วิถีตลาดรถยนต์
สงครามพิคอัพเริ่มแล้ว
กลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว สำหรับการจำหน่ายซื้อขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงหลังจากที่สะดุดเสียจังหวะ ทำให้ในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมียอดรวมที่ติดลบ แต่มาถึงเดือนกรกฎาคม การซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคักมากขึ้น ทำให้ตัวเลขยอดรวมกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้นในเดือนต่อๆ ไปอีกด้วย
เดือนกรกฎาคม เป็นเดือนที่มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในบ้านเรา ตั้งแต่เรื่องใหญ่ของประเทศ อย่างผลของการเลือกตั้งสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหญ่ ทุกเขตทั่วประเทศ รวมถึงผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งผลออกมาพรรคเพื่อไทยคว้าชัยชนะได้เสียงข้างมากในสภาไปครอง ทำให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สิ่งที่ต้องตามมา คือนโยบายที่ใช้หาเสียงจนครองใจคนไทยส่วนใหญ่ จะเป็นไปได้จริงดังคำหาเสียงหรือไม่ประการใด และนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของรถยนต์ คือ การยกเลิกส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ที่จะทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศไทยปรับตัวลดลง และเรื่องที่จะมีการคืนเงินภาษีสรรพสามิตแก่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรก ทั้ง 2 เรื่องคงได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากที่รัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ แต่จะทำให้เงินในกระเป๋าผู้ใช้รถเหลือมากน้อยเท่าไร เมื่อต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในยุคนายก ฯ หญิง และรถยนต์คันแรกจะจูงใจให้ผู้ต้องการมีรถยนต์ส่วนตัวไว้ใช้สักคันหนึ่งในชีวิต ตัดสินใจสืบเท้าเข้าโชว์รูมรถยนต์ เลือกซื้อรถยนต์ที่หมายตาไว้มากน้อยเพียงไร
อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการยานยนต์บ้านเราโดยตรง คือ การส่งรถพิคอัพรุ่นใหม่ของ โตโยตา ขึ้นสู่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ โตโยตา ทั่วประเทศ อย่างเป็นทางการ พิคอัพใหม่ที่เป็นเหมือนสัญญาณบอกว่า นับแต่นี้ไปตลาดรถพิคอัพบ้านเราร้อนระอุอย่างแน่นอน และโตโยตา ต้องคว้าแชมพ์ในตลาดนี้มาครองให้ได้ คือ โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ ที่ถึงแม้เรียกว่าโมเดลใหม่แกะกล่องได้ไม่เต็มปากนัก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในหลายจุด ทั้งที่มองเห็นจากภายนอก และที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า, ไฟหน้า, ไฟท้าย, เหลี่ยมสันบนฝากระโปรงหน้า, ระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น และเพื่อเป็นการสร้างกระแสให้เป็นที่รับรู้กันโดยทั่ว พรีเซนเตอร์โฆษณา ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ ใหม่ นี้จึงต้องไม่ธรรมดา เป็นบุคคลที่รู้จักกันในระดับโลกเลยทีเดียว และเป็นนักฟุตบอลแข้งทองของทีมฟุตบอลชื่อดังเมืองกระทิงดุ กริสติอาโน โรนัลโด นั่นเอง โตโยตา จะเดินทางอย่างมั่นคงถึงฝั่งฝันแชมพ์พิคอัพยอดนิยม 6 ปีซ้อน ในสถานการณ์ที่ถึงแม้จะได้เปรียบในเรื่องของยอดจำหน่ายรวม แต่ในเซกเมนท์ของพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่รองจากตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล อีซูซุ ยังได้เปรียบอยู่ในส่วนนี้ โดยเฉพาะในด้านของยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีมา และที่สำคัญ หมากเด็ดที่ อีซูซุ เตรียมไว้รับมือกับ โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ จะทำให้ตลาดพิคอัพ 1 ตัน แข่งขันกันร้อนแรงขนาดไหน เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
