DIY...คุณทำเองได้
โอเวอร์ฮีท
การดูแลรักษารถยนต์ ถือเป็นเรื่องที่เจ้าของรถพึงกระทำ เจ้าของรถหลายท่านที่รักรถมาก ดูแล
ทะนุถนอมแบบประคบประหงมก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะเจ้าของรถที่รักและดูแลรักษารถมาเป็นพิเศษ
นี่ละน่าเป็นห่วง เพราะส่วนมากจะมุ่งเน้นการดูแลไปที่เรื่องของการทำความสะอาด ขัดเคลือบสี,
ล้างห้องเครื่อง, ทำความสะอาดภายใน ฯลฯ รวมถึงการตกแต่งในส่วนต่างๆ เรื่องของเครื่องยนต์
และการตรวจเชค จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศูนย์บริการ หรืออู่ประจำ ซึ่งบ่อยครั้งเกิดความบกพร่อง
จากการดูแล เพราะว่าหลายครั้งเกิดอาการผิดปกติแล้วเจ้าของรถไม่ทราบ เนื่องจากคิดว่าอีก
1,000-2,000 กม. หรืออีกเดือนก็ถึงระยะเวลาเข้ารับการเซอร์วิศแล้ว เลยปล่อยไปไม่ได้สนใจอะไร
แต่ระหว่างบางระบบก็เริ่มที่จะออกอาการแล้ว หลายอาการถ้าเจ้าของรถตรวจสอบพบเป็นประจำ
ก็จะพบเห็นได้ก่อน สามารถตัดปัญหาเรื่องความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่บานปลายได้
รถใหม่บำรุงรักษาน้อย
ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องดูแล
รถสมัยนี้ชิ้นส่วนและระบบต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อลดภาระในการดูแล
บำรุงรักษาให้ยาวนานขึ้น โดยเจ้าของรถไม่ต้องมาดูแลอะไรกันบ่อยๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า
จะไม่ต้องดูแลรักษาเหมือนที่เคยทำมา อย่าลืมนะครับว่าข่าวคราวเรื่องรถใหม่มีปัญหานั้นมีให้เราได้ยิน
เสมอๆ ออกรถป้ายแดงมาใช่ว่ารอให้ครบระยะ 10,000 กม. แล้วค่อยเข้าศูนย์บริการ
เพราะการประกอบอาจจะมีความผิดพลาด หรือบกพร่องได้ นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น
จอดไว้ที่บ้านแล้วโดนหนูแทะสายไฟหรือท่อต่างๆ กรณีนี้เจอบ่อยมาก ถ้าไม่ดูแลเลยแทนที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายกันก้อนโต ปัญหาที่จะทำให้เครื่องยนต์ดีเซลในรถกระบะเกิดความเสียหายได้มาก คือ เรื่องของความร้อน เนื่องจากเครื่องดีเซลมีความร้อนจากการเผาไหม้สูง มีความร้อนสะสมสูง ระบบระบายความร้อนและระบบหล่อลื่น เป็นส่วนสำคัญที่จะรักษาเครื่องยนต์ให้มีอายุยืนยาว
รถรุ่นใหม่หลายคัน มีสติคเกอร์ติดไว้ที่หม้อน้ำ หรือคานหน้าเลยว่า การเปลี่ยนถ่ายสารระบายความร้อน
ในระบบน้ำหล่อเย็นนั้น ทำกันที่ 100,000 กม. บางคันก็กำหนดเปลี่ยนที่ 160,000 กม. ก็มี
ทำให้คนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องรถไขว้เขวไปว่า ไม่ต้องยุ่งอะไรกับระบบระบายความร้อนเลย
แล้วมุ่งความสนใจไปที่ระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ หรือน้ำมันเครื่องแทน เจ้าของรถส่วนมากให้ความสำคัญกับน้ำมันเครื่องมากๆ ยอมจ่ายเงินราว 2,000 บาท สำหรับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยี่ห้อดัง เพราะคิดว่านั่นคือ หัวใจหลักที่จะทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ถ้าน้ำในระบบระบายความร้อนพร่องหายไป ความร้อนสะสมของเครื่องยนต์ก็จะสูงขึ้นทันที น้ำมันเครื่องดีแค่ไหน ก็คงช่วยอะไรได้ไม่นาน เนื่องจากหน้าที่หลักของน้ำมันเครื่อง คือ ช่วยในการหล่อลื่นชะล้างสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ ส่วนการระบายความร้อนจากเครื่องยนต์เป็นผลพลอยได้เล็กน้อยของมันเท่านั้น
