ทริค 4x4(4wheels)
แผ่วเข้าไว้
แผ่วเข้าไว้
การขับรถในทางเรียบ จะเหยียบแป้นคันเร่งแรงหรือเบา ไม่มีข้อกำหนด หรือกฎกติกามารยาทใดๆ
ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของเท้าแต่ละคน แต่สำหรับการขับบนเส้นทางทุรกันดารนั้น ขอให้จำไว้
เลยว่าให้ถือหลักแผ่วเบาเข้าไว้ เนื่องจากหากเร่งเครื่องยนต์แรง และเร็วเกินไป อาจทำให้ล้อเกิด
การหมุนฟรี ในบางครั้งหากติดหล่มอยู่ อาจทำให้ล้อยิ่งตะกุยลึกเข้าไปใหญ่ ถ้าคุณไม่มั่นใจใน
น้ำหนักของเท้า ขอแนะนำให้เหยียบแป้นคันเร่งเพียงครึ่งหนึ่งของฝ่าเท้าเท่านั้น โดยที่ส้นเท้ายัง
สัมผัสกับพื้นรถอยู่ พอช่วยให้แผ่วเบาได้
นุ่มแต่แน่น
บนเส้นทางทุรกันดารนั้น ส่วนที่ต้องใช้งานอย่างหนักอย่างต่อเนื่องอีกอย่าง คือ ระบบเบรค
การใช้เบรคนั้นไม่ใช่แค่จะช่วยให้คุณหยุดรถ หรือชะลอความเร็วเท่านั้น มันยังช่วยให้คุณไม่
สามารถควบคุมตัวรถได้อีก หากคุณใช้มันไม่เป็น ที่บอกเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อคุณวิ่งบนทาง
ที่เต็มไปด้วยโคลนเลน อีกทั้งทางก็ลาดชัน การชะลอความเร็วขอให้ใช้เอนจินเบรคแทน
ถ้าจำเป็นต้องใช้เบรค ก็ขอให้เหยียบแบบนุ่มนวล และรีบปล่อยเมื่อรู้สึกว่าล้อลอค
แล้วค่อยเหยียบอีกครั้งอย่างนุ่มนวล ทำอย่างนี้สลับกันไปจนกว่ารถจะหยุดนิ่ง วิธีการเช่นนี้เอง
ที่ได้พัฒนาจนกลายมาเป็นระบบห้ามล้อแบบเอบีเอส
ปีนเนิน
เมื่อต้องขับไปบนทางที่เป็นเนินสูงมีความลาดชัน ให้สำรวจดูสภาพเส้นทางก่อนนำรถวิ่งขึ้นไป
หลังจากนั้นให้วางแนวเส้นทางที่จะนำรถวิ่งขึ้นไป โดยกะให้วิ่งไปในแนวตรง ห้ามขับขึ้นใน
แนวเฉียง เพราะหากพื้นที่บริเวณนั้นเกิดการทรุดตัว หรือรถเสียหลัก อาจสูญเสียการควบคุม
จนเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำได้ การใช้ความเร็วในขณะวิ่งขึ้นให้ใช้เกียร์ต่ำเข้าไว้ การเร่งรอบ
เครื่องยนต์อย่างพอดี จะช่วยให้รถวิ่งไปโดยง่าย สำหรับการลงเนินให้อาศัยเอนจินเบรคช่วย
ระวังอย่าเบรคจนล้อลอค เพราะจะทำให้รถไถล ยากต่อการควบคุม
คร่อมหิน
รถขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น มีทั้งช่วงล่างแบบอิสระ และช่วงล่างแบบคานแข็ง ช่วงล่างทั้ง 2 แบบ
แตกต่างกันในการใช้งาน หากรถคุณเป็นช่วงล่างแบบคานแข็ง เมื่อพบว่าทางข้างหน้ามีโขดหิน
ขวางอยู่ หากไม่ใหญ่มากอาจขับคร่อมไปเลย แต่ถ้าใหญ่มากอาจต้องใช้ล้อข้างใดข้างหนึ่งปีนข้าม
ไปอย่างช้าๆ โดยอาศัยเกียร์ต่ำในการขับเคลื่อน ส่วนรถที่ใช้ช่วงล่างแบบอิสระ ต้องระวังชิ้นส่วน
ช่วงล่างให้มาก เพราะมีโอกาสกระแทกกับโขดหินมากกว่าแบบคานแข็ง ถ้าไม่ระมัดระวัง
ช่วงล่างอาจจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ ต้องนอนกินข้าวลิงกลางป่าแน่ๆ
ข้ามลำธาร
การขับข้ามลำธารนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจทำกันอย่างง่ายๆ เพราะว่ารถไม่ใช่เรือ ไม่สามารถ
