X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
DIY...คุณทำเองได้
1 Jan 2012
เปลี่ยนหลอดไฟหน้า
เวลากลางคืน อย่าปล่อยให้รถ หน้ามืด เพราะอาจเกิดของอุบัติเหตุได้ง่ายๆ ฉบับนี้ขอแนะนำวิธีเปลี่ยนหลอดไฟหน้าแบบฮาโลเจน ใครยังไม่เคยเปลี่ยน พิถีพิถันหน่อยนะครับ อายุของหลอดไฟหน้านั้น ในคู่มือรถไม่ได้บอกไว้ เนื่องจากไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพการผลิต ระยะเวลาในการเปิดใช้งาน ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยแล้วอายุของหลอดไฟหน้าทั่วไป (ฮาโลเจน) จะอยู่ประมาณ 2,000-2,500 ชม. ต้องมีหลอดไฟหน้าสำรองติดบ้านไว้อีกสักชุด
ชนิดของหลอดไฟหน้า
1. หลอดฮาโลเจน (HALOGEN BULB) ส่วนใหญ่เป็นหลอดไฟที่ติดรถมาจากโรงงานนั่นแหละครับ หลอดฮาโลเจนมีขดลวดทังสเตนภายในครอบแก้วควอร์ทซ์ ซึ่งบรรจุแกสฮาโลเจน หลอดฮาโลเจนจะให้แสงสว่างมาก มีลำแสงยาว และเป็นแสงขาว ทำให้เห็นสีและภาพต่างๆ ได้ชัดเจน ไอระเหยของแร่ทังสเตนจากขดลวดจะไม่ไปสะสมและเกาะที่บริเวณครอบแก้วด้านในของหลอดไฟ แต่จะปะปนอยู่กับแกสฮาโลเจนภายในหลอด และจะสะสมกลับไปที่ขดลวดอีกครั้ง ซึ่งช่วยให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น ใช้ไฟเลี้ยง 55/60 วัตต์ (ไฟต่ำ 55 วัตต์ และไฟสูง 60 วัตต์) 2. หลอด HID (HIGH INTENSITY DISCHARGE) คือ เทคโนโลยีไฟส่องสว่างที่ต่างไปจากระบบฮาโลเจนปกติ แสงของหลอดฮาโลเจนจะเกิดจากการเปล่งแสงของขดลวดความต้านทาน ขณะที่แสงของ HID จะเกิดจากการปล่อยกระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่านแกสซีนอน (XENON) คล้ายกับการทำงานของหลอดฟลูออเรสเซนท์ การสปาร์คครั้งแรกจะใช้แรงดันไฟสูงถึง 25,000 โวลท์ ก่อนจะลดระดับลงมาเป็นไฟเลี้ยงที่ 35 วัตต์ 12 โวลท์ ซึ่งทำให้ใช้ไฟเลี้ยงน้อยกว่าหลอดแบบฮาโลเจน ให้ความสว่างที่มากกว่า และอายุการใช้งานนานกว่า เนื่องจากไม่ใช้ไส้หลอด
รูปแบบของหลอดไฟ
โคมไฟหน้ารถยนต์มีหลากหลายรูปแบบ ทำให้หลอดไฟต้องมีหลายรูปแบบเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น H ต่างๆ ที่นิยมกัน เช่น หลอด H1 จะมีลักษณะเป็นหลอดไส้เดียว ดวงเดียว เป็นแบบเสียบเข้ากับขาเสียบด้านหลัง ใช้กับโคมไฟแบบแยกไฟสูงกับไฟต่ำ ส่วนใหญ่อยู่ในรถยุโรป หรือรถญี่ปุ่นรุ่นใหญ่ๆ หลอด H4 จะได้รับความนิยมจากผู้ผลิตมากที่สุด (รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในบ้านเราใช้หลอดรุ่นนี้) มีลักษณะอ้วน ไส้หลอดเรียงตามยาว ชั้นบนจะมีฝาครอบไว้เป็นไฟต่ำ ส่วนชั้นล่างจะมีเพียงขดลวดเท่านั้น (ไม่มีฝาครอบ) เมื่อติดพร้อมกันจะเป็นไฟสูง ด้านท้ายจะมี 3 ขา สำหรับไฟ สูง/ต่ำ และขั้วดินอีก 1 ขา หลอด H7 สำหรับรถยุโรปที่มีลักษณะผสมกันระหว่าง H1 กับ H4 คือ มีไส้เดียว แต่ใช้เบ้าใหญ่ เพื่อรองรับกับหลอดไฟแบบ HID