ดังนั้นควรปรับนิสัยการดูแลรักษารถยนต์เสียใหม่ อย่างน้อยทุกอาทิตย์จะต้องเปิดฝากระโปรงขึ้นมา
ตรวจเชค บรรดาของเหลวต่างๆ รวมทั้งตรวจเชคสภาพสายไฟและท่อต่างๆ ในห้องเครื่องด้วยว่า
มีหนูตัวดีแอบดอดเข้ามาแทะเล่นบ้างหรือไม่ เคยเจอเจ้าของรถเพิ่งถอยรถมาได้ไม่กี่เดือน โดนหนูตัวดี
ไปแทะท่อน้ำล้นจากฝาหม้อน้ำไปยังถังพัก จังหวะที่น้ำร้อนมากๆ เกิดการขยายตัวแทนที่จะล้นไปที่
ถังพักกลับรั่วออกไปทางรูรั่วที่ถูกหนูแทะ ไม่กี่วันน้ำในระบบก็พร่องไปมากจนกระทั่งความร้อนขึ้นสูง
แถมวิ่งทางไกลแล้วไม่ได้ดูมาตรวัดความร้อนอีก ปรากฏว่าเครื่องนอคดับเนื่องจากความร้อนสูง
ผลสุดท้ายฝาสูบโก่งเสียเงินค่าซ่อมไปไม่น้อย เพราะตรวจเชคแล้วพบว่าไม่ได้มาจากความบกพร่อง
ของเครื่องยนต์
ฉะนั้นไม่ว่าจะรถเก่าหรือรถใหม่ ควรหาทางเปิดฝากระโปรง แล้วทำการตรวจเชคให้ได้อย่างน้อย
อาทิตย์ละครั้ง ควรทำให้ติดเป็นนิสัยไปตลอด เมื่อรถคุณมีอายุมากขึ้น การดูแลรักษาจะต้องเพิ่ม
ความละเอียดอ่อนตามไปด้วย ในส่วนของรถเก่า นอกจากการตรวจเชคระดับน้ำในถังพัก และหม้อ
พักน้ำแล้ว สภาพสีของน้ำระบายความร้อนต้องหมั่นตรวจสอบด้วยเช่นกัน เพราะสนิมที่ปนเปื้อนมาใน
ระบบระบายความร้อนนั้น เป็นลางบอกเหตุถึงความผิดปกติในเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี
ขณะเครื่องยนต์ทำงาน ความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ส่วนหนึ่ง จะแผ่ออกไปยังชิ้นส่วนต่างๆ รอบๆ กระบอกสูบ ระบบระบายความร้อนใช้น้ำเพื่อรักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์โดยรวม โดยเฉพาะที่เป็นโลหะต่างชนิดกันให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ไม่ให้สูงเกินไป
ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
เป็นระบบที่สามารถรักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ได้คงที่กว่าระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ แน่นอนว่าจะมีชิ้นส่วนเกี่ยวข้องมากตามไปด้วย เริ่มจากหม้อน้ำมีหน้าที่ในการลดอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นในระบบ โดยตัวมันจะประกอบไปด้วยท่อเล็กๆ และครีบจำนวนมากสำหรับการถ่ายเทความร้อนไปกับอากาศที่ไหลผ่าน น้ำในระบบหมุนเวียนด้วยปั๊มน้ำ มีหน้าที่สร้างแรงดันให้น้ำในระบบหล่อเย็นเกิดการหมุนเวียนจากเครื่องยนต์มายังหม้อน้ำ และนำน้ำที่ระบายความร้อนแล้วกลับไปยังเครื่องยนต์ การระบายความร้อนเกิดขึ้นโดยอาศัยหลักการถ่ายเทความร้อน ตามทฤษฎีที่ว่าวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงจะถ่ายเทความร้อนไปยังวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าเสมอ เพื่อควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพ
ในระบบระบายความร้อน น้ำจะเกิดการไหลเวียนตลอดเวลา แต่มีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งจะคอยขวางและ
ปิดกั้นไม่ให้น้ำเกิดการไหลเวียน นั่นก็คือ วาล์วน้ำ หรือเทอร์โมสตรัท หน้าที่ของมันก็คือ คอยปิด/เปิด
ทางเดินน้ำ ในขณะที่ติดเครื่องยนต์ครั้งแรกนั้น วาล์วน้ำจะปิดสนิทเพื่อไม่ให้น้ำเกิดการไหลเวียน
เพื่อช่วยให้เครื่องถึงอุณหภูมิใช้งานโดยเร็ว ขณะที่เครื่องยนต์ยังไม่ถึงอุณหภูมิใช้งานจะเกิดการ
สึกหรอสูง วาล์วน้ำจึงมีหน้าที่ช่วยให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิการใช้งานเร็วขึ้น เมื่อวาล์วน้ำเริ่มเสื่อม
มันอาจเปิดไม่สุด ทำให้ขณะที่ใช้ความเร็วสูง ความร้อนของเครื่องยนต์จะสูงตามไปด้วย ถ้าอาการหนัก
มากจนวาล์วน้ำไม่เปิด หรือที่เรียกกันติดปากว่า วาล์วน้ำตาย ก็จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนจนโอเวอร์ฮีท
ในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าไม่ใส่ใจดูมาตรวัดความร้อนบ่อยๆ จะทำให้เครื่องยนต์นอคดับ และส่งผลให้เกิด
ค่าใช้จ่ายบานปลาย
ส่วนอื่นๆ ที่ต้องดูแลไม่แพ้กัน คือ ท่อยางหม้อน้ำ หลังจากการใช้งานไประยะหนึ่ง
ท่อยางก็จะเริ่มเสื่อมเนื่องจากความร้อน จะสังเกตได้จากร่องรอยการแตกลายงา หรือมีอาการบวม
ต้องรีบเปลี่ยน นอกจากนี้มักจะเกิดการรั่วซึมที่บริเวณเข็มขัดรัดท่อ มักจะเป็นรอยปริแตกเล็กๆ เมื่อน้ำ
ในหม้อน้ำร้อน น้ำจะเกิดการขยายตัว และจะลีคออกทางรอยรั่ว และมันจะระเหยในทันที ทำให้เรา
ไม่ค่อยเห็นร่องรอย หม้อน้ำก็เกิดการรั่วซึมตามอายุการใช้งาน หรือจากอุบัติเหตุ ถ้าหมั่นตรวจเชคเป็น
ประจำตามระยะเวลาที่เหมาะสม แล้วพบว่าน้ำในระบบระบายความร้อนหายต้องเติมเป็นประจำ
จะได้รีบทำการตรวจเชคและแก้ไขโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ใช้เดินทางข้ามจังหวัดไกลๆ
วิ่งมากกว่า 4-5 ชั่วโมงขึ้นไป น้ำยิ่งมีการยุบหายไปมากยิ่งต้องหมั่นดูแล
พัดลมระบายความร้อนในรถกระบะส่วนใหญ่ เมื่อใช้งานเฉียดแสนกม. ก็เริ่มเสื่อมสภาพ
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ความร้อนของเครื่องยนต์ขึ้นสูง อาการที่บอกได้ว่าเกิดจากสาเหตุนี้คือ เวลาวิ่งความเร็วต่ำๆ หรือจอดอยู่กับที่ ปรากฏว่าความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติแต่ไม่มากนัก เมื่อเพิ่มความเร็วรถให้สูงขึ้น ปรากฏว่าความร้อนค่อยๆ ลดลง อาจเป็นเพราะพัดลมระบายความร้อนเริ่มเสื่อมสภาพ
เนื่องจากรถกระบะส่วนใหญ่ใช้พัดลมระบายความร้อนแบบ FREE BLADE ภายในจะมีซิลิโคนเป็นตัวสร้างความหนืด ทำให้พัดลมทำงานเวลาที่รอบเครื่องยนต์สูงๆ แรงเหวี่ยงของใบพัดลมจะสูงมากขึ้น
จนเอาชนะความฝืดของชิลิโคนได้พัดลมก็จะหมุนฟรี เพื่อไม่ให้กินแรงเครื่องยนต์ รวมถึงจะไม่สร้างความหนวกหูจากเสียงอื้ออึงของพัดลมอีกทางหนึ่ง ถ้าไม่รู้จักสังเกตอาการก็จะไม่ทราบถึงความบกพร่องที่เกิดขึ้นได้เลย
จุดที่มองข้ามไม่ได้ คือ จุดเล็กๆ อย่าง ฝาหม้อน้ำ ส่วนใหญ่มักมองข้าม
