ประสาใจ
WOMEN OF THE WORLD
คนไทยมี นส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ตั้งแต่ปี 2554 จะถือเป็นหลักไมล์แห่งความสำเร็จของงานทางด้านการเมืองของเพศหญิงหรือไม่ เป็นเรื่องชวนติดตามผลการบริหารจัดการต่อไปของผู้นำหญิงคนนี้
การเข้ามาบัญชาการในฐานะเป็นผู้นำของ นส. ยิ่งลักษณ์ เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว เป็นความท้าทายอย่างน่าตื่นเต้น ด้วยประเทศไทยขณะนั้นประสบมหาอุทกภัย รุนแรงมากสุดในรอบ 50 ปี มวลน้ำจากเหนือไหลเข้าโจมตีตอนล่าง ผ่านกรุงเทพมหานคร ก่อนจะเคลื่อนตัวมหึมาลงสู่ทะเล
ความหลากหลายของปัญหา มิได้มีเพียงการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ผู้ประสบภัยธรรมชาติ หากยังครอบคลุมด้วยปัญหาข้อขัดแย้งของผู้คนทางสังคมที่สะสมมานาน และปัญหาระดับชาติ อันเกี่ยวข้องและโยงใยถึงนานาประเทศรวมถึงการทำหน้าที่เป็นผู้นำ ที่จะต้องมีความสัมพันธ์ และแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมโชว์บุคลิกภาพบนเวทีโลกร่วมกับผู้นำอื่น
ห้วงเวลาเดียวกันกับที่ นส. ยิ่งลักษณ์ ขึ้นทำเนียบ สุภาพสตรีระดับโลกอีกหลายคนต่างก็โชว์ศักยภาพของตน รวมทั้งบทบาทของ อังเกลา เมร์เคล นายกรัฐมนตรีหญิงกางเขนเหล็ก-เยอรมนี ฮิลลารี รอดแฮม คลินทัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ฯ หรือแม้กระทั่ง นางออง ซาน ซูจี ผู้ค้นหาประชาธิปไตยบนแผ่นดินพม่า ด้วยความเพียร
ความเท่าเทียมกันระหว่างชายกับหญิง เป็นประเด็นถกเถียงมานาน อีกทั้งมีการจัดตั้งสถาบันวิจัยและชี้นำ การก้าวไปข้างหน้าของมวลสุภาพสตรีโลก จนน่าจะได้ข้อยุติว่าผู้หญิงยังล้าหลังผู้ชายเพียง 2 ด้าน นั่นก็หมายถึง สตรียังมีบทบาทตามหลังเพศชายในด้านการมีส่วนร่วมในภาคเศรษฐกิจและโอกาส และด้านการมีอำนาจในงานทางการเมือง
ระหว่างปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมประจำปี WORLD ECONOMIC FORUM ที่เมืองดาโวส ประเทศสวิทเซอร์แลนด์ และมีโอกาสเป็นผู้นำการประชุมย่อยในหัวข้อ WOMEN AS THE WAY FORWARD ร่วมกับบุคคลหลากหลายอาชีพ 4 คน
การประชุมกลุ่มย่อยดังกล่าว เป็นประเด็นมุ่งไปทางช่องว่างระหว่างเพศชายกับเพศหญิง ซึ่ง WEF มีรายงานประจำปีผลการวิจัย เรียกชื่อว่า GLOBAL GENDER GAP REPORT ซึ่งมีการจัดอันดับ 135 ประเทศ ตามลำดับความเก่งของผู้หญิง
พวกเขาเริ่มกิจกรรมนี้มาตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งตามรายงานประจำปีฉบับที่ 6 (ปี 2011) 10 ประเทศแรกที่ผู้หญิงในประเทศพบความสำเร็จเรียงลำดับได้ดังนี้
ไอศ์แลนด์ มาเป็นอันดับ 1 ตามด้วย นอร์เวย์, ฟินแลนด์, สวีเดน, ไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, เดนมาร์ค, ฟิลิปปินส์, ราชอาณาจักรเลโซโธ และสวิทเซอร์แลนด์ส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงมักจะประสบความสำเร็จในงานทางด้านสุขภาพ การดำรงชีวิต และการศึกษา
สถิติของเมืองไทยตามรายงานประจำปี ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา เริ่มตั้งแต่อันดับที่ 40 ตามด้วยอันดับที่ 52 ในปี 2007 และ 2008 ขณะที่ปีต่อมาอยู่อันดับที่ 59 ตามด้วยอันดับที่ 57 ในปี 2010 จนถึงปีที่แล้ว 2011 ประเทศไทยติดอันดับที่ 60
