ชีวิตคือความรื่นรมย์
ชีวิตที่รื่นรมย์
ผู้เขียนไปงานประกาศตัวว่าถึงวัยเกษียณของเพื่อนที่รักเหมือนน้องชาย แต่เขาดูแลปกป้อง
ผู้เขียนเสมือนเขาเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเวลาที่รู้ว่าคบกันได้อย่างจริงใจ และทั้งๆ ที่อายุเรา
ห่างกันถึง 1 รอบ
เป็นงานที่ใช้บริเวณจัดงานใหญ่โต เพราะแขกที่เขารู้จัก และที่รักเขามีมากในหลายวงการ แม้
จะมีเรื่องเล่าที่ควรจะฟุ้งเฟื่องมากมาย แต่มีการจัดการ จัดลำดับของงานอย่างกระชับ ไม่ยืด
เยื้อน่าเบื่อหน่ายเหมือนงานแซยิดผู้ยิ่งใหญ่บางคน แม้จะมีการเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวเหมือน
งานวันเกษียณทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นการเล่าแบบกระชับน่ารัก ไม่ใช่คุยโวโอ่อวด แต่รู้แล้วเป็นสาระ
ที่เตือนใจได้ดี
โดยเฉพาะทีมงานจัดงาน ต้องนับว่ามืออาชีพ จัดงานหลายๆ บริษัทรับจ้างจัดงานได้มาเห็น
แล้วอาจรู้สึกอายทีเดียว รวมทั้งคนที่มาเป็นพิธีกรดำเนินงาน ที่ช่วยได้ดียิ่ง ให้งานไปได้อย่าง
น่าชื่นชม แขกมางานรู้สึกเป็นกันเอง อบอุ่น กลับไปพร้อมรอยยิ้ม หลับอย่างเป็นสุข และยัง
ถวิลถึง อย่างที่ผู้เขียนคิดว่า ไม่เขียนถึงไม่ได้
แม้ว่าแขกที่มางาน เป็นบุคคลที่ผู้เขียนไม่คุ้นเคยกว่า 90 เปอร์เซนต์ แต่เมื่อย่างเข้าไปแล้ว มี
ความรู้สึกอบอุ่น ไม่ว้าเหว่เลย เพราะฝ่ายต้อนรับทำหน้าที่ตั้งแต่เราเดินเข้าไปรายงานตัว มีคน
พาไปติดคำอวยพรที่เจ้าภาพเตรียมให้แขกไว้แล้วในบัตรเชิญ
หลังจากนั้นพาไปถ่ายภาพ และแนะนำคนที่เราควรรู้จัก และสนทนา ขณะที่เสียงเพลงอัน
อบอุ่นกังวานหวาน บริเวณนี้มีแขกที่มาอาจเพิ่งพบและทักทาย มีผู้สื่อข่าวถ่ายภาพกัน
สับสนวุ่นวายไปหมด
แล้วก็มีคนแนะนำว่า ถ้าผู้เขียนจะเข้าไปบริเวณด้านในอีกห้องที่ค่อนข้างสงบกว่าช่วงแรกก็ได้ ปรากฏ
ว่าห้องนี้มีแขกที่จับกลุ่มยืน หรือนั่งอยู่เป็นกลุ่มๆ มีคนเล่นดนตรีและขับร้องเดี่ยว อยู่ใกล้ๆ รถยนต์คัน
หนึ่งซึ่งมีรูปลักษณ์แบบ ออสติน โบราณแบบคุ้นตา ทั้งดนตรีที่ไพเราะ เพลงร้องซึ้งๆ และเสียงคนร้อง
ฟังแล้วรู้สึกประทับใจเหลือเกิน
อีกด้านหนึ่งของห้องนี้เป็นบอร์ดนิทรรศการ เล่าเรียงถึงความเป็นมาของกิจการว่าด้วยการจัดทำ
นิตยสารเกี่ยวกับยานยนต์ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนตำนาการจัดมหกรรมแสดงเกี่ยวกับ
ยานยนตร์ที่เริ่มมาอย่างยากเข็ญ จนเป็นมหกรรมจำเป็นยิ่งใหญ่ในรอบปีที่ขาดเสียไม่ได้ในวันนี้
อันเป็นตำนานการต่อสู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวยาวนาน ที่อาจมีความระทมขมขื่นเจือปน แต่ในขณะ
เดียวกันก็แฝงความสุข ความภูมิใจ จากการต่อสู้กับอุปสรรคนานัปการ ซึ่งเมื่อมองผ่านความทุกข์
ความสุขเหล่านั้นนานมาแล้ว มันก็เลยกลายเป็นความภาคภูมิที่สามารถฟันฝ่าผ่านอุปสรรค
เหล่านั้นมาได้น่าชื่นใจ
มีแขกผู้มีเกียรติมากมายที่ยืน และเดินชมนิทรรศการ บางคนกล่าวขานชื่นชมกันให้ผู้เขียนได้ยิน
บางคนถามว่าผู้เขียนรู้จัก และมีส่วนอะไรบ้าง ผู้เขียนได้แต่เล่าว่ารู้จักและรักนิสัยใจคอ ตลอดจน
การต่อสู้บางประการส่วนน้อยของเขา กว่าที่เขาเจ้าของวันเกิดจะก้าวมาถึงวันนี้
ได้เวลาอันสมควร พิธีกรก็เชิญชวนแขกผู้มีเกียรติเข้าไปสู่บริเวณจัดงานที่แท้จริงอันเป็นห้องที่สาม