เพราะเวลาเปิดออกมาก็จะดูแต่น้ำในระบบอย่างเดียว ไม่ค่อยจะมีใครดูสภาพของตัวฝาหม้อน้ำเลยว่าเป็นอย่างไร เจอบ่อยๆ ที่ฝาหม้อน้ำยังอยู่ในสภาพดีแต่สปริงล้า ทำให้น้ำดันออกผ่านฝาหม้อน้ำได้ง่ายกว่าปกติ เมื่อน้ำดันออกมากๆ อาจทำให้ถังพักน้ำล้น เวลาเครื่องยนต์เย็น สุญญากาศในเครื่องยนต์จะดูดน้ำจากถังพักกลับเข้าสู่ระบบ ปรากฏว่าตอนดูดกลับนั้นมีแต่ฟองอากาศ ผลที่ตามมาก็คือ ความร้อนของเครื่องยนต์ขึ้นสูง แม้แต่สภาพซีลยางก็ต้องดูแลให้ดี เมื่อพบร่องรอยการฉีกขาดหรือปริแตกของยางฝาหม้อน้ำ ควรเปลี่ยนทันที เพราะราคาไม่แพง ราวๆ 200 บาทไม่เกินนั้น แต่สามารถป้องกันอาการความร้อนขึ้นได้ ในระบบระบายความร้อนมีอีกจุดหนึ่งที่ก่อปัญหาได้มาก นั่นก็คือ ปั๊มน้ำ
ถ้าเป็นรถที่วางเครื่องตามขวางจะตรวจสอบยากเพราะมีมุมอับเยอะ เมื่อปั๊มน้ำเกิดการรั่วซึมจะมีร่องรอยให้เห็นบริเวณเสื้อสูบ จะเป็นคราบน้ำที่มีสนิมแดงเป็นทาง ไม่ก็เป็นสารเรืองแสงสีเขียวๆ ที่ผสมอยู่ในคูแลนท์ สำหรับช่วยควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ เพื่อให้สังเกตเห็นง่ายเวลารั่วซึม เมื่อพบคราบดังกล่าวแสดงว่าปั๊มน้ำใกล้จะหมดอายุ มักเป็นสาเหตุของอาการน้ำหายเล็กน้อยแต่หาจุดรั่วซึมไม่เจอ
การระบายความร้อนของเครื่องยนต์ดีเซลมีความสำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับเครื่องแรงดันสูงๆ อย่าง
ระบบคอมมอนเรล ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะถ้าพังทีเงินสองหรือสามหมื่นแทบไม่พอซ่อม
ให้กลับมาดีเหมือนเดิม สิ่งที่เจ้าของรถต้องปรับนิสัยคือ ต้องหมั่นเป็นคนช่างสังเกต โดยเฉพาะกับ
มาตรวัคความร้อนต้องหมั่นดูให้เป็นนิสัย เพราะช่วยให้คุณทราบอาการที่ผิดปกติของเครื่องยนต์ได้
ก่อนจะเสียหายเกินแก้ เนื่องจากมาตรวัดความร้อนของรถญี่ปุ่นนั้นมันค่อนข้างหยาบ
เมื่อเข็มความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติ นั่นแสดงว่าเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ เพราะการที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2-3 องศานั้น มาตรวัดความร้อนของรถญี่ปุ่นนั้นแทบไม่ขยับเลย ไม่เหมือนรถยุโรปที่มีการแสดงผลละเอียดกว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยมาตรวัดก็แสดงผลให้เห็นแล้ว เมื่อพบว่าความร้อนเริ่มผิดปกติจะได้จอดรถเพื่อพักเครื่องยนต์ก่อนที่จะเกิดความเสียหายบานปลาย แทนที่จะเสียค่าซ่อมแค่หลักพันก็ปาเข้าไปกว่าสองหมื่น และอาการนอคดับเนื่องจากโอเวอร์ฮีท เมื่อซ่อมแล้วก็ยากที่เครื่องยนต์จะกลับมาทำงานได้ปกติเหมือนเดิม มักจะมีอาการอื่นๆ ตามมาให้ปวดหัวอยู่เรื่อยๆ การเพิ่มความถี่ในการตรวจเชคนั้น คุณ
ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรนอกจากเวลาเพียง 10-15 นาที สามารถยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
และลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงได้มากมายทีเดียว
เรื่องโดย : พหล ฯ 30
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2550
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57661