อุปกรณ์
1. หลอดไฟหน้าใหม่ 2. ถุงมือ 3. ผ้าสะอาด
ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟหน้า
1. สวมถุงมือ ป้องกันของมีคมบริเวณรอบๆ 2. ถ้าเนื้อที่ไม่พอ เพราะมีชิ้นส่วนในเครื่องยนต์เกะกะ ค่อยๆ ถอดออกเท่าที่จำเป็น 3. ดึงปลั๊กไฟที่อยู่บริเวณหลังโคมไฟออกก่อน 4. ค่อยๆ ดึงตัวกันฝุ่นออกอย่างช้าๆ 5. เมื่อดึงออกแล้วให้มองหาตัวยึดขั้วหลอดไฟ ต้องดู และจำว่าลักษณะลอคแบบไหน 6. ค่อยๆ กดตัวลอคขั้วหลอดไฟพร้อมกับดันขึ้น ให้หลุดออกมา 7. จับบริเวณขั้วหลอดไฟ แล้วค่อยๆ ดึงออก ห้ามจับตัวหลอดไฟเด็ดขาด ! 8. นำหลอดไฟใหม่ออกมา โดยต้องเป็นชนิดเดียวกัน คือ แบบ H4 9. จับบริเวณขั้วหลอดไฟ สังเกตติ่งที่ยื่นออกมา 3 ขา จะมีขาหนึ่งอยู่ตรงกลาง และอีก 2 ขาจะติดกัน 10. นำหลอดไฟใส่เข้าไปในโคม โดยหมุนในตำแหน่งให้พอดีกับเบ้าภายในโคมไฟ 11. นำตัวยึดขั้วหลอดไฟ ใส่เข้าไปยึดกับตัวลอค โดยกดและดันลงอย่างต่อเนื่องกัน 12. เชคดูว่าแน่นพอดีกับเบ้าภายในโคมไฟหรือไม่ 13. ใส่ยางกันฝุ่นกลับเข้าที่เดิม โดยต้องกดให้แนบสนิทเท่านั้น 14. นำปลั๊กไฟมาเสียบเข้าที่เดิม เป็นอันเสร็จ
ข้อควรระวัง
ห้ามใช้มือจับ บริเวณหลอดแก้วของหลอดไฟอย่างเด็ดขาด เนื่องจากภายในหลอดฮาโลเจนมีความร้อนสูงมากถึง 250 องศาเซลเซียส (สูงขนาดเอามาจุดบุหรี่ติดได้) มีปริมาตรภายในต่ำ และคายความร้อนยาก ถ้าโดนนิ้วมือเรา หลอดแก้วจะเกิดคราบมันจากมือ เมื่อเปิดใช้งาน ความร้อนที่สูงมากจากภายในหลอดแก้ว จะทำให้คราบมันนั้นเป็นรอยขุ่นดำ ทำให้หลอดขุ่นมัวไม่สว่างเหมือนเดิม ถ้าพลาดเอามือไปโดน ให้ใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ เช็ดคราบมันให้หมดไป ส่วนหลอดไฟที่เสียแล้ว ควรใส่ในภาชนะที่แข็งแรง เพื่อที่หลอดไฟจะได้ไม่แตกเวลาถูกกระแทก และควรแยกทิ้งให้เป็นที่ เพราะเป็นขยะอันตราย
อ่านต่อ
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : ธีรวิทย์ โตจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/85035
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
DIY...คุณทำเองได้
DIY...คุณทำเองได้
21 May 2022
ล้างเคลือบรถ ทำเองได้ ประหยัดด้วย
DIY...คุณทำเองได้
17 Apr 2022
เติมน้ำยาแอร์ ทำเองได้ ไม่จำกัดฤดู
DIY...คุณทำเองได้
17 Dec 2021
เปลี่ยน แบทเตอรี ด้วยวิธีติดเครื่องยนต์