วิถีตลาดรถยนต์
ไตรมาส 2 ส่อแววฝืด
เดือนมีนาคม เป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาสแรกของปี และเป็นประจำทุกปีเช่นกันที่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงระยะเวลาเริ่มต้นของงานมอเตอร์โชว์ โดยจะไปสิ้นสุดการจัดงานในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งตัวเลขยอดจองรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวในงานดังกล่าว หรือรถยนต์ที่มีจำหน่ายอยู่เดิม แต่ยังอยู่ในกระแสความนิยม บวกด้วยแคมเปญพโรโมชันพิเศษ ที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ หยิบยื่นนำเสนอ เพื่อให้ผู้ต้องการใช้รถใหม่ได้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายดาย และสะดวกรวดเร็วขึ้น จะไปส่งผลให้ยอดจำหน่ายในเดือนเมษายน และเดือนต่อไปปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงเดือนที่มีการซื้อขายกันตามปกติ ถือเป็นช่วงไฮซีซันสำหรับผู้ค้ารถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนที่จะไปกอบโกยยอดจำหน่ายกันแบบได้เนื้อได้น้ำกันอีกครั้ง ในงานมหกรรมยานยนต์ ที่จัดขึ้นช่วงปลายปีของทุกปีนั่นเป็นรอบวัฏจักรการซื้อขายรถยนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ในปี 2554 นี้ได้เกิดปัจจัยลบที่น่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ไม่ไหลลื่นเหมือนเช่นทุกปีเสียแล้ว เพราะในเดือน
มีนาคม ธรรมชาติจัดหนักจัดเต็มให้กับมวลมนุษยชาติอีกครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้เป็นเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่น ประเทศผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ทั้งแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ทำความเสียหายอย่างหนักกับชีวิตและทรัพย์สินของชาวญี่ปุ่น และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยักษ์ใหญ่รายหลาย อาทิ โตโยตา และนิสสัน ต้องประกาศหยุดการผลิตชั่วคราว เพราะผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบและอะไหล่ ไม่สามารถส่งมอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ในการผลิตให้ได้ และเป็นผลให้หลายๆ โรงงานประกอบรถยนต์ในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ต้องหยุดการผลิตตามไปด้วย เนื่องจากการขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบด้วยเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลให้เห็นอย่างเด่นชัดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ทำให้รถยนต์ใหม่ที่ถูกสั่งจองไว้ต้องยืดระยะเวลาการส่งมอบออกไป ซึ่งอาจเป็นผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในไตรมาสที่ 2 เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คงต้องไปตีคืนกันอย่างหนักในไตรมาสที่ 3 และ 4 ต่อไป
ขณะที่ในบ้านเราเอง นอกจากผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทางภาคใต้ของเราก็อ่วมไม่น้อยจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับหลายจังหวัดใหญ่ เช่น นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, พัทลุง แน่นอนว่าจากสภาพบ้านเรือนทรัพย์สินที่จมหายอยู่ใต้กระแสน้ำคงไม่มีใครมีกะจิตกะใจเดินเข้าโชว์รูมมองหารถยนต์รุ่นใหม่ คงต้องใช้เวลาฟื้นฟูทรัพย์สินบ้านเรือนหลังน้ำลดอีกระยะเวลาหนึ่ง เรื่องของยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นในจังหวัดเหล่านี้ เลิกฝันถึงไปได้อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่จะส่งผลให้เห็นกับยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนต่อๆ ไป จะมากหรือน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับเดือนมีนาคม ที่ผ่านพ้นไป เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่แฮพพีสุดๆ อีกเดือนหนึ่งด้วยยอดรวมที่ทะลุเกินเก้าหมื่นคันอีกครั้งหนึ่ง เป็นตัวเลขที่ค่ายไหน บแรนด์ไหน ปิดยอดด้วยตัวเลขสีแดง ถือว่าน่าอับอายมิใช่น้อย
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2554 ทำสถิติไว้ที่ 93,008 คัน ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนมีนาคม ปี 2553 ถึง 47.5 % ขณะที่ยอดจำหน่ายรวมในไตรมาสแรกของปี เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ปิดไว้ที่ 238,619 คัน สูงกว่าช่วงระยะเวลาเดืยวกันของปีที่แล้วถึง 43.1 %
