ประกันภัย
ปรับเพิ่มค่าสินไหมจ่าย 5 แสนบาท/ราย 1 กค. 54
ปฏิวัติมาตรฐานการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์ใหม่ในรอบ 50 ปี ของวงการประกันภัยไทย ที่ต่อไปนี้ผู้เอาประกันภัยและผู้เสียหายจะถูกปฏิบัติจากบริษัทประกันภัย อย่างมนุษย์ที่มีมูลค่าราคาชีวิตมากขึ้น โดยกรมธรรม์ที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป บริษัทจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายกรณีสูญเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรขั้นต่ำไม่น้อยกว่ารายละ 5 แสนบาท
ซึ่งแต่เดิมที่ผ่านมาบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมขั้นสูงก็ประมาณ 1 แสนบาท ถึง 3 แสนบาท ต่อราย จากอุบัติเหตุรถยนต์ และมีการสูญเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ ไม่ว่าผู้สูญเสียชีวิตจะเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นใครก็ตาม และไม่ว่าบริษัทจะระบุเงื่อนไขในกรมธรรม์คุ้มครองสูงเท่าไร แต่ในความเป็นจริงที่จ่ายก็จะจ่ายไม่เกินจากนี้ ถ้าไม่พอใจในตัวเลขที่บริษัทเสนอจ่ายก็ต้องออกแรงไปฟ้องร้องเอา ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เป็นทายาทก็จำใจต้องรับเพราะไม่มีปัญญาจะจ้างทนายไปฟ้องร้อง โดยในใจยังเก็บความเจ็บแค้นไม่พอใจบริษัทประกันภัย
การที่ คปภ. ได้กำหนดมาตรการเพิ่มค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ แม้ว่าจะดูไม่มากนักในแง่ของผู้ได้รับความเสียหาย แต่ก็เป็นการช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้เสียหายกับบริษัทประกันภัยลงไปได้อย่างมาก ส่วนในมุมของบริษัทประกันภัยอาจทำให้ต้องมีการปรับตัวเลขค่าเบี้ยประกันขนาดใหญ่เพราะตัวเลขค่าสินไหมทดแทนที่ต้องจ่ายตามเงื่อนไขใหม่เป็นต้นทุนที่สูงขึ้นมาก คาดว่ามีหลายบริษัทอาจต้องพับฐานพับเสื่อเลิกทำประกันภัยรถยนต์ไปเลยก็ได้ ในเรื่องนี้เราได้คุยในโอกาสต่อไป
อย่างไรก็ตามก่อนออกกำหนดมาตรการนี้ในเบื้องต้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้มีการประชุมหารือร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย กำหนดกรอบมาตรฐานการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เพื่อให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับประชาชนที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร ด้วยความเป็นธรรม สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
โดย จันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่าจากการที่ สำนักงาน คปภ. ได้จัดให้มีการประชุมร่วมและระดมความคิดเห็นจากตัวแทนภาคธุรกิจที่รับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จำนวน 25 บริษัท ที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยภาคธุรกิจเห็นด้วยกับการกำหนดกรอบมาตรฐานการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ประชาชน ตามที่คณะทำงาน ฯ ได้ทำการศึกษามา โดยได้กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีผู้เสียชีวิต หรือทุพพลภาพไม่มีผู้ต้องอุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย ให้บริษัทชดใช้ไม่น้อยกว่า 100,000 บาท/คน กรณีผู้เสียชีวิต หรือทุพพลภาพ มีผู้ต้องอุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย ให้บริษัทชดใช้ไม่น้อยกว่า 300,000 บาท/คน ซึ่งเมื่อรวมกับการประกันภัยรถตาม พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ฯ ประชาชนที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่น้อยกว่า 500,000 บาท/คน
สำหรับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการกำหนดกรอบมาตรฐานการจ่ายค่าสินไหมทดแทน กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ คือ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายสะท้อนความเป็นจริงและมีความยุติธรรมมากขึ้น สามารถลดข้อโต้แย้งระหว่างบริษัทประกันภัย ผู้เอาประกันภัย และผู้เสียหาย รวมถึงเป็นหลักเกณฑ์ ที่จะช่วยในการพิจารณาไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาทระหว่างกันอีกด้วย
ในส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูในคำสั่งอย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างร่างคำสั่งนายทะเบียนให้มีการปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยกำหนดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 1 แสนบาท (เดิม) เป็น 3 แสนบาท
ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจนถึงกับทุพพลภาพถาวร ให้บริษัทประกันภัยจ่าย ค่าสินไหมทดแทนไม่น้อยกว่า 3 แสนบาท จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 1 แสนบาทด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของเบี้ยประกันภัย จะไม่มีการปรับพิกัดอัตราเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด โดยจะมีผลสำหรับกรมธรรม์ที่เริ่มให้ความคุ้มครอง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็น ต้นไป
