ใส่สีใส่สัน
ฮอลลีวูด ดิ้นรน
เป็นข้อสงสัยส่วนตัวของผมที่มีมาตั้งนานแล้ว ขึ้นชื่อว่าภาพยนตร์ เพราะเหตุใด ฮอลลีวูด จึงสามารถดำรงอยู่ได้ราวกับเป็นยอดมนุษย์ค้ำฟ้าไม่มีวันตาย ซึ่งข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นหลังจากผมเทียบเคียงกับวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศอื่นๆ แล้ว
เป็นต้นว่า การนำไปเทียบเคียงกับภาพยนตร์จากประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน ฮ่องกงและอิตาลี ล้วนไม่โด่งดังเท่า ฮอลลีวูด
ฮอลลีวูด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา และปัจจัยที่เป็นตัวกระชากสถานะของ ฮอลลีวูด ทำให้เกิดภาวะชะงักชะลอตัว ย่อมต้องมีเช่นเดียวกับประเทศอื่น แต่กลับเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำลายล้างวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮอลลีวูด
กรณีดังกล่าวจะเห็นได้ชัดในระหว่างปี 1950 อันเป็นห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของ ฮอลลีวูด ซึ่งเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐ ฯ ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดอย่างหนัก จะด้วยวิถีทางหลากหลาย เพราะการบุกโจมตีด้านนวัตกรรมใหม่เอี่ยมด้วยภาพและเสียง ที่ส่งตรงถึงห้องนอน และนั่นก็คือ กิจการโทรทัศน์
ไม่น่าเชื่อว่า การถือกำเนิดของกิจการโทรทัศน์ จะทำความเสียหายให้กับวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด อย่างหนัก และเป็นที่มาของความพยายามค้นหาการนำเสนอ (PRESENTATION) รูปแบบใหม่ จากหลายสตูดิโอ
THIS IS CINERAMA เป็นภาพยนตร์ที่สร้างในปี 1952 ด้วยการนำเสนอรูปแบบล้ำสมัย ด้วยการถ่ายทำภาพยนตร์จากกล้องขนาด 35 มม. พร้อมกันทีเดียวถึง 3 กล้อง และเมื่อถึงเวลาฉายก็ต้องใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ ฉายพร้อมกัน 3 เครื่อง
เพื่อให้ได้ภาพขนาดมหึมา และกว้างใหญ่กว่าขนาดปกติถึง 3 เท่า พร้อมด้วยระบบเสียง กระหึ่ม กึกก้อง เติมอารมณ์ร่วมของแฟนภาพยนตร์ ให้เข้าถึงเหตุการณ์บนจอภาพ
ฉากที่เรียกความตื่นเต้นมากสุดของภาพยนตร์ในระบบซีเนรามาเรื่องนี้ เป็นฉากที่ถ่ายทำในสวนสนุก รอคอเวย์ ที่รอคอเวย์ บีช ในย่านควีนส์ของมหานครนิวยอร์ค ซึ่งถ่ายให้เห็นถึงรถไฟเหาะ โรลเลอร์ โคสเตอร์ นำแฟนภาพยนตร์นั่งรถไฟเหาะฉวัดเฉวียนอย่างน่าตื่นเต้น
รวมทั้งฉากใหญ่โตมโหระทึกของน้ำตกไนแอการา ซึ่งแลดูในพื้นที่มหาศาล งดงามที่สุด เมื่อมองจากฝั่งประเทศแคนาดา หรือฉากการสู้วัวกระทิงในสเปน ฉากนานาคลองในนครเวนิศของอิตาลี และฉากการเล่นสกีน้ำที่ฟลอริดา
นอกจากระบบซีเนรามา ซึ่งต่อมาก็หมดสมัย เพราะไม่คุ้มทุน ฮอลลีวูด ยังนำเสนอภาพยนตร์ในระบบ3 มิติ ซึ่งบรรดาแฟนหนังต้องสวมแว่นตาสีดำที่ทางโรงภาพยนตร์จัดหาให้สวมระหว่างการรับชม เพื่อทำให้ภาพยนตร์มีความเคลื่อนไหวที่ประชิดตัวผู้ชมมากที่สุด
