X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
DIY...คุณทำเองได้
1 Apr 2011
สงสัยหัวเทียนบอด ! ถ้าไม่อยากบอด มาเปลี่ยนหัวเทียนกันเถอะ !
"สตาร์ทติดยาก เร่งไม่ขึ้น เครื่องสั่นเมื่อถึงรอบเดินเบา กินน้ำมัน" ปัญหานี้จะลดหรือหมดไป
แค่คุณเปลี่ยน หัวเทียน !
รถที่ใช้เครื่องยนต์ "แกสโซลีน" (เบนซินนั่นแหละ) เป็นเชื้อเพลิง ต้องใช้หัวเทียนเป็นตัวสร้างประกายไฟเพื่อการสันดาปของเครื่องยนต์เสมอ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ บริเวณเขี้ยวหัวเทียนจะสึกกร่อนลงทีละน้อย เพราะฉะนั้นจึงต้องทำการเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 30,000 กม. หรือตามที่ผู้ผลิตกำหนด DIY...คุณทำเองได้ ฉบับนี้ มีวิธีเปลี่ยนหัวเทียนแบบถูกต้องมาฝากกัน
ทำไมต้องเปลี่ยนหัวเทียน ?
หัวเทียนเมื่อถูกใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง จะเกิดการสึกกร่อนที่ปลายแกนกลาง และเขี้ยวของหัวเทียน เกิดจากปฏิกิริยาออกซิไดซ์ ที่สะสมความร้อนได้ระดับหนึ่ง ปริมาณการสึกกร่อนขึ้นอยู่กับจุดหลอมละลายของวัตถุที่นำมาทำแกนกลาง และเขี้ยวหัวเทียน เพื่อยืดอายุการกัดกร่อนนั้น จึงต้องอาศัยโลหะพิเศษ เช่น นิคเคิล อัลลอย ทองคำขาว อิริเดียม ผสมเข้าไปเป็นตัวป้องกัน นอกจากนี้ปริมาณการสึกกร่อนยังขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และชนิดของเครื่องยนต์ด้วย สำหรับหัวเทียนธรรมดา ปริมาณการสึกกร่อนอยู่ประมาณ 0.10-0.15 มม. ในทุกๆ 10,000 กม. การดูปริมาณการสึกกร่อนของหัวเทียนนั้น สามารถดูด้วยตาตนเองได้ ตรงบริเวณแกนกลาง และเขี้ยวหัวเทียน ถ้าเริ่มสึกกร่อนเป็นลักษณะรูปโค้งมน ไม่มีเหลี่ยมคมแล้ว นั่นหมายความว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะถ้ายังใช้อยู่ จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง กินน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากหัวเทียนจุดประกายไฟ และจุดระเบิดเริ่มไม่สม่ำเสมอ
หัวเทียนทำงานอย่างไร
?
หัวเทียนต้องถูกสั่งการจากระบบจุดระเบิด (คอยล์) ก่อน กระแสไฟจะไหลไปตามสายหัวเทียนผ่านขั้วไฟฟ้าของหัวเทียนลงมายังแกนกลาง และกระโดดข้ามไปยังเขี้ยวหัวเทียนซึ่งช่วงจังหวะนี้เองที่ทำให้เกิดประกายไฟขึ้น ประกายไฟจะเป็นตัวจุดให้ส่วนผสมระหว่างอากาศและน้ำมัน เกิดการระเบิดและเผาไหม้ เพื่อผลักลูกสูบให้หมุนขึ้น/ลง เพื่อแปลงเป็นกำลังขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป ในกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น (ประมาณ 1/1,000 วินาที)
หัวเทียนร้อน/เย็น คืออะไร ?