ลอยน้ำ หากใต้น้ำมีหลุมมีบ่ออาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ก่อนข้ามแนะนำให้ลงไปสำรวจดูก่อนว่า
ลึกเกินไปหรือไม่ หากลึกเกินไปอาจทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ได้ เทคนิคการข้ามอยู่ที่ให้หาจุดฝั่ง
ที่เราจะขึ้นก่อน กะดูว่าเมื่อลงวิ่งในลำธารแล้วกระแสน้ำจะช่วยให้เราไปอีกฝั่งได้พอดี แล้วค่อย
คลานลงจากขอบฝั่งในแนวเฉียง ห้ามขึ้น/ลงในแนวตรงเพราะหน้ารถอาจทิ่มปักลงไปในน้ำ
ข้อสำคัญต้องรักษารอบเครื่องยนต์ให้ดี อย่าเร่งใช้ความเร็วเป็นอันขาด และพยายามอย่าให้
เครื่องยนต์ดับ การใช้ระบบขับเคลื่อนขอให้เป็นแบบขับ 4 ล้อโลว์เรนจ์ ถ้าจะให้ดีต้องใจเย็น
เหมือนน้ำที่กำลังข้าม
ข้ามขอน
เมื่อวิ่งไปตามเส้นทางแล้วมีขอนไม้ใหญ่พาดขวางทางอยู่ หากเลี่ยงได้ควรเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น
แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรใช้วินช์ดึงขอนไม้ออกก่อน หากรถคุณไม่มีวินช์ แต่จำเป็นต้องวิ่งข้าม
ควรลงไปสำรวจดูว่าขอนไม้ขยับได้หรือไม่ หากขยับได้ควรหาหินมารองขัดไว้ให้แน่นหนา
และดูว่าช่วงล่างของรถสามารถข้ามไปได้หรือไม่ การปีนข้ามควรปีนในแนวเฉียง ห้ามข้าม
แนวตรงเด็ดขาด เพราะเมื่อข้ามพ้น ล้อหน้าจะลงพร้อมกันทั้ง 2 ล้อ ทำให้การยุบตัวมีมาก
โอกาสที่ช่วงล่างจะถูกกระแทกจนพังเสียหายก็มากตามไปด้วย จำไว้ว่าต้องข้ามเฉียง
ให้ล้อข้ามไปทีละล้อด้วยความระมัดระวังอย่างช้าๆ
ลุยโคลน
บนทางเรียบนั้น การควบคุมรถคงจะไม่มีปัญหากันสักเท่าไร แต่สำหรับทางที่เต็มไปด้วยโคลนเลน
คุณจะมีวิธีวิ่งไปอย่างไร ขอแนะนำว่าก่อนอื่นให้สำรวจเส้นทางดูก่อนว่าเคยมีรถวิ่งเส้นทางนี้มา
ก่อนหรือไม่ หากมีรถวิ่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ให้วิ่งทับรอยเส้นทางเดิม เพราะทางรอยเดิมนั้น
ดินจะแน่นและง่ายต่อการบังคับ แต่ถ้าเส้นทางนั้นยังใหม่อยู่ ให้วิ่งแนวกลางของทางโดยใช้
ความเร็วคงที่ พยายามรักษาแนววิ่งให้ดี เมื่อถึงทางโค้งให้อาศัยเอนจินเบรคในการชะลอความเร็ว
ที่สำคัญอย่าวิ่งเร็ว ให้พยายามรักษาความเร็วและรอบเครื่องยนต์ให้คงที่ตลอดเวลา
ท่านจึงจะสามารถผ่านไปได้
ถอดไม่ยาก
รถโฟร์วีลดไรฟกับการลุยน้ำ ดูเหมือนว่าจะเป็นของคู่กัน หากรถคุณต้องลุยน้ำบ่อยๆ ควรหมั่น
ตรวจเชคระบบหล่อลื่น เพราะน้ำคือตัวการของการเกิดสนิม มีอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ
กระทะล้อ เพราะหากดุมเบรคเกิดสนิม นานเข้าอาจจะประสานกับกระทะล้อ และเมื่อต้องเปลี่ยนยาง
กลางป่า ก็คงต้องออกแรงกันมากทีเดียวกว่าจะถอดล้อได้ การแก้ปัญหาทำได้ไม่ยาก ครั้งต่อไป
ก่อนใส่กระทะล้อ ก็ควรจะเอาจาระบีมาทาไว้บริเวณหน้าสัมผัสระหว่างล้อกับฝาครอบของ
ดุมเบรค เพื่อไม่ให้สนิมเกิดขึ้นได้
เรื่องโดย : อีซี แมน
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ทริค 4x4(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57736