ลับเฉพาะ
ลำโพงแยกชิ้น 2 ทาง อย่างนี้สิ !! ไฮเอนด์ของจริง
สำหรับค่าย DIAMOND AUDIO นักเล่นทั่วโลกต่างก็รู้จักกันดี โดยเฉพาะความเป็นไฮเอนด์ของสินค้าที่ออกมาแต่ละรุ่น ซึ่งพิถีพิถันเรื่องการออกแบบ คัดเกรดวัสดุ และคุณภาพเสียงเป็นสำคัญ ทำให้ได้รับความมั่นใจ และยอมรับอย่างที่ทราบกัน
ชุดลำโพงของค่ายนี้ มีความโดดเด่นทีเดียว โดยเฉพาะ HEX SERIES ที่เรากำลังจะกล่าวถึงกัน ผมได้ข้อมูลของชุดลำโพงแยกชิ้น 2 ทาง DIAMOND AUDIO รุ่น HEX H600S เป็นประเภทแยกชิ้น 2 ทาง ที่ไม่ธรรมดา มีความโดดเด่นทั้งตัวมิดเบสส์ ทวีเตอร์ และที่ขาดไม่ได้คือ พาสสีฟ ครอสส์โอเวอร์ ที่แต่ละค่ายมักจะสร้างความแตกต่าง
ตัวลำโพงมิดเบสส์ของค่ายนี้ มีความโดดเด่นในด้านคุณภาพเสียง ราบรื่นในย่านเสียงกลาง และต่อเนื่องในด้านรายละเอียดของเสียงแหลม ซึ่งในตอนนี้ได้พัฒนาร่วมกับค่าย ETON ในโรงงานผลิตที่ประเทศเยอรมนี แต่สร้างความแตกต่าง และมีตำแหน่งของตัวเองที่ชัดเจน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักเล่นเครื่องเสียง
หลังจากนั้นไม่นาน ก็สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการด้วยชุดลำโพงเจเนอเรชันที่ 2 ในไลน์ของ HEX SERIES เป็นประเภทแยกชิ้น (COMPONENT SET) และที่ได้รับความนิยมก็เป็นแบบ 2 ทาง ด้วยชุดลำโพงมิดเบสส์ที่ทำหน้าที่ในย่านเสียงเบสส์ ต่อเนื่องถึงมิดเรนจ์อย่างกระจ่างชัด ส่วนตัวลำโพงทวีเตอร์ก็ได้เสียงแหลมที่สดใส ที่สำคัญมันทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
ทีมวิศวกรได้ออกแบบซับวูเฟอร์ขนาด 10" ให้ทำงานร่วมกับชุดลำโพงแยกชิ้นต้นแบบ เพื่อความมั่นใจ ก่อนที่จะผลิตออกมาเป็นเจ้า H600S อย่างที่ได้เห็นกัน หากเห็นหน้าตาอย่างเดียว โดยไม่เห็นโลโก อาจคิดว่าเป็นลำโพงมิดเบสส์ของค่ายที่พัฒนาร่วมกัน
คุณภาพงานออกแบบ
ทันทีที่เปิดกล่องของ DIAMOND AUDIO รุ่น HEX H600S อาจคิดว่ามีอะไรที่ยุ่งยาก เพราะงานสกรีนด้านนอกนั้น เหมือนจะมีเทคนิคที่ซับซ้อน แต่ภายในมีอุปกรณ์ที่คุ้นเคยกันไม่กี่ชิ้น หลักๆ ของชุดลำโพงแยกชิ้น 2 ทาง ประกอบด้วย มิดเบสส์ 1 คู่ ทวีเตอร์ 1 คู่ และพาสสีฟ ครอสส์โอเวอร์อีก 1 คู่ เท่านั้น ส่วนประกอบอื่นๆ เป็นเพียงอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม จะใช้หรือไม่ก็ได้ แต่หน้ากากของค่ายนี้ก็สวยดีครับ
เริ่มจากโครงสร้างบาสเกทที่แข็งแกร่งของมิดเบสส์ เป็นคาสต์อลูมิเนียมพ่นดำด้าน แม่เหล็กหุ้มยางอย่างดี แบคพเลทชุบโครเมียมมันวาว ขั้วต่อสายแบบบลอคสกรูเหมือนกับเพาเวอร์แอมพ์ ซึ่งต่อสายได้ง่าย ไม่ต้องเชื่อมตะกั่ว ซึ่งที่ใช้งานได้ง่ายนอกจากแบบนี้ก็เป็นสปริงกด
กรวยมิดเบสส์จากเดิมที่เป็นไททาเนียม พร้อมดัสต์แคพแบบเว้าเข้าในเจเนอเรชันที่ 1 ก็เปลี่ยนมาเป็น BLACK HONEY-COM หรือรังผึ้ง และดัสต์แคพแบบ CONVEX CAP หรือนูนโค้ง 180 องศา เป็นวัสดุที่นุ่มคงรูป ดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทีเดียว เป็นเทคโนโลยีเดียวกับลำโพงบ้านระดับไฮเอนด์ ซึ่งได้รับการอนุญาตให้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ขณะที่เจ้าโดมของดัสต์แคพที่ครอบอยู่ทางด้านบน สร้างความแตกต่างของเสียงมิดเบสส์ได้ช่วง 800 HZ อย่างชัดเจน มันสร้างความต่อเนื่องของช่วงความถี่ได้กว้างดีทีเดียว
