วิถีตลาดรถยนต์
บันทึกใหม่ยานยนต์ไทย
รูดม่านปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนยานยนต์ไทยไปแล้ว สำหรับการต่อสู้แข่งขันช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ทั้งหลาย ในฤดูกาลจำหน่ายปี 2553 ส่วนใหญ่จะแฮพพีชื่นมื่น มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2552 จะมีก็แต่รถยนต์ยุโรปบางยี่ห้อที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ยอดจำหน่ายลดลง แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อภาพโดยรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2553 แต่อย่างใด ในปี 2553 ที่ผ่านมา มีรถยนต์ใหม่หลายรุ่นหลายยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาด อาทิ โตโยตา ปรีอุส รถยนต์ไฮบริด โดยกำเนิดของ ปรีอุส เจเนอเรชันที่ 3 ที่ผลิตและประกอบขึ้นในประเทศไทย ฟอร์ด ฟิเอสตา ใหม่ รถเล็กที่มีดีเอนเอเดียวกับ มาซดา 2 ถึงแม้ยอดจำหน่ายจะไม่อู้ฟู่ถล่มทลายเหมือน มาซดา แต่ก็เป็นที่พออกพอใจอย่างยิ่งยวดของชาว ฟอร์ด ประเทศไทย หรือแม้แต่ นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์คันแรกของเมืองไทย ที่ปลุกกระแสอีโคคาร์ให้ร้อนแรงขึ้น จนนำมาสู่อีโคคาร์คันที่ 2 ของเมืองไทย เป็นผลงานของค่าย ฮอนดา กับ บรีโอ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
สำหรับเดือนธันวาคม 2553 ส่วนใหญ่ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ เป็นผลมาจากความสำเร็จของงานมหกรรมยานยนต์ นั่นเอง และยังจะมีสืบเนื่องต่อไปยังเดือนมกราคม ปี 2554 อีกต่างหากด้วย เฉพาะเดือนธันวาคม 2553 เดือนส่งท้ายปีเสือ ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศรวมทุกบแรนด์ ทุกยี่ห้อ ทุกโมเดล และทุกเซกเมนท์ พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 93,122 คัน เทียบกับเดือนธันวาคมปีก่อนหน้านั้น แตกต่างกันในทางบวกถึง 29.2 % อย่างที่เกริ่นไว้เบื้องต้น เกือบทุกค่ายมียอดจำหน่ายที่สูงกว่าเดือนธันวาคม ปี 2552 ทั้งสิ้น แต่บางยี่ห้อบางบแรนด์ ที่ส่วนใหญ่เป็นบแรนด์หรูจากยุโรป มียอดจำหน่ายที่ลดลง ซึ่งสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการที่ไม่มีรถยนต์ส่งให้กับลูกค้าเป็นรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป การที่จะเอาเข้ามาเก็บสตอคไว้มากๆ ก็ใช่ที่ ยอดจำหน่ายสูงสุดในเดือนธันวาคม ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ยังคงเป็น 5 เสือจากแดนอาทิตย์อุทัยเหมือนเช่นเคย หัวแถวเป็นรถยนต์หลากหลายโมเดล ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกเซกเมนท์ของ โตโยตา มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 37,108 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 39.8 % ตามด้วยรถยนต์จากค่าย อีซูซุ ยอดจำหน่าย 17,424 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 18.7 % อันดับที่ 3 เป็นรถยนต์จากค่าย ฮอนดา จำหน่ายไปทั้งสิ้น 11,962 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 12.8 % นิสสัน มียอดจำหน่ายอยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยยอด 6,128 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.6 % และอันดับที่ 5 เป็นของค่าย มิตซูบิชิ จำหน่ายไปได้ 5,525 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.9 %
เมื่อรวมยอดจำหน่ายที่ทุกค่ายทำได้ในปี 2553 ปรากฏว่าสถิติยอดจำหน่ายสูงสุดที่เคยจดบันทึกไว้เมื่อปี 2548 ถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะในปี 2553 ยอดจำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทในประเทศสูงถึง 800,357 คัน สูงกว่ายอดรวมปี 2548 ถึง 13.8 % และสูงกว่ายอดรวมปี 2552 ถึง 45.8 % ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่สถิตินี้จะยืนยาวอยู่ได้นานสักแค่ไหน ต้องติดตามกันต่อไป
แชมพ์ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงสูงสุดประจำปี 2553 ตกเป็นของมวลหมู่รถยนต์ที่ติดสัญลักษณ์ โตโยตา โดยมียอดจำหน่ายทุกโมเดลรุ่นรวมกัน 325,670 คัน สูงกว่าที่เคยทำไว้ในปี 2552 ถึง 41.4 % มีส่วนแบ่งการตลาดทั้งสิ้น 40.7 % ที่ 2 เป็นรถยนต์จากค่าย อีซูซุ มียอดจำหน่ายรวมทั้งปี 152,787 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37.7 % และมีส่วนแบ่งการตลาด 19.1 % อันดับ 3 เป็นผลงานของค่าย ฮอนดา มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 114,056 คัน เติบโตสูงขึ้น 22.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 14.3 % อันดับ 4 เป็นของค่าย นิสสัน จำหน่ายรวมทั้งปี 54,929 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 77.2 % ได้ส่วนแบ่งการตลาด 6.9 % และอันดับ 5 ค่าย มิตซูบิชิ ยอดจำหน่ายรวม 40,339 คัน สูงกว่าปี 2552 ถึง 93.3 % ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 5.0 %