โตโยตา ยังคงครองความยิ่งใหญ่ เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในใจของผู้ต้องการใช้รถยนต์ใหม่ป้ายแดงในทุกตลาดเหมือนเช่นเดิม ถึงแม้ว่ายังไม่มีรถยนต์ใหม่เอี่ยมแกะกล่องออกมานำเสนอในช่วงนี้ แต่โมเดลรุ่นต่างๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ปัจจุบันก็เป็นนางกวักเรียกลูกค้าเดินเข้าโชว์รูมไม่ขาดสายอยู่แล้ว เดือนมีนาคม โตโยตา กวาดยอดจำหน่ายรถใหม่ป้ายแดงไปทั้งสิ้น 36,067 คัน คิดเป็น 38.8 % ของตลาดทั้งหมด โดยทั้งหมดแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 16,393 คัน ส่วนแบ่งตลาด 40.5 % อยู่ในอันดับที่ 1 พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 13,961 คัน ส่วนแบ่งตลาด 36.3 % อันดับที่ 1 เช่นกัน พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,149 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 61.4 % อันดับที่ 1 รถเอสยูวี 1,878 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 32.0 % รถเอมพีวี 779 คัน ส่วนแบ่งตลาด 64.8 % ก็อันดับที่ 1 อีกนั่นแหละ สรุปว่าเดือนมีนาคม ยอดจำหน่ายรถยนต์ของ โตโยตา อยู่ในอันดับที่ 1 ของทุกตลาด
และเมื่อรวมกับของเดิมที่มีอยู่ ทำให้ไตรมาสแรก โตโยตา ปิดยอดจำหน่ายด้วยตัวเลขสวยหรู 93,386 คันคิดเป็น 39.1 % ของตลาดทั้งหมด แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 42,009 คัน ส่วนแบ่งตลาด 40.8 % พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 36,845 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.1 % พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2,930 คัน ส่วนแบ่งตลาด 63.5 % รถเอสยูวี 4,387 คัน ส่วนแบ่งตลาด 29.7 % และรถเอมพีวี 1,934 คัน ส่วนแบ่งตลาด 61.7 %
ในจำนวนตลาดรถยนต์ประเภทต่างๆ จะมีก็แต่เพียงตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้นที่ โตโยตา นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะคู่แข่งตลอดกาล อีซูซุ ตามมาไม่ห่าง มีช่องว่างระหว่างกันอยู่ไม่ถึง 1,000 คันดี โอกาสได้แชมพ์ หรือเสียแชมพ์ยังมีอยู่พอๆ กัน
ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ในตลาดรถยนต์บ้านเรา ก็ยังคงเป็นรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยเฉพาะประเภทพิคอัพ 1 ตัน ที่ติดโลโก อีซูซุ เดือนมีนาคม ยอดจำหน่ายรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำได้ 13,576 คัน ตามหลัง โตโยตา 300 กว่าคันเท่านั้น อีซูซุ มีส่วนแบ่งการตลาดสำหรับตลาดรถยนต์ประเภทนี้ 35.3 % ส่วนพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ มียอดจำหน่าย 339 คัน ถึงจะจำหน่ายได้เป็นอันดับที่ 2 แต่ก็ห่างไกลจากความนิยมของ โตโยตา ในตลาดนี้อย่างลิบลับ นอกจากนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนมีนาคมของ อีซูซุ ยังมาจากรถเอสยูวีอีก 616 คัน คิดเป็น 10.5 % ของตลาด นอกนั้นเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่อื่นๆ อีก 1,491 คัน
สำหรับ อีซูซุ ไตรมาสที่ 1 มียอดจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งสิ้น 42,347 คัน อยู่ในอันดับที่ 2 แบ่งเป็นพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ 35,854 คัน คิดเป็น 36.1 % ของตลาด พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 858 คัน ส่วนแบ่งตลาด 18.6 % รถเอสยูวี 1,934 คัน ส่วนแบ่งตลาด 13.1 % และรถยนต์ประเภทอื่นๆ อีก 3,701 คัน ส่วนแบ่งตลาด 27.1 % อันดับที่ 3 ของตลาดรถยนต์ในบ้านเราเป็นผลงานของค่าย ฮอนดา ที่ในเดือนมีนาคม เปิดตัวออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ บรีโอ อีโคคาร์คันใหม่ของเมืองไทย ส่วนจะร้อนแรง เชือดเฉือนเจ้าตลาดอย่าง นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์คันแรกได้มากน้อยขนาดไหน ผู้ซื้อจะเป็นผู้ให้คำตอบในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ ยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนมีนาคมของ ฮอนดา อยู่ที่ 10,413 คัน จัดสรรปันส่วนออกเป็นรถยนต์นั่ง 9,440 คัน ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 2 ของตลาด ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23.3 % รถเอสยูวี 852 คัน อยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนแบ่งการตลาด 14.5 % และรถเอมพีวี 121 คัน อยู่ในอันดับที่ 3 เช่นกัน ส่วนแบ่งตลาด 10.1 %
รวม 3 เดือนแรกของปี ยอดจำหน่ายรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ ฮอนดา รวมกันอยู่ที่ 30,081 คัน มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 12.6 % ในจำนวนนี้เป็นรถยนต์นั่งเสีย 27,369 คัน เป็นอันดับที่ 2 ของตลาด ได้ส่วนแบ่ง 26.6 % ส่วนรถเอสยูวี มียอดจำหน่ายที่ 2,423 คัน ส่วนแบ่งตลาด 16.4 % มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และรถเอมพีวี 289 คัน อยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนแบ่งตลาด 9.2 %
