เทคนิคตีนโต
ฟอร์ด เอสเคพ ไฮบริด 2008
สำหรับ เอสเคพ ของค่าย ฟอร์ด รุ่นปี 2008 คันนี้ ถือเป็นรถที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นรถที่
ขายดีอีกรุ่นหนึ่งของบ้านเรา ซึ่งเงียบเหงาไปพักใหญ่ตามสภาวะน้ำมันแพง ไม่แน่ว่าในปีหน้า เราอาจ
จะได้สัมผัสกับความดุดันของหน้าตาใหม่ที่หล่อเหลาเอาการ นอกเหนือจากรุ่นปกติ ก็มีอีกหนึ่ง
ทางเลือกในการขับเคลื่อนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย แน่นอนว่ารถประเภท ไฮบริด (HYBRID)
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง แม้ว่าจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาร่วมเป็นต้นกำลังในการขับเคลื่อน
แต่มันก็เหมาะสมในการใช้งานมากกว่าการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบอื่น เพราะไม่ต้องพึ่งพา
แหล่งไฟฟ้าจากภายนอกเลย
เอสเคพ ไฮบริด (ESCAPE HYBRID) เจเนอเรชันที่ 3 มีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งรถไฮบริด ก็คือรถที่ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนตั้งแต่ 2 แหล่งขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นการทำงานร่วมกัน
ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เนื่องจากสมรรถนะเทียบเท่ากับรถที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว
มีระยะการเดินทางไม่จำกัด เพราะสามารถใช้เครื่องยนต์ที่มีอยู่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตลอดเวลา
จุดประสงค์ก็เพื่อลดขนาดความจุของเครื่องยนต์ลง แล้วใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริมแรงบิดให้เพียงพอ
ในการขับเคลื่อน เพราะต้องการให้เครื่องยนต์ทำงานน้อยที่สุด เนื่องจากในจังหวะการเร่งเครื่องจะ
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและเกิดมลพิษ จึงนำมอเตอร์ที่มีแรงบิดสูงมาช่วยเพิ่มแรงบิดในการขับเคลื่อน
สามารถลดความสิ้นเปลืองและมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ได้มาก และถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหา
ด้านมลพิษที่ตรงจุดทีเดียว
ในเจเนอเรชันนี้ มีความแตกต่างกับรุ่นแรกพอสมควร ในรุ่นแรกใช้เครื่องยนต์ ZETEC ความจุ 2.0 ลิตร
แบบ ATKINSON CYCLE เปรียบได้เหมือนกับเครื่องยนต์แบบ 5 จังหวะ แต่ไม่ได้หมายความว่า มีการ
ทำงานแตกต่างจากเครื่องยนต์ 4 จังหวะ โดยจังหวะที่ 5 ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นการเพิ่มจังหวะจุดระเบิดซ้ำ
เพื่อเป็นการเผาไหม้ไอเสียซ้ำอีกครั้งเพิ่มจากเดิม เลยเรียกว่าเป็นเครื่องยนต์ 5 จังหวะ
ซึ่งเป็นการเผาไหม้ในระยะเวลาสั้นๆ ที่มิได้หวังกำลังจากการจุดระเบิดครั้งนี้ แต่หวังเพียงการทำลายส่วนผสมที่ค้างอยู่
เล็กน้อยให้หมดจดมากกว่า ในรุ่นปี 2007 มีการปรับปรุงเพิ่มเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น
ขยับพิกัดของเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้นมาเป็นความจุ 2.3 ลิตร แต่ยังคงเป็นเครื่องยนต์แบบ ATKINSON
CYCLE เช่นเดิม ให้กำลังสูงสุด 133 แรงม้า ที่ 6,000 รตน.
เจเนอเรชันที่ 3 เครื่องยนต์ก็ยังเป็นรุ่นเดียวกัน เพียงแต่มีการปรับปรุงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
เพราะเครื่องยนต์เดิมยังมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งาน ความเปลี่ยนแปลงที่พบเห็น คือ การปรับ
เครื่องยนต์มาใช้น้ำมันออคเทน 87 แบบไร้สารตะกั่ว และเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70 กิโลวัตต์
ที่ 5,000 รตน. เพิ่มจากรุ่นที่แล้ว 5 กิโลวัตต์ เครื่องยนต์รุ่นนี้ จึงมีสมรรถนะเทียบเคียงเครื่องยนต์ วี 6
ที่ประจำการอยู่ในบอดีเดียวกัน จุดเด่นของเครื่องยนต์ คือ ความประหยัด มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
เฉลี่ยอยู่ที่ 15.30 กม./ลิตร สำหรับการวิ่งในเมือง การเดินทางบนไฮเวย์นั้น ความสิ้นเปลืองอยู่ที่
13.18 กม./ลิตร ในโหมดการขับเคลื่อนแบบ FWD แต่ถ้าเป็นการขับเคลื่อนแบบ 4WD ความสิ้นเปลือง
เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ความสิ้นเปลืองในเมืองเพิ่มขึ้นเป็น 13.60 กม./ลิตร บนไฮเวย์ ความสิ้นเปลืองอยู่ที่
12.33 กม./ลิตร ระบบเกียร์เป็นแบบ ECVT ที่มีความสามารถในการถ่ายทอดกำลังได้อย่างเหมาะสม
แบทเตอรีแบบนิคเกิล เมทัล ไฮดไรด์ ติดตั้งอยู่บริเวณพื้นของห้องเก็บสัมภาระในตอนท้าย โดยไม่ทำให้
พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารสูญเสียไป ระหว่างการขับขี่ระบบจะทำการจัดสรรเรื่องการถ่ายทอด
กำลังให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ รวมถึงการนำพลังงานจากการเบรค หรือการชะลอรถ กลับมาเป็น
พลังงานไฟฟ้า เอสเคพ คันนี้เป็นรถไฮบริด ประเภท PARALLEL HYBRID พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ
เครื่องยนต์และมอเตอร์จะขับเคลื่อนร่วมกัน ตัวมอเตอร์จะทำหน้าที่เสริมแรงบิดให้กับเครื่องยนต์
ในจังหวะที่เครื่องยนต์ต้องรับภาระมากๆ อย่างขณะออกตัว, เร่งแซง หรือเมื่อน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น
มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มแรงบิดเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ เพราะจังหวะดังกล่าวจะมีการใช้
เชื้อเพลิงมากเพราะต้องการแรงบิดสูง จะมีความสิ้นเปลืองและปัญหาเรื่องมลพิษตามมา ตลอดเวลา
ในการขับขี่นั้น เมื่อมีการชะลอรถ หรือเบรค ระบบจะทำการชาร์จกระแสไฟกลับไปยังแบทเตอรีตลอดเวลา
เครื่องยนต์รุ่นนี้จัดอยู่ในประเภท SUPER ULTRA LOW EMISSION VEHICLE (SULEV)
ถือว่ามีมลพิษต่ำมาก อันเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกับระหว่างเครื่องยนต์และระบบอีเลคทรอนิคส์ที่ใช้ควบคุม
กว่าจะใกล้ถึงเวลาออกจำหน่ายจริง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดอีกเล็กน้อย
เพราะการพัฒนารถยนต์ในกลุ่มนี้ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงมีความต่อเนื่องตลอดเวลา เมื่อค้นพบวิธีการหรือชิ้นส่วนที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ได้ สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงและลดมลพิษจากการเผาไหม้
การเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน กว่าจะถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
อาจจะมีความแตกต่างจากคันที่เรานำมาเสนอนี้
เรื่องโดย : พหลฯ 30
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : เทคนิคตีนโต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57835