ประกันภัย
เชือด ประกันภัย รับปีใหม่ 2554
ตามที่ได้คุยกันไว้ฉบับที่แล้ว หัวข้อ "เชือด ประกัน-นายหน้า สั่งลาปี 2553" ซึ่งแสดงถึงสัญญาณเตือนภัยปัญหาที่ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับของบริษัทประกันภัย อาจมีล้มให้เห็นอีก และภาครัฐก็เร่งมือจัดการโดยให้ยาที่แรงขึ้น มาตรการป้องกัน-แก้ไขที่เข้มข้นมากขึ้น ทำให้หลายบริษัทต้องถูกคำสั่งลงโทษปรับ เบา หนัก ลดลั่นกันไป บางบริษัทที่ยังดื้อไม่ยอมรับโทษปรับ โดยไม่ยอมจ่ายค่าปรับ ก็จะถูกดำเนินคดีกล่าวโทษตามกฎหมายต่อไป และมีบางบริษัทที่ถูกลงโทษหนัก ถึงขั้นถอนใบอนุญาต
แต่วันนี้ก็มีข่าวต้อนรับปีใหม่ 2554 คปภ. ได้มีคำสั่งลงโทษสดๆ ร้อนๆ อีกบริษัทให้หยุดรับประกันภัย คือ "บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย จำกัด" โดย คปภ สั่งห้ามรับประกันเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2554 เนื่องจากพบว่าแหกกฎทำธุรกิจจนหนี้เกินทรัพย์สินและภาระผูกพันตามกรมธรรม์ แถมยังยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินบริษัทให้บุคคลอื่น จึงขอนำเสนอแจ้งข่าวนี้ให้ได้ทราบเป็นการเบื้องต้นนะครับ
จันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า นายทะ เบียนโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ (บอร์ด) คปภ. อาศัยอำนาจตามมาตรา 52 แห่ง พรบ. ประกันวินาศภัย ปี 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ. ประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) ปี 2551 ได้มีคำสั่งที่ 5/2554 ลงวันที่ 28 มกราคม 2554 ให้บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดย บริษัท วิคเตอรี ฯ ได้มีการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย จัดสรรสินทรัพย์ไว้ไม่เพียงพอกับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย มีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัทแก่บุคคลภายนอกโดยมิชอบ มีการทำธุรกรรมทางการเงินในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย หรือประชาชน
ในระหว่างที่ บริษัท วิคเตอรี ฯ หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวนั้น ประชาชนผู้เอาประกันภัยสามารถติดต่อขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประสบภัยจากรถตาม พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หากไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นเอกสารครบถ้วน สามารถขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ได้
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปกำกับดูแลการดำเนินการของบริษัท ฯ และเร่งรัดให้บริษัทสามารถแก้ไขฐานะและการดำเนินการให้มีความมั่นคงอยู่ในสถานะที่จะประกอบธุรกิจได้ต่อไป ส่วนการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนั้น สำนักงาน คปภ. ได้มีการดำเนินคดีต่อบริษัท วิคเตอรี ฯ แล้ว
สำหรับข้อมูลของ บริษัท วิคเตอรี ฯ เดิมชื่อ บริษัท สหวัฒนาประกันภัย จำกัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท วิคเตอรีฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 มีผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 200 คน และต่างด้าว 49 คน ส่วนกรรมการบริษัท ฯ มี 7 คน ได้แก่ วีระเดช รุ่งโรจน์ธนกุล/บุษกร รุ่งโรจน์ธนกุล/ประเสริฐ ตริตานนท์/จาตุรงค์ ชัยสงคราม/พัทธ์หทัย ชินเลี่ยมทอง/ณวัฒน์ พิบูลศิริสมบัติ และสงวน ทิวัฑฒานนท์
ก่อนหน้านี้ สำนักงาน คปภ. มีคำสั่งให้บริษัทประกันวินาศภัยหยุดรับประกันภัยชั่วคราว ได้แก่ บริษัท ลิเบอร์ตี้ ประกันภัย จำกัด ขณะที่บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด และบริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เน ชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนบริษัท ฟินันซ่า ประกันชีวิต จำกัด ถูกควบคุมกิจการ และอยู่ระหว่างหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุน
ทีนี้ก็ได้เวลาที่เราจะมาติดตามเรื่องราวที่คุยค้างกันอยู่ คือ รายละเอียดในคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (กรณ์ จาติกวณิช) ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่ง ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2553 ตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1583/2553 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2553 เรื่อง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้สรุปข้อเท็จจริง ดังนี้
1. บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด มีฐานะการเงิน ดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย มีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอแก่การชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ จัดสรรทรัพย์สินไม่เพียงพอกับหนี้สินและภาระผูกพันต่อเจ้าหนี้ของบริษัท ฯ และมีค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายแก่ผู้เอาประกันภัย หรือประชาชนเป็นจำนวนมาก บริษัทอยู่ในฐานะที่มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 265.13 ล้านบาท