ซึ่งกว้างกว่าที่ผ่านมา หากแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยสีสันอันตระการตา ยิ่งกว่าสองห้องที่ผ่าน
มายิ่งกว่ามากนัก มีซุ้มอาหาร เครื่องดื่มที่โน่นที่นี่ แขกมากมายที่ทำให้ห้องกว้างขวางดูเสมือน
ใกล้ชิดกันโดยทันที
หลังจากที่ท่านองคมนตรีที่กรุณามาเป็นเกียรติ และอำนวยพรด้วยความรักใคร่เมตตาแล้ว สื่อ
สมัยใหม่วีทีอาร์ที่ว่าด้วยชีวิตของชายหนุ่มผมยาว (กล่าวกันว่าเขามี 4 ขวัญจึงได้ฉายานั้น) แบ่ง
เป็นช่วงชีวิตการเรียนที่เกือบล่มเพราะความรักในดนตรีและเสียงเพลง จนเป็นนักดนตรีอาชีพวัยรุ่น
กระทงวง THE YONGSTERS (ทั้งที่ถูกปรามาสจากครูดนตรีคนหนึ่งว่า "อยากเรียน แต่ถ้าไม่พร้อม
ก็อย่ามาเลยดีกว่า อย่างเธอนี่ ครูว่าชาตินี้เล่นดนตรีไม่เป็นหรอก") ช่วงไปเรียนต่างประเทศ (7 ปี
ในเยอรมนี) และเกือบหลงไปในดงดนตรี แต่ได้วิชาการพิมพ์ และวิญญาณประชาธิปไตยคนหนัง
สือพิมพ์ กลับมา ช่วงกลับมาทำงานเป็นลูกจ้างกว่าจะได้เป็นตัวของตัวเองเพราะการเป็นคนสู้
ชีวิตที่ใฝ่ดี
เล่ามาถึงตรงนี้ท่านที่ไม่ได้ไปงานก็คงพอทราบว่า ผู้เขียนกำลังย่อส่วนชีวิตของคนที่เรียกว่าผู้อำนวย
การบริษัท สื่อสากล จำกัด หรือเจ้าของ "ฟอร์มูลา" ให้ท่านอ่าน และคิดตามไป แต่ทั้งๆ ที่อยากเล่า
ความประทับใจจากงานให้ท่านที่ไม่ได้ไปด้วย (เช่น อยู่ต่างจังหวัดและขัดข้องประการต่างๆ) อย่าง
ละเอียด แต่ย่อมทำได้ไม่ถึงเสี้ยวเล็กของงาน และที่อยากจะเล่า
ที่ผู้เขียนประทับใจ นอกจากความกะทัดรัด และการเรียงลำดับที่ลงตัวพอดี ไม่มากไม่น้อย (แต่ยังน้อย
ในความอยากฟังเพลงเพราะจากนักร้อง และนักดนตรีมือโพร-เพื่อนๆ ของเขา) ที่มาให้ความบันเทิง
ช่วงที่แขกผู้มีเกียรติกล่าวถึงเขา และที่ประทับใจที่สุด คือ ช่วงที่เพื่อนสนิทในวัยต้น และเพื่อนๆ ที่เล่น
ดนตรีด้วยกันมาก่อน (นักดนตรีฝีมือดีในปัจจุบันหลายคน) เล่าผ่านสื่อได้ทั้งความขบขัน และอบอุ่น
ยิ่งช่วงที่เขาเองกลับมาสู่เวทีดนตรีพร้อมเพื่อนคู่หูหลายคนในวงครั้งในอดีต ขึ้นไปแสดงฝีมืออัน
เฉียบขาดโดยแท้ เขาเองขับร้องเพลงที่เสมือนแสดงความเป็นตัวตนอันโดดเด่นด้วย MY WAY ที่
บอกว่า "นี่แหละ...วิถีผม" ที่เชื่อว่านักร้องอาชีพทุกวันนี้ไม่ได้ขี้ผงความสามารถแท้จริงนั้น
และที่ผู้เขียนเดินยิ้มด้วยความสุขออกมาจากงานคืนนั้น พร้อมภาพและเสียงเพลงประทับใจจาก
ที่ชายผู้ชื่อว่า ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ กับหญิงสาวน่ารักนาม ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ร่วมกันร้องประสาน
เสียง จับใจทั้งท่วงที น้ำเสียงและลีลามิรู้ลืม
เป็นความประทับใจในความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ผู้ให้สัญญาว่า "ผมต้องเกษียณตอนที่ยัง
มีแรง เพราะความต้องการที่จะสนุกและความท้าทายสำหรับผมยังเหลืออยู่ ไม่ใช่พอเกษียณแล้ว
ต้องเดินถือไม้เท้า หรือนั่งเก้าอี้โยกหมดเรี่ยวหมดแรง"
เราจะคอยติดตามข่าวดี และเป็นกำลังใจให้เขาได้มีความสุข และได้ทำในสิ่งที่รัก และคือความเป็น
ตัวตนของ...ขวัญชัย ผู้มีชัยชนะในชีวิตเพราะขวัญ (กำลังใจในความเป็นคนที่ใฝ่ดี) ของเขาต่อๆ
ไป...และตลอดไป...
น่าเสียดายแทนคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือดี ที่มากด้วยคุณค่า นาม "นี่แหละ..วิถีผม" เหมือนเราผู้ได้
ไปงานคืนนั้นเนาะ...
เรื่องโดย : ประยอม
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77091