกิดเรื่องปี 2547 ศาลฎีกาชำแหละออกมาปี 2553 นับนิ้วมือดูดิว่าเร็วหรือช้าล่ะ ย้ำอีกที ต้องพิสูจน์ว่าการขนส่งผิดพลาดเกิดจาก "ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" ของผู้ขนส่ง ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากผู้ส่งสินค้า จึงจะนอคบริษัทขนส่งได้ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4672/2553
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86150