ประกันภัย
ภัยธรรมชาติสัญญาณอันตราย
เราคุยกันเรื่องภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติกันมาหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นภัยน้ำท่วม ภัยลมพายุ ภัยแผ่นดินไหว ภัยสึนามิ ซึ่งแต่เดิมมาในบ้านเมืองเราไม่ค่อยจะมีเกิดกันสักเท่าไร ยกเว้น ภัยน้ำท่วมที่มักจะมีเป็นประจำทุกปี เพราะไทยเราเป็นพื้นที่ราบลุ่ม เหมาะสำหรับทำการเกษตรกรรม ซึ่งความรุนแรงของภัยน้ำที่ท่วม ก็มีไม่มาก จนเราถือเป็นเรื่องปกติเคยชิน
แต่มา 2-3 ปีนี้ ภัยธรรมชาติกลับมาเกิดแบบรุนแรงกว่าในรอบ 50 ปี หรือ 100 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยเกิดแบบผิดปกติเช่นนี้ อยู่ๆ ฤดูกาลก็วิปริตผิดเพี้ยน ฤดูร้อนกลับหนาวเย็นกว่าฤดูหนาว ฤดูแล้งกลับมีฝนตกหนักน้ำท่วมรุนแรง แถมด้วยภัยที่ตามมา คือ ดินโคลนถล่มบ้านเรือนพังพินาศ ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย
เหตุการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาติที่เกิดอย่างรุนแรงแบบนี้ กำลังกระจายไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก หรือว่าโลกเรากำลังส่งสัญญาณ ปี 2012 วันสิ้นโลก ตามคำทำนายของหลายตำรา รวมถึงศาสดาของศาสนาต่างๆ ก็ได้มีการกล่าวถึงไว้ในพระคัมภีร์ อันนี้เป็นความเชื่อของแต่ละกลุ่มบุคคล คงต้องติดตามความเป็นไปของโลกกันต่อๆ ไป แต่ที่แน่ๆ ภัยธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณให้ธุรกิจประกันภัยต้องปรับตัวขนานใหญ่ก่อนที่จะล้มสลายไปเพราะภัยธรรมชาติ
ฉบับที่แล้วได้นำเสนอการประเมินความเสียหายของเหตุการณ์ แผ่นดินไหว และสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น อาคารบ้านเรือน รถยนต์ และทรัพย์สิน ค่าเสียหายขั้นสูงสุด น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท ล่าสุดบริษัทมิวนิครี ฯ ประกันภัยต่อชั้นนำ ได้ประเมินไว้ว่า ธุรกิจประกันภัย จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนประมาณ 5.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 1.62 ล้านล้านบาท จำนวนดังกล่าวไม่นับรวมความเสียหายจากระเบิดโรงผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์
ข้อมูลธุรกิจประกันภัยระหว่างประเทศ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา มีผลประกอบการขาดทุนอย่างน้อย 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 3.5 แสนล้านบาท จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศนิวซีแลนด์และน้ำท่วมใหญ่ในออสเตรเลีย และเมื่อมารวมกับเหตุการณ์ของประเทศญี่ปุ่นด้วยแล้ว จะกระทบต่อราคาเบี้ยประกันภัยต่อที่จะทำการต่อสัญญาในปี 2555 แน่นอนว่า ประเด็นปัญหาดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนของบริษัทประกันภัยในไทยสูงขึ้นแน่ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50 %
ทีนี้ก็ลองมาดูความเสียหายจากภัยน้ำท่วมในไทยเราล่าสุด ตามที่ เกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัดทางภาคใต้ สำนักงาน คปภ. ได้ประสานให้สมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัย รวบรวมข้อมูลของผู้ประสบภัยเพื่อเร่งประเมินความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยทันทีหลังน้ำลด
ตัวเลขประมาณการความเสียหายด้านการประกันภัยจากเหตุอุทกภัย ณ วันที่ 8 เมษายน 2553 มียอดผู้เสียชีวิตจำนวนทั้งสิ้น 58 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของการทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล สำหรับการประกันวินาศภัยได้รับรายงานความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัย จำนวน 798 คัน โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 171.17 ล้านบาท เปิดเผยโดย จันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
โดยจังหวัดที่มีรถยนต์ที่เอาประกันภัยเสียหายมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 539 คัน รองลงมาได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 158 คัน และจังหวัดกระบี่ 79 คัน ตามลำดับ ส่วนความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ขณะนี้ได้รับรายงานเพียง 119 ราย โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 12.7 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีทรัพย์สินที่เอาประกันภัยเสียหายสูงสุด ได้แก่ จังหวัด สุราษฎร์ธานี มีผู้เอาประกันภัยแจ้ง 105 ราย โดยมีมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินประมาณ 8 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ จังหวัดสงขลา 11 ราย มีมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินประมาณ 3 ล้านบาท