อีกจุดหนึ่งเป็นการทำงานของทวีเตอร์ ที่ตอบสนองความถี่ได้ในช่วงกว้าง ลงได้ลึกในย่านเสียงกลาง ทำให้สามารถเลือกจุดตัดความถี่ได้ลึกถึง 1,800 HZ ระดับความลาดชัน 18 ดีบี/ออคเทฟ คุณจึงยกเวทีเสียงไปในตำแหน่งต่างๆ ได้ตามต้องการ โดยเฉพาะที่บริเวณกลางคอนโซลหน้า และตำแหน่าง A-PILLAR ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงตำแหน่งมิดเบสส์ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
ตัวพาสสีฟ ครอสส์โอเวอร์ ออกแบบมาได้สะดุดตา ด้วยกรอบที่ดูเหมือนก้านโลหะถี่ๆ เปิดช่องว่างตรงกลางให้เห็นคอยล์ขนาดใหญ่ 2 ตัว ด้านใน ขั้วต่อสายแบบสกรูทั่วไป เรียงรายกันอยู่ด้านหน้า โดยเฉพาะเอาท์พุทของทวีเตอร์ ออกแบบให้ต่อเล่นในแบบเรียร์ฟิลล์ได้ ซึ่งจะลดระดับเสียงไปในตัว เพื่อคุณภาพเสียงที่ต้องการกับรถแต่ละคัน ในรุ่นนี้ยังมีทวีเตอร์แบบอลูมิเนียมโดมให้เลือกกันด้วย เพื่อเสียงแหลมที่มีตำแหน่งชัดเจนมากขึ้น
ติดตั้ง/ฟังเสียงจริง
ทีมงานทดสอบในต่างประเทศได้ติดตั้งเจ้า H600S ลงในรถ นิสสัน อัลทิมา เน้นตำแหน่งมิดเบสส์ที่ช่องเดิมบริเวณแผงประตู รองด้วยสเปเซอร์ ริง ไม้ MDF ขนาด 1/2" และติดตั้งทวีเตอร์ที่บริเวณคอนโซลหน้า งานนี้ขับด้วยเพาเวอร์แอมพ์ ZAPCO I-FOCE I4100 กำลังขับ 100 วัตต์/แชนแนล เสริมเสียงเบสส์ด้วยซับวูเฟอร์ IMAGE DYNAMICS IDMAX10 ทนกำลังขับ 600 วัตต์ ขับด้วยเพาเวอร์แอมพ์ ZAPCO I-FOCE I1600 แหล่งสัญญาณมาจากเฮดยูนิท PIONEER DEH-5900UB เลือกตัดความถี่ไฮพาสส์ที่ความถี่ 80 HZ ให้ลำโพงชุดนี้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทดลองฟังเสียงจริงกัน เริ่มจากแผ่นคอนเสิร์ทที่เน้นรายละเอียดชิ้นดนตรี ทันทีที่ขึ้นอินทโร มันให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมาก คุณจะฟังเสียงเบสส์ได้อย่างเพลิดเพลินเป็นเวลากว่าครึ่งนาที เป็นเบสส์อัพฟรอนท์ที่มีน้ำหนักดี (ยังไม่ได้เปิดเสียงซับวูเฟอร์) เร่งวอลูมขึ้นก็ยังได้ความกลมกลืนที่แผงประตู ซึ่งในสเปคกำหนดมาให้ลงได้ลึกถึงความถี่ 60 HZ
ถัดมากับดนตรีพอพที่ฟังสบาย เสียงกลางของนักร้องชายตอบรับได้กระจ่างชัด เวทีเปิดกว้างที่ตำแหน่งคอนโซลหน้า ด้านรายละเอียดยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ออกครบทุกเม็ด ซึ่งก็ได้อาการเดียวกันกับนักร้องหญิง เนื้อหาดนตรี เสียงร้องฟังง่าย ได้อรรถรสดีทีเดียว ฟังได้นานไม่รู้ลึกล้าหู แม้จะฟังอย่างต่อเนื่องหลายๆ ทแรค
ปิดท้ายกับดนตรีหนักๆ ว่าจะรับมือได้ขนาดไหน เนื้อหาดนตรีที่แน่น มีน้ำหนักทั้งกลาง/แหลม ออกชัดหนักแน่น คงมีเนื้อหาครบเช่นเดิม สามารถเร่งวอลูมได้จนตึงๆ ซึ่งลำโพงแต่ละดอกทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบรับดนตรีได้ทุกรูปแบบ ทำคะแนนโดยรวมได้ในเกณฑ์ดี ด้วยสนนราคา 549-629 เหรียญสรอ. หรือประมาณ 18,000-20,000 บาท จัดว่าสมน้ำสมเนื้อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : ลับเฉพาะ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83206