มาตรวัดตลาดรถ
ใจชื้น
[table] เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์, เดือนกันยายน ปี '50 กับ '49
ตลาดรวม, เพิ่ม, 8.3 %
รถยนต์นั่ง, ลด, 1.8 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, เพิ่ม, 8.5 %
รถอเนกประสงค์ (MPV), ลด, 13.9 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), เพิ่ม, 95.8 % [/table]
ตั้งใจเขียนหัวเรื่องอย่างนั้นจริงๆ เพราะเห็นยอดการขายประจำเดือนกันยายน ค่อยชื้นใจขึ้นมาบ้าง ว่า
สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกเรื่อง เพราะยอดการขายฟื้นตัวขึ้นมา 8.3 % ขายได้ทั้งตลาด
53,491 คัน แต่ยอดรวมก็ยังคงไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไร เพราะติดลบเอาไว้เยอะ
ก่อนถึงเรื่องของตัวเลข มาดูสภาวะรอบด้านกันก่อน
เคยลองดูแผนที่โลกกันเล่นๆ ไหมครับ ลองดูตัวอย่าง เอาแค่เรื่องเดียวก่อน เส้นทางเดินเรือจาก
ประเทศไทย ไป ประเทศญี่ปุ่น เพื่อการขนส่งสินค้าทั้งวัตถุดิบ และผลิตผล เรือขนส่งสินค้าต้องเข้ามาที่
ท่าเรือแหลมฉบัง หรือ ท่าเรือกรุงเทพ ก็แล้วแต่ เมื่อบรรทุกสินค้าเสร็จแล้ว ก็ต้องเดินทางลงไปอ้อม
ปลายแหลมของประเทศเวียดนาม เพื่อเข้าสู่ทะเลจีนใต้ ก่อนจะตรงดิ่งไปประเทศญี่ปุ่น
ทีนี้ ในเวียดนาม น่ะมีท่าเรือน้ำลึกที่สร้างขึ้นตอนสงครามเวียดนาม ที่รับเรือบรรทุกเครื่องบินขนาด
ใหญ่ได้ ก็เลยคิดกันเล่นๆ ว่า ถ้าขนส่งสินค้าทางถนน จากประเทศไทย ไปมุกดาหาร ขับผ่านประเทศ
ลาว ข้ามเวียดนาม เอาสินค้าไปลงเรือที่ท่าเรือเมืองดานัง เพื่อลดการเดินทางอ้อมแหลมของเรือเดิน
สมุทร และลดเวลาการขนส่งลง จะสะดวกกว่าไหม
ทีนี้เรื่องเล่นๆ กำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว เพราะเริ่มมีการทำความตกลงระหว่าง ไทย-ลาว-เวียด
นาม ที่จะให้สิทธิการจราจร และยอมรับรถที่จดทะเบียนของทั้ง 3 ประเทศ เข้าในดินแดนของภาคีคู่
สัญญา รวมทั้งยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ การประกันภัย การนำรถเข้าชั่วคราว เพื่อส่ง
เสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน และจะมีการลงนามในการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 3 ที่กรุงฮานอย
ประเทศเวียดนาม
เรื่องอย่างนี้แหละ ทำให้มีการคิดกันเล่นๆ เรื่องขุดคอคอดกระ ตรงด้ามขวานทองของเรานั่นเอง เพราะ
เรือเดินสมุทรจะได้ไม่ต้องไปอ้อมแหลมมาลายู ให้เสียเวลา
แต่บางเรื่องเล่นๆ กว่าจะทำให้เป็นเรื่องจริงได้นี่ก็นานน่าดูเหมือนกันนะครับ
เรื่องดีๆ อย่างนี้ต้องเอามาขยาย แต่บางเรื่องไม่ค่อยดี ก็ต้องเอามาขยายเหมือนกัน
เรื่องการส่งเสริมการใช้แกสซีเอนจี เป็นเชื้อเพลิง...อ้อ...ฝากกราบเรียนประชาสัมพันธ์กรมการขนส่ง
ทางบกด้วยว่าแกสเอนจีวี น่ะ มันไม่มีหรอกครับ เพราะมันหมายถึงรถยนต์ที่ใช้แกส จะใช้ชนิดไหนก็
เรียก เอนจีวี เหมือนกัน ถ้าเรียกตัวแกสต้องเรียก ซีเอนจี หรือ แอลพีจี กรุณาแจ้งผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ที่จะต้องให้ข่าวแก่สื่อสารมวลชนด้วย จะได้ไม่ต้องขายหน้าบ่อยนัก
เรียนมาเพื่อทราบ
ตอนนี้กรมขนส่งทางบก ตั้งแท่นให้รัฐมนตรีลงชื่อแล้ว จะประกาศให้แทกซีที่จดทะเบียนใหม่ ต้องเป็น