ถึงแม้ โตโยตา จะได้แชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดประจำปี 2553 ไปครอง ถ้าดูที่เปอร์เซนต์การเติบโตแล้ว ต้องยกให้กับ มิตซูบิชิ เพราะเพิ่มมากขึ้นถึงเกือบเท่าตัว แต่ถ้าลึกลงไปมากกว่านี้ต้องยกให้กับค่าย มาซดา ที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ปี 2553 สูงกว่าปี 2552 ถึง 165.4 % ต้องยกความดีความชอบทั้งหลายทั้งปวงให้กับความโดดเด่น และกระแสตอบรับของ มาซดา 2 อย่างปฏิเสธไม่ได้ ในตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนธันวาคม 2553 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 39,722 คัน สูงกว่าเดือนธันวาคมปี 2552 อยู่ 31.0 % ยอดจำหน่ายสูงสุดประจำเดือนเป็น ไฮลักซ์ วีโก ของ โตโยตา มียอดจำหน่ายที่ 15,416 คัน รับส่วนแบ่งการตลาดไป 38.8 % อันดับ 2 อีซูซุ ดี-แมกซ์ ทำยอดจำหน่ายได้ 14,510 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 36.5 % อันดับ 3 มิตซูบิชิ ทไรทัน 3,301 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 8.3 % อันดับ 4 ตระกูล นาวารา จากค่าย นิสสัน ทำยอดจำหน่ายได้ 2,823 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.1 % และ อันดับที่ 5 โคโลราโด ของ เชฟโรเลต์ จำหน่ายไปได้ 1,155 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.9 % เมื่อรวมยอดจำหน่ายทั้งปี 2553 ปรากฏว่าสายพันธุ์ ไฮลักซ์ วีโก เฉือนสายพันธุ์ ดี-แมกซ์ คว้าแชมพ์พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่จำหน่ายได้สูงสุดไปอย่างฉิวเฉียด แตกต่างกันไม่ถึง 250 คัน โตโยตา เป็นแชมพ์พิคอัพ 1 ตัน ขวัญใจมหาชนเป็นปีที่ 5 ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 130,735 คัน สูงกว่าปี 2552 ถึง 41.8 % ได้ส่วนแบ่งการตลาด 39.3 % อีซูซุ พลาดบัลลังก์แชมพ์ไปอย่างน่าเจ็บใจด้วยยอดจำหน่ายรวม 130,493 คัน ส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ โตโยตา ส่วนอันดับที่ 3-5 ก็เป็นไปเช่นเดิมกับที่เคยเป็นในปี 2552 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด อันดับที่ 3 นิสสัน จำหน่ายไปได้ 22,785 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 6.9 % อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 19,722 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.9 % และอันดับที่ 5 เชฟโรเลต์ 7,705 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.3 % ยอดจำหน่ายรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ปี 2553 อยู่ที่ 332,422 คัน เติบโตสูงกว่าปี 2552 ถึง 41.0 %
ส่วนพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนธันวาคมจำหน่ายไปได้รวม 2,150 คัน สูงกว่าเดือนธันวาคม ปีก่อนหน้า 20.3 % จำหน่ายได้มากสุดเป็นพิคอัพจาก โตโยตา 1,573 คัน ส่วนแบ่งตลาด 73.2 % ตามด้วย อีซูซุ 381 คัน ส่วนแบ่งตลาด 17.7 % นิสสัน 139 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.5 % ฟอร์ด 29 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.3 % และเชฟโรเลต์ 14 คัน ส่วนแบ่งตลาด 0.7 % เมื่อรวมทั้งปีตลาดนี้จำหน่ายไปทั้งสิ้น 18,949 คัน สูงขึ้น 29.9 % แชมพ์เป็นของ โตโยตา 13,455 คัน ส่วนแบ่งตลาด 71.0 % รองลงไปเป็น อีซูซุ 3,279 คัน ส่วนแบ่งตลาด 17.3 % นิสสัน 959 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.1 % มิตซูบิชิ 622 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.3 % และฟอร์ด 436 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.3 % ปี 2554 ตลาดพิคอัพไม่ว่าจะเป็นขับเคลื่อน 2 หรือ 4 ล้อ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเกือบจะทุกค่ายมีแผนที่จะเปิดตัวรถพิคอัพรุ่นใหม่ ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงจากโมเดลปัจจุบันอย่างสิ้นเชิงแทบทั้งสิ้น คาดว่าการแข่งขันทางการตลาดจะร้อนแรงอย่างยิ่ง และอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับรถพิคอัพ 1 ตันยอดนิยมในที่สุด อยู่ที่ว่าใครจะช่วงชิงเปิดเกมรุกตลาดได้ก่อน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถได้มากน้อยเพียงไร
ในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ปี 2553 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เฉพาะเดือนธันวาคม มียอดจำหน่ายรวมกันที่ 37,397 คัน สูงกว่าธันวาคม ปี 2552 อยู่ 26.3 % ขณะที่ยอดจำหน่ายรวมทั้งปีทะลุเกิน 300,000 คัน ไปอยู่ที่ 332,703 คัน สูงกว่าปี 2552 ถึง 48.6 % ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมโดนใจอย่างแรงของรถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่าง มาซดา 2 และฟอร์ด ฟิเอสตา รวมไปถึง นิสสัน มาร์ช ขณะที่โมเดลอื่นที่อยู่ในตลาดมานานก็ยังได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น วีออส หรือ อัลทิส จาก โตโยตา และแจซซ์, ซิที, ซีวิค ของ ฮอนดา เป็นต้น ยอดจำหน่ายสูงสุดเดือนธันวาคมเป็นของ โตโยตา 14,853 คัน ส่วนแบ่งตลาด 39.7 % ตามด้วย ฮอนดา 10,563 คัน ส่วนแบ่งตลาด 28.2 % นิสสัน 3,046 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.1 % มาซดา 2,992 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.0 % และฟอร์ด 1,826 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.9 % ส่วนผลงานรวมทั้งปีแชมพ์เป็นของ โตโยตา 134,879 คัน
ส่วนแบ่งตลาด 40.5 % ตามด้วย ฮอนดา 101,582 คัน ส่วนแบ่งตลาด 30.5 % นิสสัน 30,070 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.0 % มาซดา 28,373 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.5 % และเชฟโรเลต์ 8,093 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.4 % ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ปี 2554 โฟคัสความน่าสนใจต้องยกให้การสิ้นสุดการรอคอยอีโคคาร์ของ ฮอนดา ที่จะร้อนแรงเปรี้ยงปร้างสักแค่ไหน ขณะที่บแรนด์ระดับหัวแถวอื่นๆ ก็มีแผนงานสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ โมเดลใหม่ ไว้นำเสนอในปี 2554 นี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับรถเอสยูวี เดือนธันวาคม 2553 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 7,026 คัน สูงกว่าเดือนธันวาคม ปี 2552 อยู่ 29.3 % โตโยตา รักษาความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่อง เดือนนี้จำหน่าย ไปได้อีก 2,238 คัน ขณะที่ อีซูซุ อยู่ในอันดับ 2 ด้วยยอด 1,236 คัน อันดับ 3 ฮอนดา 1,194 คัน มิตซูบิชิ อยู่ในอันดับที่ 4 จำหน่ายไป 1,154 คัน ส่วน เชฟโรเลต์ จำหน่ายไป 659 คัน รวม 12 เดือนยอดจำหน่ายของรถยนต์ประเภทนี้มีรวมกันทั้งสิ้น 56,422 คัน เพิ่มสูงขึ้น 53.8 % โตโยตา คว้าแชมพ์ตลาดนี้ไปครองด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งปี 20,606 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 36.5 % อันดับที่ 2 ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น มิตซูบิชิ 10,873 คัน ส่วนแบ่งตลาด 19.3 % อันดับที่ 3 เป็นเอสยูวีจาก ฮอนดา จำหน่ายไปทั้งสิ้น 9,540 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 16.9 % อันดับที่ 4 เป็น อีซูซุ 8,031 คัน ส่วนแบ่งตลาด 14.2 % และเชฟโรเลต์ 4,078 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.2 %
ส่วนรถเอมพีวี เดือนธันวาคมตลาดนี้มียอดจำหน่าย 1,605 คัน สูงกว่าธันวาคมปี 2552 ถึง 95.3 % ยอดรวมทั้งปีอยู่ที่ 13,917 คัน เติบโตสูงขึ้น 127.9 % แชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดหนีไม่พ้นเป็นของ โตโยตา เช่นกัน สรุปปี 2553 ที่ผ่านไป โตโยตา กวาดแชมพ์จำหน่ายขายดีที่สุดไปครองทุกตลาด ส่วนในปี 2554 รูปการณ์จะเป็นเช่นไร โตโยตา จะยังรักษาความเป็นหนึ่งในทุกตลาดไว้ได้เหมือนเดิมหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ผู้บริโภคหรือผู้ใช้รถอย่างเราๆ ท่านๆ นี่เอง แต่เชื่อว่าในบางตลาด เช่น ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ คงไม่เป็นเรื่องง่ายเท่าใดนัก เผลอๆ งานหนักของ โตโยตา จะขยายวงลุกลามไปยังตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเสียด้วย มหากาพย์บทนี้ยังต้องรอดูกันต่อไป
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/82878