จากฐานข้อมูลกลางของสำนักงาน คปภ. ใน 14 จังหวัดภาคใต้ มีจำนวนกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย และความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ทั้งสิ้นจำนวน 176,651 กรมธรรม์ โดยมีจำนวนทุนเอาประกันภัยทั้งสิ้น 838,135 ล้านบาท โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีจำนวนกรมธรรม์ประกันภัย ฯ สูงที่สุด คือ 30,903 กรมธรรม์ จำนวนทุนเอาประกันภัยทั้งสิ้น 74,946 ล้านบาท จังหวัดนครศรีธรรมราช มี 26,665 กรมธรรม์ จำนวนทุนประกันภัยทั้งสิ้น 51,514 ล้านบาท และจังหวัดกระบี่ มีจำนวนกรมธรรม์ประกันภัยฯ 7,672 กรมธรรม์ จำนวนทุนประกันภัยทั้งสิ้น 197,140.78 ล้านบาท
ทั้งนี้สำหรับกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ต้องดูรายละเอียดว่าซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มหรือไม่ ส่วนกรมธรรม์ความเสี่ยงภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยน้ำท่วมอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุหลักของการรายงานความเสียหายเข้ามาน้อย เนื่องจากประชาชนอาจทำเอกสารหลักฐานการทำประกันภัยหาย ประกอบกับในบางพื้นที่น้ำยังไม่ลด ทำให้ไม่สามารถสรุปความเสียหายที่แท้จริงด้านการประกันภัยได้ ต้องรอหลังน้ำลด ถึงจะสรุปตัวเลขได้ทั้งหมด
หากผู้เอาประกันภัยรายใดยังไม่ได้แจ้งความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้น ขอให้รีบแจ้งบริษัทประกันภัยทราบโดยเร็ว พร้อมแสดงรายละเอียดความสูญเสียและมูลค่าความเสียเบื้องต้นของทรัพย์สิน ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ประสานให้บริษัทประกันภัยให้เร่งดำเนินการสำรวจ และประเมินความเสียหายเพื่อพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมแล้ว
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรายใดที่เอกสารการทำประกันภัยสูญหายขณะน้ำท่วม ขอให้รีบประสานสำนักงาน คปภ. จังหวัดได้ทันที เนื่องจากสำนักงาน คปภ. ส่วนกลางมีฐานข้อมูลกลางของผู้เอาประกันภัย เตรียมพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือไว้อยู่แล้ว
หากท่านมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186
ข้อมูลความเสียหายของเส้นทางคมนาคม สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า จากภัยพิบัติในภาคใต้ ส่งผลให้เส้นทางคมนาคมหลายสายได้รับความเสียหาย บางเส้นทางไม่สามารถสัญจรได้ ดังนั้น กระทรวง ฯ เตรียมจะของบประมาณในปี 2555 เพิ่มเติมจากเดิมอีก 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาซ่อมบำรุงทางสายที่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นพบว่ามีถนนในภาคใต้ประมาณ 29 สาย ที่ได้รับความเสียหายไม่สามารถสัญจรได้ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 กระทรวงคมนาคมเสนอขอไป 235,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 126,316 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115.81 %
โดยสรุปจากการประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้น เหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ได้ส่งผลกระทบในภาพรวม ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะรายได้ส่วนบุคคลลดลง ดังนั้น โอกาสที่จะซื้อกรมธรรม์เพิ่มในลูกค้าส่วนนี้น่าจะลดลงไปด้วย เนื่องจากภาวะน้ำท่วมหนักในภาคใต้ที่กินเวลานาน และสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์จำนวนมาก และอาคาร ร้านค้า ซึ่งส่วนใหญ่ทำประกันภัยไว้ คาดกันว่าความเสียหายรวมในครั้งนี้อาจจะเกิน 2,000 ล้านบาท
เมื่อขายประกันภัยได้น้อยลง รายได้ลดลง ค่าสินไหมทดแทนจ่ายเพิ่มขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น จะกระทบต่อเงินกองทุน บริษัทที่มีเงินกองทุนแข็งแกร่ง จะได้เปรียบ ขณะที่บริษัทขนาดเล็กที่เงินกองทุนต่ำอยู่แล้ว อาจจะต้องเพิ่มทุนใหม่ ซึ่งในภาวะการแข่งขันสูง การเพิ่มทุนใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ปัจจุบันบริษัทประกันวินาศภัยไทยถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม จาก 68 บริษัท บริษัทขนาดเล็กเบี้ยประกันไม่ถึง 1,000 ล้านบาท มีมากที่สุดจำนวน 36 บริษัท รองลงมาเป็นบริษัทขนาดกลางเบี้ยประกันภัย 1,000-5,000 ล้านบาท 28 บริษัท ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ ที่เบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียง 4 บริษัทเท่านั้น
ในแง่ของบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ อาจไม่กระทบ เพราะมีฐานลูกค้าหลากหลายประเภทเข้ามาชดเชยกำไรที่จะหายไป จึงอาจเสมอตัวกับปัญหาเหล่านี้ เช่นเดียวกับบริษัทประกันภัยขนาดกลาง ที่อาจกระทบต่อผลกำไรในปีนี้ แต่สำหรับบริษัทประกันภัยขนาดเล็ก ที่พึ่งพาประกันภัยรถยนต์เป็นหลักและพึ่งพาเงินทุนจากญี่ปุ่นมาโอบอุ้มอยู่ อาจถึงขั้นเอาตัวไม่รอดก็ได้
นี่คือการประเมินธุรกิจประกันภัยจากหลายๆ ฝ่ายเห็นพร้องกันว่า ภัยพิบัติจากธรรมชาติที่รุนแรง อันยากต่อพยากรณ์ผลความเสียหาย และการหาทางป้องกัน สิ่งที่จะบรรเทาความเสียหายได้ก็จะมีแต่การซื้อกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น แต่พอเหตุการณ์ภัยธรรมชาติรุนแรง กลับกลายเป็นการสัญญาณอันตรายต่อธุรกิจประกันภัยว่าจะอยู่รอดหรือไม่ หรือ จะถูกภัยพิบัติซัดกระหน่ำไปซะก่อน
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83290