เดือนกรกฎาคม การซื้อขายรถยนต์ใหม่ของเรากลับมาคึกคักกันอีกครั้งหนึ่ง มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 72,902 คัน เทียบกับเดือนกรกฎาคม ปี 2553 เพิ่มขึ้น 11.0 % เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ที่ผ่านไป ตลาดบ้านเรามีการซื้อขายกันมากขึ้น 3.8 % ขณะที่ยอดรวมตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นมา ปาเข้าไป 504,914 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2553 ถึง 19.5 % โดยตลาดขนาดใหญ่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงอย่างรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยังมีการปรับตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากยังมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่สนองตอบความต้องการของผู้ใช้รถได้ตรงจุดตรงประเด็น ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดรองลงมาที่มีส่วนแบ่งการตลาดไม่สูงนัก อย่างพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถเอสยูวี ยังมียอดจำหน่ายที่ติดลบอยู่ แต่เมื่อบวกลบกันแล้วการขยายตัวของตลาดขนาดใหญ่มีมากกว่า ส่งผลต่อตัวเลขรวมมากกว่า จึงทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนกรกฎาคม กลับมาเป็นบวกอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง ตลาดที่การเติบโตสูงสุดเดือนนี้ ได้แก่ ตลาดพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 30,673 คัน เพิ่มขึ้น 15.4 % ตามด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยอดจำหน่าย 31,151 คัน เพิ่มขึ้น 12.9 % ส่วนที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดเป็นตลาดพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ จำหน่ายได้ 1,315 คัน ลดลง 18.5 % ตามด้วยรถเอมพีวี 1,125 คัน ลดลง 6.4 % และรถเอสยูวี 4,609 คัน ลดลง 5.6 %
ในตลาดพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนกรกฎาคม โตโยตา กลับมาทวงตำแหน่งพิคอัพขายดีที่สุดได้อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ยอดรวมตั้งแต่ต้นปียังเป็นรองทางฝั่ง อีซูซุ แต่เมื่อ โตโยตา มีของใหม่สดออกมา ขณะที่ อีซูซุ ยังสงวนท่าทีรอฤกษ์พานาทีทองอยู่ กว่าจะถึงเวลาลั่นกลองรบของ อีซูซุ ผลงานรวมยอดของ โตโยตา น่าจะแซงผ่านไปแล้วในเดือนสิงหาคม, กันยายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ต้องเป็นงานหนักของทั้งคู่ที่จะปิดฤดูกาลจำหน่ายปี 2554 ในตำแหน่งแชมพ์พิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อยอดนิยม เดือนกรกฎาคม ผลงานของ โตโยตา ที่ส่วนใหญ่ยังเป็น ไฮลักซ์ วีโก โฉมเก่าอยู่ จำหน่ายไปได้ทั้งสิ้น 11,906 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว 9.0 % อีซูซุ จำหน่าย ดี-แมกซ์ ไปได้ทั้งสิ้น 10,162 คัน เพิ่มขึ้น 1.7 % อันดับที่ 3 เป็นความยอดเยี่ยมของ มิตซูบิชิ ที่แรงปลายขึ้นมาผิดหูผิดตา สำหรับ ทไรทัน จำหน่ายไป 3,504 คัน เพิ่มสูงขึ้นถึง 115.4 % นิสสัน ตามมาในอันดับที่ 4 ด้วยยอดจำหน่าย 1,708 คัน เพิ่มขึ้น 12.3 % และอันดับที่ 5 เชฟโรเลต์ จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 1,108 คัน เพิ่มขึ้น 66.4 % สำหรับยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีมีทั้งสิ้น 210,876 คันเพิ่มขึ้น 20.1 % อีซูซุ นำตลาดอยู่ด้วยยอดจำหน่าย 78,203 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 37.1 % โตโยตา อันดับ 2 ยอดจำหน่าย 72,342 คัน ส่วนแบ่งตลาด 34.3 % มิตซูบิชิ 23,841 คัน ส่วนแบ่งตลาด 11.3 % นิสสัน 13,407 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.4 % และเชฟโรเลต์ 6,289 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.0 %
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 1,315 คัน โตโยตา ยังคงเข้าตานักเลงพิคอัพขับ 4 ยกสูงอยู่เหมือนเดิม จำหน่ายไป 944 คัน ส่วนแบ่งตลาด 71.8 % ได้รับความนิยมรองลงมาเป็น มิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 124 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.4 % ตามมาเป็น นิสสัน 112 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.5 % อีซูซุ ได้รับความนิยมในอันดับที่ 4 มียอดจำหน่าย 99 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.5 % และฟอร์ด เข้ามาในอันดับที่ 5 จากยอดจำหน่าย 23 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.7 % ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9,406 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 5.2 % โตโยตา มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 62.4 % จากยอดจำหน่าย 5,865 คัน อีซูซุ ตามอยู่ห่างๆ ในอันดับที่ 2 ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 16.9 % ยอดจำหน่าย 1,588 คัน นิสสัน เหนียวแน่นกับอันดับที่ 3 มียอดรวมอยู่ที่ 919 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.8 % มิตซูบิชิ อยู่ในอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งตลาด 8.2 % จำหน่ายได้ 771 คัน อันดับที่ 5 เป็น ฟอร์ด ได้ส่วนแบ่งตลาด 1.8 % จากยอดจำหน่าย 169 คัน
รถเอสยูวี ยอดรวมทั้งเดือน 4,609 คัน มิตซูบิชิ ได้รับความนิยมอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เรียกว่าเกือบ 30 % ของลูกค้าที่เดินเข้าโชว์รูม มิตซูบิชิ มีความต้องการหรือชื่นชอบ ปาเจโร สปอร์ท เป็นพิเศษ เดือนกรกฎาคม มิตซูบิชิ จำหน่ายไปอีก 1,698 คัน ส่วนแบ่งตลาด 36.8 % โตโยตา ที่ถือโอกาสปรับโฉม ฟอร์ทูเนอร์ เป็นรุ่นใหม่ ตามพื้นฐานของ ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ จำหน่ายได้เป็นอันดับที่ 2 ด้วยยอด 1,170 คัน ส่วนแบ่งตลาด 25.4 % น่าจะเป็นตลาดเดียวที่ โตโยตา ไม่ได้ขึ้นบัลลังก์แชมพ์ในปีนี้ อีซูซุ อยู่ในอันดับที่ 3 ขายได้ 687 คัน ส่วนแบ่งตลาด 14.9 % เชฟโรเลต์ ที่เปิดตัว แคพทีวา ใหม่ ออกสู่ตลาดเช่นกัน ได้รับความนิยมในอันดับ 4 ขายได้ 369 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.0 % อันดับที่ 5 เป็น ฮอนดา 334 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.2 % ตัวเลขสะสมของตลาดนี้ถึงเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 31,301 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว 4.2 %
รถเอมพีวี เดือนกรกฎาคม มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 1,125 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว 6.4 % โตโยตา เป็นแชมพ์แน่นอนสำหรับตลาดนี้ จำหน่ายได้ 733 คัน ส่วนแบ่งตลาด 65.2 % ปโรตอน จากแดนเสือเหลือง เข้าตาผู้ใช้รถในตลาดนี้ ถึงแม้กระแสจะตกไปบ้าง แต่ยังจำหน่ายได้มากสุดเป็นอันดับที่ 2 ด้วยยอด 212 คัน ส่วนแบ่งตลาด 18.8 % อันดับ 3 เป็นของ มิตซูบิชิ 73 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.5 % อันดับที่ 4 ฮอนดา 53 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.7 % และอันดับที่ 5 เป็น วูลิง จากจีนแผ่นดินใหญ่ 20 คัน ได้ส่วนแบ่ง 1.8 % รวม 7 เดือน ตลาดนี้มียอดรวม 7,692 คัน เท่าทุนเมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนของปีที่แล้ว
สุดท้ายเป็นตลาดใหญ่อย่างรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำหน่ายรวมกันได้ 31,151 คัน ในเดือนกรกฎาคม โตโยตา เป็นแชมพ์แน่นอน ปี 2554 นี้เฉพาะเดือนกรกฎาคมจำหน่ายรถยนต์นั่งไปได้อีก 11,654 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.4 % ขณะที่ ฮอนดา แผ่วลงๆ ยอดจำหน่ายในเดือนนี้ลดลง 24.4 % เมื่อเทียบกับที่เคยทำได้ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วยอดจำหน่ายอยู่ที่ 6,763 คัน ส่วนแบ่งตลาด 21.7 % นิสสัน อยู่ในอันดับที่ 3 ขายได้ 4,160 คัน ส่วนแบ่งตลาด 13.4 % มาซดา มาเป็นอันดับที่ 4 ด้วยยอด 2,864 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.2 % อันดับที่ 5 ฟอร์ด 2,262 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.3 % ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงกรกฎาคม 218,073 คัน เพิ่มจากปีที่แล้ว 25.1 %
เดือนสิงหาคม คงเป็นช่วงเงินช่วงทองของ โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก แชมพ์ ใหม่ แต่คำถามอยู่ที่ภาคการผลิตจะตอบสนองความต้องการได้เพียงพอหรือไม่ และจะมีรถยนต์โมเดลใหม่ ยี่ห้อไหน ออกมาเพิ่มองศาความร้อนแรงของการแข่งขันชิงส่วนแบ่งตลาดในช่วงเวลาที่เหลืออยู่กันบ้าง
ABOUT THE AUTHOR
ข
ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2554