นอกจานี้ คปภ. ยังได้ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาข้อร้อง เรียนและการดำเนินการไกล่ เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นด้วย ในขณะเดียวกัน คปภ. ก็เตรียมจัดการขั้นเด็ดขาดกับบริษัทประกันภัยที่มีปัญหาทำผิดกฎหมายซ้ำซาก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ไปแล้ว
ขณะนี้ยังมีอีก 2 บริษัทในส่วนการประกันวินาศภัย ที่ คปภ. มีคำสั่งให้หยุดพักการดำเนินธุรกิจห้ามรับงานประกันภัย คือ บริษัท วิคตอรี่ประกันภัย(ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย นอกเหนือจากบริษัทประกันภัยอื่นๆ ที่มีการทำผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ก็ได้มีการประกาศลงโทษไปแล้ว
ในกรณีของบริษัท ลิเบอร์ตี้ ฯ นั้น ไม่ยอมจ่ายค่าปรับตามคำสั่ง คปภ. กรณีแจ้งบัญชีเงินฝากเท็จ คปภ. ได้มีนโยบายเข้าตรวจสอบความมั่นคงบริษัทประกันตามกฎหมาย ในเบื้องต้น คปภ. ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ บริษัท ลิเบอร์ตี้ ฯ เนื่องจากไม่มีการชำระค่าปรับตามกฎหมาย หลัง คปภ.ตรวจสอบพบว่า บริษัท ลิเบอร์ตี้ ประกันภัย ฯ จงใจแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงรายการบัญชีเงินฝากธนาคารที่ต้องบอกให้แจ้งในรายงานแสดงฐานะการเงินและกิจการของบริษัทประจำเดือน ตค. 2552
ปัจจุบัน บริษัท ลิเบอร์ตี้ ฯ ยังคงถูก คปภ.สั่งให้หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งมีคำสั่งห้ามดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 30 เมย. 2553 เนื่องจากยังค้างจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ลูกค้าจำนวนมาก และเงินกองทุนขาด โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำไว้ที่ 30 ล้านบาท
ในส่วน บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นไม่ถูกต้อง ตามข้อกำหนดของกฎหมาย จัดสรรสินทรัพย์ไว้ไม่เพียงพอกับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย มีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัทแก่บุคคลภายนอกโดยมิชอบ มีการทำธุรกรรมทางการเงินในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของ คปภ. สั่งให้บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2554 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ ที่ทำผิดกฎหมายและยอมจ่ายค่าปรับ กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบของ คปภ. ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2554 ประกอบด้วย
บริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด จ่ายค่าปรับ 4.25 แสนบาท เนื่องจากจัดสรรเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ของบริษัทและเงินสำรองสำหรับค่าสินไหมทดแทนของบริษัทไม่ครบถ้วน 2 ครั้ง
บริษัท ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด ถูกสั่งปรับ 1.96 หมื่นบาท เพราะไม่จัดส่งรายงานแสดงฐานะการเงินและกิจการของบริษัท 2 ครั้ง
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ถูกสั่งปรับ 1.76 หมื่นบาท เนื่องจากจัดส่งรายงานแสดงฐานะการเงินและกิจการของบริษัท 2 เดือนล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด
บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด ถูกสั่งปรับ 1.66 หมื่นบาท เนื่องจากจัดส่งรายงานแสดงฐานะการเงินและกิจการล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด
บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ถูกสั่งปรับมากที่สุดเป็นเงินรวม 1.39 แสนบาท เนื่องจากทำความผิดหลายกรณี แยกเป็น กรณีจัดส่งรายงานแสดงฐานะการเงินและกิจการล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด ถูกสั่งปรับ 3.3 หมื่นบาท และจงใจแสดงข้อความเป็นเท็จ รายการอาคารที่ต้องแจ้ง ถูกปรับ 1.6 หมื่นบาท ไม่ลงรายการเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทในสมุดบัญชีภายใน 7 วัน ถูกสั่งปรับ 1.6 หมื่นบาท ไม่จัดเตรียมเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ถูกสั่งปรับ 2 หมื่นบาท และจัดส่งเอกสารหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ไม่ครบ ถูกสั่งปรับ 2 หมื่นบาท ย้ายสำนักงานใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต ถูกสั่งปรับ 3.3 หมื่นบาท
คปภ. ประกาศเข้มในการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยปี 2554 จะเน้นการตรวจสอบเพื่อเสริมสร้างให้บริษัทประกันภัยมีความมั่นคงทางการเงิน ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่สรุปผลการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นเป็นรายสัปดาห์ เพื่อประเมินความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สุดท้ายเพื่อให้ทุกบริษัทมีความมั่นคง เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและตัวธุรกิจประกันภัยเองด้วย
ABOUT THE AUTHOR
ก
กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ประกันภัย