รถแทกซีที่ใช้แกสซีเอนจี เป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น เพื่อส่งเสริมเรื่องการประหยัดพลังงานและลดมลพิษใน
เขตเมือง เพราะเอนจีวีเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด
โดยคาดว่าประกาศฉบับนี้จะมีผลตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2550 เป็นต้นไป
ในเมื่อไม่ยอมติดกันเพราะมันแพง ตั้ง 4-5 หมื่นบาท ก็บังคับเสียเลย จะเป็นไรไป
ข้อควรทราบ ปัจจุบัน รถบรรทุกและรถโดยสาร ประมาณ 800,000 คันทั่วประเทศ ขณะนี้มีการติดตั้ง
เอนจีวี เพียงกว่า 2,000 คันเท่านั้น
ก็เรียนท่านไว้ตรงนี้ว่า สาเหตุที่รถบรรทุกและรถโดยสารเขาไม่ติดตั้งกัน ก็เพราะในต่างจังหวัดมันไม่มี
ปั๊มสำหรับรถใช้แกสซีเอนจี มีแต่ปั๊มแอลพีจี ก็เลยไม่รู้จะไปเติมที่ไหน ต้องใช้น้ำมันขับกลับมาเติมก
ทม. อยู่ดี
กลับมาเรื่องตัวเลขของมาตรวัด
หนนี้อย่างที่บอกว่าค่อยชื้นใจขึ้นมา เพราะยอดขายทั้งตลาด ขายได้ 53,491 คัน เพิ่มขึ้น 8.3 % ขณะที่ตลาดรวมยังหดอยู่ 7.6 % รวม 451,326 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ยอดรวม โตโยตา ขาย 23,575 คัน เพิ่มขึ้น 7.5 % ส่วนแบ่ง 44.1% อันดับสองแจกทองกันเป็นว่าเล่นฉลอง 50 ปี อีซูซุ ขาย 11,221 คัน เพิ่ม 5.5 % ส่วนแบ่ง 21.0 % อันดับสาม ฮอนดา ขาย 6,425 คัน เพิ่มเยอะ 37.6 % ส่วนแบ่ง 12.0 % อันดับสี่ เพิ่งกลับมา นิสสัน ขายน้อยกว่าปีก่อน 3 คัน ขายได้ 3,290 คัน ส่วนแบ่ง 6.2 % และอันดับห้า เชฟโรเลต์ ขาย 2,280 คัน ลดลง 13.8 % ส่วนแบ่ง 4.3 %
ยอดรวมเก้าเดือน โตโยตา ขาย 199,389 คัน อีซูซุ ขาย 103,174 คัน ฮอนดา ขาย 48,236 คัน, นิสสัน ขาย 28,815 คัน และ มิตซูบิชิ ขาย 20,536 คัน
มาถึงรถยนต์นั่ง ขายได้ลด 1.8 % ขาย 15,144 คัน ขณะที่ยอดรวมติดลบ 6.6 % ขายเพียง 123,267 คัน
ตำแหน่งแชมพ์รถยนต์นั่ง โตโยตา ขาย 7,416 คัน เพิ่ม 2.4 % ส่วนแบ่ง 49.0 % ที่สอง ฮอนดา ขาย
5,456 คัน เพิ่ม 17.8 % ส่วนแบ่ง 36.0 % ที่สาม เชฟโรเลต์ ขายข้าราชการ 572 คัน ลดเยอะ 64.7 % ส่วนแบ่ง 3.8 % ที่สี่ นิสสัน เข็นได้แค่ 522 คัน ลดลง 27.4 % ส่วนแบ่ง 3.4 % และที่ห้า เมร์เซเดส- เบนซ์ ขาย 420 คัน เพิ่มตั้ง 94.4 % ส่วนแบ่ง 2.8 %
ประเภทรถกระบะ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ สดใส โตโยตา ขาย 11,783 คัน เพิ่ม 9.4 % ส่วนแบ่ง 40.9
% ที่สอง อีซูซุ ขาย 9,798 คัน เพิ่ม 7.6 % ส่วนแบ่ง 40.2 % ที่สาม นิสสัน ขายเลขสวยแทงหวยไม่ถูก 2,222 คัน ลด 2.1 % ส่วนแบ่ง 7.7 %
รถอเนกประสงค์ หรือรถแวน ลด 13.9 % ขายได้ 526 คัน มีเจ้าตลาดอยู่เจ้าเดียว โตโยตา ขาย 387
คัน แต่ลดตั้ง 21.2 %
นั่นคือความเป็นไปในรอบ 9 เดือน ที่บรรดานักการตลาดค่อยๆ ยิ้มออกเพราะตลาดเริ่มอยู่ตัวแล้ว
บรรยากาศทางการเมือง ก็ค่อนข้างไม่วุ่นวายนัก เลือกตั้งกันเมื่อไร มีรัฐบาลใหม่เมื่อไร รัฐนาวาลำนี้
จะได้เดินทางกันเสียที
ตอนนี้ก็หวังโครงการ อีโคคาร์ ของ ฮอนดา กับ บี เซกเมนท์ ของ ฟอร์ด กับ มาซดา ที่จะทำให้อุตสาห
กรรมยานยนต์ของเรา ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง
ก็ได้แต่หวังว่าจะสมหวังกันทุกคน
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77217