ไม่น่าเป็นข้อกังวลสำหรับหญิงไทยเท่าไร ถ้าเปรียบเทียบกับบางประเทศของเอเชียด้วยกัน เช่น จีน ติดอันดับที่ 61 เวียดนาม อันดับที่ 79 อินโดนีเซีย อันดับที่ 90 มาเลเซีย อันดับที่ 97 ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้หญิงให้ความนับถือผู้ชายมากที่สุด ติดอันดับที่ 98 กัมพูชา อยู่อันดับที่ 102 สาธารณรัฐเกาหลี ติดอันดับที่ 107 ขณะที่อินเดีย อยู่อันดับที่ 113 ปรากฏว่า สิงคโปร์ ติดอันดับที่ 57 ผู้คนของประเทศนี้น่าสนใจ ในเรื่องความแข็งแกร่งทั้งในด้านเศรษฐกิจ และความสัตย์ซื่อของมวลชน
ทั้งหมดนั้นเป็นภาพรวมแห่งความสำเร็จของสุภาพสตรี แต่ถ้าแยกประเภทลงไปแล้ว ผู้หญิงที่มีส่วนร่วมในงานทางด้านการเมือง สิงคโปร์ ติดอันดับที่ 83 ล้ำหน้าประเทศไทย ที่ติดอันดับ 97 การประชุมกลุ่มย่อยในหัวข้อ WOMEN AS THE WAY FORWARD ที่เมืองดาโวส เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วม คือ พระสังฆราชเดสมอนด์ เอม ตูตู จากแอฟริกาใต้, มิเชลล์ บาเชอเลต์ เลขาธิการสหประชาชาติหญิง, ทาลาล อัล ซาอิน ซีอีโอ มุมทาลากัท บาห์เรน และเชอรีล แซนด์เบิร์ก ซีอีโอเฟศบุค สหรัฐ ฯ และมีตำแหน่งเป็นประธานร่วมในการประชุม WEF ประจำปี 2012
สุภาพสตรีผู้กล่าวนำการประชุมย่อยนี้ คือ นส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย
ผู้ดำเนินรายการเป็นเหยี่ยวข่าวมือฉกาจของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ส ชื่อ นิโคลัส ดี คริสตอฟ ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ประจำของสำนักพิมพ์เมืองนิวยอร์ค เคยผ่านการปฏิบัติงานนอกประเทศหลายครั้ง รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
นอกจากรายนามของบรรดาบุคคลบนเวทีแล้ว ข้างล่างลงมาเป็นการเรียงแถวนั่งของผู้ที่สนใจ เรียกว่างานนี้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ารับฟังและซักถามข้อสงสัย
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เปิดการประชุมด้วยการขออนุญาตกล่าวเป็นภาษาไทย โดยมีผู้แปล คำต่อคำ ไปยังผู้ร่วมการประชุมเป็นภาษาอังกฤษ ต่อด้วยการแสดงความเห็นของแต่ละคน เริ่มจาก เลขาธิการสหประชาชาติหญิง มิเชลล์ บาเชอเลต์ ตามด้วย พระสังฆราชเดสมอนด์ เอม ตูตู, ทาลาล อัล ซาอิน และเชอรีล แซนด์เบิร์ก
จะเห็นได้ว่ามี สุภาพสตรีระดับโลก 3 คน อีก 3 คนที่เหลือ (รวมทั้งผู้ดำเนินรายการ) เป็นเพศชาย ถือว่ามีความเท่าเทียมกันไปได้ในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ถือเป็นความเสมอภาค
ซีอีโอหญิง เชอรีล แซนด์เบิร์ก ของเฟศบุค สหรัฐ ฯ ชี้ว่า ผู้หญิงวันนี้ยังมีปัญหาในด้านช่องว่างความมักใหญ่ใฝ่สูง ผู้หญิงของโลกไม่ค่อยคำนึงถึงสิ่งที่มีคุณค่าสูงไปกว่านั้น รังแต่จะจมปลักอยู่กับประเพณีดั้งเดิมล้าสมัย ขณะที่เพศชายก็ถูกกระตุ้นให้สวมบทผู้รุกรานการมีสิทธิของสุภาพสตรี
ปัญหาทางด้านความเสมอภาคยังคงมีอยู่ หลายสังคมบนโลกใบนี้ ผู้หญิงจะถูกให้รับหน้าที่อบรมเลี้ยงดูบุตรธิดาและงานบ้าน ทั้งๆ ที่บ่อยครั้งมีความสามารถในการทำงานทัดเทียมผู้ชาย
เชอรีล แซนด์เบิร์ก กล่าวว่า
ผู้หญิงเราจะมีทางรู้ได้อย่างไรว่า พ่อเจ้าประคุณสามีของเธอทั้งหลาย สามารถทำงานได้เท่าเทียมศรีภรรยา ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขาลงมือทำ ?