ผู้นำตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอันดับที่ 4 เป็นของค่าย นิสสัน เดือนมีนาคม จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 10,210 คัน โมเดลรุ่นที่น่าสนใจของ นิสสัน ที่ส่งออกสู่ตลาดในเดือนนี้อยู่ที่ นิสสัน มาร์ช สปอร์ท ที่ทำให้นอกจากจะเป็นอีโคคาร์ที่ประหยัดน้ำมันแล้ว ยังดูดีแบบสปอร์ทเฉี่ยวตา โดนใจมากยิ่งขึ้น ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งของ นิสสัน เดือนมีนาคมได้ไปทั้งสิ้น 6,844 คัน อยู่ในอันดับที่ 3 มีส่วนแบ่งการตลาด 16.9 % ส่วนพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ จำหน่ายได้ 3,073 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.0 % พิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ 186 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.9 % รถเอสยูวี 71 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.2 % รถยนต์ประเภทอื่นๆ อีก 36 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.7 % สรุปไตรมาสแรก ยอดจำหน่ายของ นิสสัน ทุกโมเดลได้ไปทั้งสิ้น 20,008 คัน อยู่ในอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งตลาด 8.4 % โดยรถยนต์นั่งมีทั้งสิ้น 12,179 คัน ส่วนแบ่งตลาด 11.8 % อยู่ในอันดับที่ 3 พิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ 7,200 คัน เป็นอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งตลาด 7.2 % พิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ 392 คัน อยู่อันดับที่ 3 ของตลาด ส่วนแบ่งการตลาด 8.5 % รถเอสยูวี 152 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.0 % และรถยนต์ประเภทอื่นๆ อีก 85 คัน อันดับที่ 5 ของตลาดรถยนต์เมืองไทย มิตซูบิชิ รับไป เดือนมีนาคมทำยอดจำหน่ายไปอีก 6,431 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 6.9 % ยอดรวมสะสมมาตั้งแต่ต้นปี 15,754 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 6.6 % เดือนมีนาคมยอดจำหน่ายรถยนต์นั่ง 559 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.4 % ยอดรวม 1,478 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.4 % รถพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนมีนาคม 3,885 คัน ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 3 สัดส่วนการตลาด 10.1 % รวม 3 เดือน 9,456 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.5 % พิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ 141 คัน เป็นอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งตลาด 7.5 % ยอดรวม 308 คัน อยู่ในอันดับที่ 4 ส่วนแบ่ง 6.7 % รถเอสยูวี 1,689 คัน ส่วนแบ่งตลาด 28.8 % ได้อันดับที่ 2 ของตลาดนี้ ส่วนยอดรวมอยู่ที่ 4,068 คัน เป็นอันดับที่ 2 ของตลาด มีส่วนแบ่ง 27.6 % สำหรับรถเอมพีวี 98 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.1 % ยอด 3 เดือน 282 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.0 %
ในส่วนของตลาดรถยนต์นั่ง ยี่ห้อที่สอดแทรกเข้ามาแทน อีซูซุ ที่ไม่มีรถยนต์นั่งจำหน่าย และมิตซูบิชิ ที่ยอดจำหน่ายตลาดนี้ไม่อยู่ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ มาซดา ที่เปิดตัว มาซดา 3 ใหม่ อย่างเป็นทางการแล้ว มียอดจำหน่ายรวมทุกโมเดล 2,535 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.3 % ได้รับความนิยมอยู่ในอันดับที่ 4 ยอดรวมในไตรมาสแรก 7,188 คัน สูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งการตลาด 7.0 % นอกจากนี้ มาซดา ยังมียอดจำหน่ายพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ อยู่ในอันดับที่ 5 ในเดือนมีนาคมมียอดจำหน่าย 1,037 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.7 % รวม 3 เดือน 2,738 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.8 % เป็นอันดับที่ 5 ของตลาด ส่วนแบบขับเคลื่อน 4 ล้อจำหน่ายได้ 9 คัน ยอดรวม 3 เดือน 17 คัน และฟอร์ด อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยยอดจำหน่าย 1,588 คัน ในเดือนมีนาคม ยอดรวม 3 เดือน 4,327 คัน อยู่อันดับที่ 5 มีส่วนแบ่งการตลาด 4.2 % ส่วน ปโรตอน รถยนต์จากแดนเสือเหลือง มียอดจำหน่ายรถเอมพีวี ในเดือนมีนาคม 160 คัน มากสุดเป็นอันดับที่ 2 ส่วนแบ่งตลาด 13.3 % ยอดรวม 3 เดือน 464 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 14.8 % เป็นอันดับที่ 2 เช่นกัน และซังยง
จากสาธารณรัฐเกาหลี มียอดในตลาดนี้ด้วยเช่นกัน จำหน่ายได้ 11 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.9 % เป็นอันดับที่ 5 ของตลาดเช่นเดียวกับยอดรวม 3 เดือนที่ 46 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.5 %
เมษายน เดือนแห่งความชุ่มฉ่ำ ต้องลุ้นกันว่าผลกระทบจากแดนไกลจะมากน้อยเพียงไร และบทสรุปจากงานมอเตอร์โชว์ จะต้านอยู่หรือเปล่า ?
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83590