สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
โวล์ฟกัง ฮุพเพนเบาเอร์
เข้าสู่ช่วงไตรมาส 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ สิ่งที่คนในวงการคาดหวังไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร เหลือระยะเวลาให้ลุ้นอีกไม่นานนัก สำหรับผู้นำตลาดรถหรูอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ ความคาดหวัง และแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ โวล์ฟกัง ฮุพเพนเบาเอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : มองสถานการณ์ของประเทศไทยในภาพรวมอย่างไร ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : หลังจากประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน ประชาชนมีความรู้สึกผ่อนคลาย และกล้าตัดสินใจใช้จ่ายเงินมากขึ้น นอกจากนี้ การที่รัฐบาลประกาศนโยบายสานต่อโครงการเมกะโพรเจคท์ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า จะก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก และทำให้มีเงินลงทุนเข้ามาหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มองว่า สถานการณ์จะดีขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะโครงการต่างๆ ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร คาดว่าไตรมาส 3-4 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น
สิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้ความสำคัญมาก คือ รัฐบาลที่มั่นคง และนโยบายที่ชัดเจนเพื่อการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ไม่เฉพาะนโยบายด้านภาษีเท่านั้น แต่ยังหมายถึงนโยบายด้านอื่นๆ อาทิ การกำหนดมาตรฐานน้ำมัน มาตรฐานไอเสีย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ R & D ของแต่ละบริษัท
ฟอร์มูลา : ตลาดรถยนต์ปีนี้เป็นอย่างไร ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : คาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 10 % คือ มียอดจำหน่ายรวม 700,000 คัน ด้านตลาดรถหรู น่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 7-10 % หรือมียอดจำหน่ายประมาณ 7,000-8,000 คัน เนื่องจากผู้บริโภคกล้าที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น
ฟอร์มูลา : วางนโยบายทางการตลาดปีนี้อย่างไร ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : นโยบายหนึ่งที่บริษัท ฯ ให้ความสำคัญ คือ การจัดกิจกรรมร่วมกับผู้แทนจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น การทำธุรกิจในปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้แทนจำหน่ายมากขึ้น และร่วมกันสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ทั้งในส่วนของการขาย และการบริการหลังการขาย
ปัจจุบัน บริษัท ฯ มีตัวแทนจำหน่าย 33 แห่งทั่วประเทศ อยู่ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล 18 แห่ง ต่างจังหวัด 15 แห่ง นอกจากนี้ยังมีรถโมบายล์ เซอร์วิศ สำหรับให้บริการในพื้นที่ที่ไม่มีศูนย์บริการของบริษัท ฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า และยังไม่มีแผนเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายในขณะนี้
ที่ผ่านมา บริษัท ฯ สร้างแผนการพัฒนาผู้แทนจำหน่าย ซึ่งมีการพัฒนาทุก 6 เดือน เพื่อให้ผู้แทนจำหน่าย
พัฒนาการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า บริษัท ฯ คงไม่สามารถสร้างความพึงพอใจทั้งหมดให้แก่ลูกค้าได้ แต่สิ่งที่บริษัท ฯ ดำเนินการตลอดมา คือ การวัดผลการทำงานของผู้แทนจำหน่าย ประเมินผลการทำงาน เมื่อเกิดปัญหาจะรีบเข้าไปหาสาเหตุของปัญหา และแก้ไขโดยเร็ว
ฟอร์มูลา : ตลอดปีนี้วางแผนเปิดตัวรถกี่รุ่น ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : บริษัท ฯ ได้เปิดตัวรถ 2 รุ่น คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสเอล และ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวรถรุ่น เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล เอดิชัน 10 ในโอกาสฉลอง 10 ปี ของรถรุ่นนี้ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี200/เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 205 ซึ่งเป็นรุ่นทอพสุดของ ซี-คลาสส์ ที่ผลิตในประเทศไทย เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอล สปอร์ท คูเป นอกจากนี้ยังได้นำ เมร์เซเดส-เบนซ์ 320 ซีดีไอ ซึ่งเคยเปิดตัวมาแล้ว แต่จำหน่ายให้กับฟลีทรถยนต์ของโรงแรมเป็นหลัก ต่อมาบริษัท ฯ วิจัยพบว่าผู้บริโภคมีความความต้องการรถยนต์รุ่นนี้ จึงตัดสินใจนำเข้ามาเปิดตัวอีกครั้ง เพื่อให้เป็นรถสำหรับผู้บริโภคทั่วไป โดยการเลือกเปิดตัวรถทุกรุ่น บริษัท ฯ คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญ และพยายามตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ในทุกเซกเมนท์
ฟอร์มูลา : การแข่งขันของตลาดรถหรูเป็นอย่างไร ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : ตลาดรถหรูมีผู้เล่นหลักประมาณ 3-4 ราย โดย เมร์เซเดส-เบนซ์ เป็นผู้นำในตลาดมา 7 ปีติดต่อกัน มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 50 % โดยบริษัท ฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำต่อไป ด้วยประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจมายาวนานในประเทศไทย และความเข้มแข็งของทีมงาน เชื่อว่า บริษัท ฯ จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดต่อไปได้
ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน ความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อโลโกดาวสามแฉกเปลี่ยนไปหรือไม่ ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : ความต้องการของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ที่ผ่านมาบริษัท ฯ จะมีกลุ่มลูกค้าเดิมที่ชื่นชอบในตรา เมร์เซเดส-เบนซ์ แต่ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการความแตกต่าง แต่บริษัท ฯ ก็มั่นใจว่า มีสินค้าหลากหลาย ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าใหม่
ฟอร์มูลา : คิดว่าจุดแข็งของ เมร์เซเดส-เบนซ์ คือ อะไร ?
ฮุพเพนเบาเอร์ : เมร์เซเดส-เบนซ์ อยู่ในตลาดรถยนต์เมืองไทยมากว่า 50 ปี เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค มีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และทำธุรกิจร่วมกันมานาน ซึ่งบริษัท ฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการทำธุรกิจให้ดีขึ้น ที่ผ่านมา ได้ลงทุนในโครงการ ONE ROOF คือ การนำศูนย์บริการกลาง ศูนย์อะไหล่กลาง และ VPC (VEHICLE PROCESSING CENTER) มารวมอยู่ด้วยกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงาน และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ/นาทลดา ทองมาก
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2551
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78814