นส. ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีของไทย เน้นการถ่ายทอดความรู้แก่สตรี เนื่องจากเห็นว่า เป็นทางเดียวที่ทำให้ผู้หญิงสามารถป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากการถูกข่มขืนทางเพศ
ท่านนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ความรู้จะช่วยให้อัตราการคลอดก่อนกำหนด และการทำแท้งลดจำนวนลง พร้อมแถลงด้วยว่า เมืองไทยกำลังเริ่มโครงการก่อตั้งกองทุนพิเศษสำหรับสตรี เพื่อแสวงหาความรู้ที่พร้อมจะต่อสู้กับปัญหาบางอย่างของผู้หญิง เป็นต้นว่า อาชีพโสเภณี
สุภาพสตรีคนที่ 3 คือ มิเชลล์ บาเชอเลต เลขาธิการสหประชาชาติหญิง ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้หญิงของโลกวันนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้น ในด้านที่ต้องการปล่อยฝีมือในการบริหารให้มีความเท่าเทียมกับเพศชาย โดยเฉพาะงานที่ผู้คนมักชอบคิดเสมอว่า ต้องเป็นผู้ชายทำเท่านั้น
มิเชลล์ บาเชอเลต เล่าถึงเด็กผู้ชายเล็กๆ คนหนึ่งในฟินแลนด์ เมื่อถูกถามว่า อยากจะเป็นประธานาธิบดีไหม ? เด็กตอบว่าผมเป็นไม่ได้ครับ ประธานาธิบดีทุกคนเป็นผู้หญิง
เด็กฟินแลนด์รายนี้ รู้จัก ทาร์จา ฮาโลเนน ประธานาธิบดีหญิงแห่งฟินแลนด์ วัย 68 ปี มาตั้งแต่จำความได้
พระสังฆราชเดสมอนด์ เอม ตูตู ยกย่องความสำเร็จของสุภาพสตรีที่สามารถทำให้เป้าประสงค์การพัฒนา 8 ประการหลักของสหประชาชาติ ได้ถึง 6 ประการ
ท่านระบุว่า ขอให้สังคมชาวโลกบางสถานที่ยุติการนำผู้หญิงวัยเยาว์เข้ามาสู่การแต่งงาน เพราะมันคือ อุปสรรคสำคัญที่ทำให้เด็กผู้หญิงด้อยโอกาสในการเรียนรู้
หลังจากมีการซักถามบางประเด็นจากผู้สนใจเข้าร่วมการประชุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศแล้ว ผู้ปิดการประชุมย่อยก็ต้องเป็น ท่านนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ คราวนี้ท่านก็พูดภาษาอังกฤษ
ความสำคัญโดยสรุป คือ ท่านพูดถึงภาพของประเทศไทย บทบาทปัจจุบันของผู้หญิงไทยในการมีส่วนร่วมตามฐานะผู้ไม่นิยมความรุนแรง โดยท่านต้องการผลักดันให้หญิงไทยมีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อความก้าวหน้าของแผ่นดิน
เรื่องทั้งหลายของวันนี้ เป็นเรื่องของผู้หญิง ซึ่ง อดัม อย่างผม ขาด อีวา ไม่ได้ ไม่งั้นก็ขาดความรู้ถึงรสชาติแห่งความสำเร็จ ซึ่งโลกจะบรรลุได้ต้องมีทั้ง อีวา และอดัม...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85628