หัวเทียนร้อน จะมีขนาดของฉนวนที่ยาว (ระยะทางระบายความร้อนจากเขี้ยวหัวเทียนถึงฝาสูบยาว) ความร้อนจะถูกสะสมในตัวหัวเทียนมาก จึงทำให้ระบายความร้อนออกไปได้ช้า เหมาะกับรถยนต์ที่ขับขี่ในเมือง ที่ใช้ความเร็วไม่สูงนัก และใช้งานในระยะสั้น หัวเทียนเย็น จะมีขนาดของฉนวนที่สั้น (ระยะทางระบายความร้อนจากเขี้ยวหัวเทียนถึงฝาสูบสั้น) ความร้อนจะสะสมในตัวหัวเทียนไม่มาก จึงทำให้ระบายความร้อนออกไปได้ง่ายและเร็ว เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูง เช่น รถยนต์เครื่องเทอร์โบ หรือซูเพอร์ชาร์เจอร์ และยังลดความเสี่ยงของการชิงจุดระเบิดอีกด้วย
คุณสมบัติของหัวเทียนที่ดี
ทนทานต่อความร้อน
ต้องทนต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ทั้งร้อนสุด และเย็นสุดได้ และต้องระบายความร้อนได้รวดเร็วอีกด้วย
มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ทนทาน
ต้องสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอย่างฉับพลันได้ มีฉนวนต้านทานแรงดันไฟฟ้าสูง
มีฉนวนที่ต้านทานและป้องกันไฟฟ้าแรงดันสูง
ได้ ภายใต้สภาวะที่ทั้งอุณหภูมิและแรงดันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
สามารถป้องกันการรั่วไหลของแกส
ป้องกันการรั่วไหลของแกสในห้องเผาไหม้ได้
ทนทานต่อการสึกกร่อน
ต้องมีตัวต้านทานเพื่อป้องกัน และยืดระยะการสึกกร่อนของแกนกลางของหัวเทียน ที่เกิดจากอุณหภูมิและแรงดันในห้องเผาไหม้
ป้องกันคราบเขม่าได้
หัวเทียนที่ดีจะต้องสามารถลดคราบเขม่าที่เกาะติดอยู่ได้ ในระหว่างการเผาไหม้
อุปกรณ์
1. บลอคถอดหัวเทียน 2. ไขควง 3. หัวเทียนชุดใหม่ 4. ถุงมือ
ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวเทียน
1. ดึงสลักลอคเพื่อเปิดฝากระโปรงหน้ารถ และต้องตั้งเหล็กค้ำให้มั่นคงแข็งแรง 2. ตรวจดูสายหัวเทียนด้วยตา ว่ามีส่วนใดขวางบัง เวลาถอดสายหัวเทียนหรือไม่ 3. ถ้าตรวจดูแล้วมีสิ่งกีดขวาง ต้องเอาส่วนที่กีดขวางออกก่อน โดยใช้ไขควงคลายนอทออก 4. จุดไหนที่เป็นเข็มขัดรัดแบบนี้ ต้องใช้คีมบีบถ่างออก และทำอย่างระมัดระวัง 5. เมื่อถอดชิ้นส่วนที่กีดขวางออกแล้ว ก็ค่อยๆ ดึงจุกสายหัวเทียนออกอย่างช้าๆ 6. ประคองชอคอับลงมาอย่างช้าๆ โดยต้องใช้ทั้ง 2 มือช่วยประคอง 7. ประกอบชุดบลอคถอดหัวเทียน แล้วใส่เข้าไปในรูหัวเทียน หมุนทวนเข็มนาฬิกา 8. ดึงบลอคหัวเทียนขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวหัวเทียนจะติดมากับบลอคด้วย 9. นำหัวเทียนเดิมออก แล้วใส่หัวเทียนใหม่เข้าไปในบลอคให้แน่น 10. นำหัวเทียนอันใหม่ใส่เข้าไปในบลอค แล้วขันทิศตามเข็มนาฬิกา แค่พอตึงมือ 11. เมื่อใส่แน่นแล้ว ให้เอาบลอคออก แล้วนำจุกสายหัวเทียนใส่เข้าที่เดิม กดให้แน่น 12. ทำตามขั้นตอน 5-11 จนครบทุกตัว แล้วประกอบชิ้นส่วนที่ถอดออกกลับคืน เป็นอันเสร็จ
อ่านต่อ
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/82897
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
DIY...คุณทำเองได้
DIY...คุณทำเองได้
21 Jun 2023
ทำความสะอาดเบาะผ้า ด้วยเครื่องมือยุคใหม่
DIY...คุณทำเองได้
22 Mar 2023
ชาร์จรถไฟฟ้าแบบฉุกเฉิน ด้วยปลั๊กไฟบ้าน
DIY...คุณทำเองได้
17 Nov 2022
อบโอโซน ห้องโดยสารด้วยงบ 400 บาท
DIY...คุณทำเองได้
21 Oct 2022
ขัดคราบโคมเหลือง ให้ขาวสดใส
DIY...คุณทำเองได้
21 May 2022
ล้างเคลือบรถ ทำเองได้ ประหยัดด้วย
DIY...คุณทำเองได้
17 Apr 2022
เติมน้ำยาแอร์ ทำเองได้ ไม่จำกัดฤดู
DIY...คุณทำเองได้
17 Dec 2021
เปลี่ยน แบทเตอรี ด้วยวิธีติดเครื่องยนต์
ดูต่อในคอลัมน์ DIY...คุณทำเองได้