ภาพยนตร์เรื่อง HOUSE OF WAX ในระบบ 3 มิติ ถูกสร้างขึ้นในปี 1953 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับหนัง 3 มิติ เรื่อง IT CAME FROM OUTER SPACE แต่ระบบ 3 มิติ ก็ยืนยงคงกระพันกับโลกภาพยนตร์ ฮอลลีวูด ไม่ได้นาน
ในสมัยนี้ ล่าสุดผมเข้าไปเที่ยวดิสนีย์ซีที่ประเทศญี่ปุ่น ระบบ 3 มิติ ไม่ได้มีแค่ภาพพุ่งตรงเข้าหาตัวเราเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถทำให้เรารู้สึกได้อีกต่างหาก เช่น มีน้ำกระเซ็นมาถูกเสื้อ หรือมีแมลงเข้ามารบกวนเสื้อผ้าของเรา ขาดอย่างเดียว ไม่มีกลิ่น และในขณะเดียวกัน การลงทุนสร้างอย่างมโหฬารพันลึกก็ไม่หยุดยั้ง จากภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ 2 เรื่อง ที่ได้รับความสำเร็จมากในทศวรรษเดียวกัน ก็คือ บัญญัติสิบประการ (THE TEN COMMANDMENTS) และ เบน-เฮอร์ (BEN-HUR)
บัญญัติสิบประการ ฉายที่โรงภาพยนตร์ กแรนด์ วังบูรพา ส่วน เบน-เฮอร์ เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์เฉลิมเขตร ย่านสะพานกษัตริย์ศึก ข้างคลองผดุงกรุงเกษม
ห้วงเวลาดังกล่าว ฮอลลีวูด ยังพยายามหาทางออกเพื่อหลบหลีกการล่มสลายด้วยการนำเสนอภาพยนตร์คาวบอยประเภทขี่ม้ายิงปืน เสือกับสิงห์เจอกันทั้งปี
THE MAN FROM LARAMIE คือ สุดยอดภาพยนตร์คาวบอยของทศวรรษ 50 แต่ นาทีหลั่งเลือด(HIGH NOON) ในปี 1952 และ รีโอ บราโว (RIO BRAVO) ในปี 1959 ก็ได้รับความสำเร็จไม่แพ้กัน
ส่วน TWO RODE TOGETHER เป็นภาพยนตร์จากฝีมือของ จอห์น ฟอร์ด-ผู้กำกับการแสดงฝีมือตุ๊กตาทอง เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ควีนส์ หลังวังบูรพา ผมเห็นชื่อหนังพร้อมด้วยชื่อพระเอก 2 คน คือ ริชาร์ด วิดมาร์ค กับ เจมส์ สจวร์ท ก็ตั้งชื่อไทยได้เลยตามยุคสมัยในขณะนั้นที่ฮิทมาก คือ เสือหยิ่งสิงห์ผยอง หนังเข้าฉายเจ๊งไม่เป็นท่า แถมคนดูเปลี่ยนชื่อไทยให้เสร็จเรียบร้อยว่า เสือนิ่งสิงห์นอน
ภาพยนตร์ชีวิตกินลึกอย่าง รถรางสายปรารถนา (A STREETCAR NAMED DESIRE) ในปี 1951 กลายเป็นหนังชีวิตที่มีคนไทยดูมากสุด เพราะการแสดงเหลือกินเหลือใช้ของ มาร์ลอน บแรนโด ซึ่งทำให้บรรดาแฟนภาพยนตร์ติดตามผลงานของเขาทั้งใน VIVA ZAPATA ! ในปี 1952 และ ON THE WATERFRONT ในปี 1954
ในด้านนักแสดงหญิงหน้าใหม่ ด้วยรูปร่างที่ไม่ส่อแววเซกซ์แอพเพลแบบ มาริลีน มอนโร หรือ อลิซเบธ เทเลอร์ แต่คว้าใจคนดูไปกินแบบนิ่มๆ ได้แก่ ออดเรย์ เฮพเบิร์น ซึ่งเข้ามาเล่นเรื่อง โรมรำลึก (ROMAN HOLIDAY) ระเบิดเถิดเทิงทั้งๆ ที่เป็นภาพยนตร์ขาวดำ
ถ้าเปรียบเทียบ ฮอลลีวูด ที่น่าจะยังหลงเหลืออยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เห็นจะเป็นค่าย บอลลีวูด ของอินเดียที่เมืองมุมไบครับ
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78869