2. สำนักงาน คปภ. ในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัทประกันภัยได้ให้โอกาสแก่บริษัทในการแก้ไขปัญหาของบริษัทมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว หากบริษัทสามารถระดมเงินทุนใหม่จะทำให้บริษัทสามารถชำระหนี้สินที่มีต่อเจ้าหนี้ทั้งปวงได้ แต่บริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะการเงินของบริษัทได้ และบริษัทยังคงค้างจ่ายค่าสินไหมทดแทนอีกเป็นจำนวนมาก บริษัท ฯ จึงมีฐานะการเงิน หรือการดำเนินงานอันอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย หรือประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงใช้อำนาจตามมาตรา 59แห่ง พรบ. ประกันวินาศภัยปี 2535 สั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2553 ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้ประชาชน หรือผู้เอาประกันภัยได้รับความเสียหายเพิ่มเติม
3. การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ
4. สำนักงาน คปภ. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทประกันภัยให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยในกรณีกรมธรรม์ที่ยังมีระยะเวลาคุ้มครองเหลืออยู่ ให้ทำประกันภัยกับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือ โดยสามารถซื้อความคุ้มครอง 1 ปี แล้วบริษัทประกันภัยจะขยายระยะเวลาความคุ้มครองเพิ่มเติมให้เท่ากับระยะเวลาประกันภัยที่เหลืออยู่ตามกรมธรรม์ประกันภัยเดิม หรือบริษัทประกันภัยอาจให้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาคุ้มครองที่เหลืออยู่ โดยผู้เอาประกันภัยจะต้องโอนสิทธิ์ที่จะได้รับเบี้ยประกันภัย
สำหรับระยะเวลาที่เหลือ จากผู้ชำระบัญชี กองทรัพย์สินของบริษัทในคดีล้มละลาย หรือจากกองทุนประกันวินาศภัยให้แก่บริษัทที่รับประกันภัยใหม่ สำหรับรายชื่อบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย สามารถดูได้จากเว็บไซท์ของสำนักงาน คปภ. (www.oic.or.th) หรือสอบถามได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186
5. สำหรับผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี และกองทุนประกันวินาศภัย ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยออกประกาศ โดยให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 2 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้ กรมธรรม์ประกันภัย บัตรประจำตัวประชาชน ใบเคลม ใบนัดชำระหนี้ หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงถึงมูลหนี้ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล) หากไม่สามารถมายื่นได้ด้วยตนเองจะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชน ผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ยื่นต่อผู้ชำระบัญชีของบริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ได้ตามสถานที่ดังต่อไปนี้
5.1 ส่วนกลาง ยื่นได้ 4 แห่ง ดังนี้
(1) สำนักงาน คปภ. เลขที่ 22/79 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
(2) สำนักงาน คปภ.เขต 1 เลขที่ 8/8 ซอยวิภาวดี 44 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
(3) สำนักงาน คปภ.เขต 2 เลขที่ 287 ซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600
(4 ) สำนักงาน คปภ. เขต 3 เลขที่ 1/16 อาคารบางนาธานี ชั้น 8 ถนนบางนา ตราด กม. 3 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
5.2 ต่างจังหวัด ยื่นที่ สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ
6. สำหรับเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี ณ สถานที่และภายในกำหนดเวลาตามข้อ 5 พร้อมทั้งนำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าหนี้ ต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 1 ชุด ประกอบการขอยื่นชำระหนี้ ดังนี้ หลักฐานแสดงถึงมูลหนี้ บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล) หากไม่สามารถมายื่นได้ด้วยตนเองจะต้องมี หนังสือมอบอำนาจ พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
7. ปัจจุบันมีกองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตโดยเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากสัญญาประกันภัยจะต้องไปขอรับชำระหนี้จากผู้รับชำระบัญชี และ/หรือ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายก่อนหากจำนวนเงินที่ได้รับชำระหนี้จากบริษัทฯ (ผู้ชำระบัญชี และ/หรือ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์) มีไม่เพียงพอ เจ้าหนี้ดังกล่าวมีสิทธิได้รับชำระหนี้ส่วนที่ขาดจากกองทุน ฯ แต่รวมกันทุกสัญญาแล้วไม่เกิน 1 ล้านบาท/ราย ข้อแนะนำ คปภ. แนะเจ้าหนี้ของ บริษัท เอ.พี.เอฟ ฯ ยื่นขอรับชำระหนี้ ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 3 มีนาคม 2554 รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามที่ คปภ. ฝ่ายตรวจสอบ โทร. 0-2515-3918 หรือ 1186
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/82596