DIY...คุณทำเองได้
ยกสูงอย่างไร ?
คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์ เป็นปัจจัยที่ 5 ที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับคนเมืองที่มีปัญหาเรื่องการขนส่งมวลชน ที่ขาดความพร้อมและความพอดี การมีรถยนต์ใช้เอง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น สำหรับแฟน 4 WHEELS คงไม่ปฏิเสธว่าการมีรถขับเคลื่อน 4 ล้อสักคัน ถือว่าเป็นความสุข และความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง การตกแต่งรถจึงกลายเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากปริมาณรถที่ออกมาวิ่งบนท้องถนนจำนวนมาก หลายคนต้องการความโดดเด่น และแตกต่างออกไป เหมือนแฟชันการแต่งตัวที่เราต้องการให้คนเห็นถึงความเป็นตัวเราชัดเจน การแต่งรถจึงไม่ใช่สิ่งพุ่มเฟือยต่อไป เหมือนกับการที่คุณตระเวนชอพพิง เสื้อผ้า กระเป๋า หรือแม้แต่รองเท้าในแบบที่คุณต้องการ
ปัจจุบันเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยที่เพิ่งมีรถคันแรก หรือไม่เคยเล่นรถสไตล์นี้มาก่อน จะประสบปัญหาเรื่องการตกแต่งรถคันโปรด เนื่องจากร้านตกแต่งรถยนต์เหล่านี้มีมากมาย และมีไม่น้อยที่ขาดความรู้ความเข้าใจที่จะแนะนำลูกค้า หรือไม่ก็จ้องที่จะขายของเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา พอเกิดปัญหาขึ้น มักจะบอกว่ารถยกสูงก็เป็นอย่างนี้ละ ! เป็นคำตอบสุดคลาสสิคที่ได้ยินบ่อยโดยไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ หรือไม่ถ้ารู้อยู่แล้ว ทำไมไม่บอกก่อนที่จะลงมือทำ ? ว่า ถ้าเปลี่ยนชุดยกแล้วต้องเปลี่ยนท่ออ่อนเบรคเพิ่ม ต้องปรับแรงดันเบรคใหม่ หรือต้องใส่ชอคอับกันสะบัดเพิ่มเป็นต้น
มันแน่นอนอยู่แล้ว ! ถ้าบอกก่อน ก็ไม่สามารถตอดเงินจากลูกค้าเพิ่มได้ เผลอๆ ลูกค้าอาจจะเปลี่ยนใจไม่ซื้ออะไรเลยด้วยซ้ำ ร้านค้าแบบนี้มีเยอะมาก คนที่จะช่วยคุณได้ดีที่สุด คือ ตัวคุณเอง ต้องศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ที่คุณสนใจทั้งข้อดี/เสีย นำมาวิเคราะห์ว่า รับได้หรือเปล่า ทั้งผลกระทบและราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถหาได้จาก 4 WHEELS ที่ถืออยู่ในมือ แนวทางการตกแต่งรถขับเคลื่อน 4ล้อ ที่นิยมกัน ขั้นแรกก็หนีไม่พ้นการยกสูง เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนช่วงล่าง ฯลฯ
รู้จักประมาณตน
ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก รถที่แต่งออกมาจะดีหรือไม่ดี อยู่ที่การตัดสินใจของคุณ ถ้าไม่รู้จักประมาณตนจะส่งผลตามมาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระเป๋าฉีก สมรรถนะไม่ได้ดังหวัง หรือสมรรถนะถดถอยกว่าเดิม นั่นเป็นเพราะความไม่ประมาณตน การประมาณตนข้อแรก คือ งบประมาณที่เราสามารถควักออกมาได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้ ความอยากได้ของเรามักเกินกว่ากำลังทรัพย์
หลายเท่าตัว นอกจากเงินสดแล้วแม้ว่าคุณจะมีบัตรเครดิท อีก 2-3 ใบรูดรวมกันแล้ว อาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ
อย่างแรกให้ตั้งงบก่อนว่ามีเท่าไร ? เช่น มีก้อนแรก 50,000 บาท ต้องดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง อาทิอยากเปลี่ยนล้อ เปลี่ยนช่วงล่าง ก็ต้องเลือกเอาให้อยู่ในงบ จะได้ไม่เดือดร้อนทีหลัง รถรุ่นใหม่ๆ ส่วใหญ่จะใส่ล้อขอบ 16 นิ้วมาให้ คุณต้องทำใจใช้ล้อเดิมแล้วเปลี่ยนยางให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เช่น ขยับไปเล่นยางขนาด 31 นิ้ว เพราะสามารถใส่กับล้อเดิมได้ งบเรื่องยางอาจจะกินไปเกือบครึ่งแล้ว ถ้ายางเส้นละ 5,000 บาท คุณจะเหลือเงินเพียง 30,000 บาท ยางเดิมถ้าเป็นรถป้ายแดง อาจจะขายได้สัก 6-8พันบาท ขึ้นอยู่กับขนาดและยี่ห้อของยาง เงินที่เหลือ 30,000-38,000 บาทนั้น เจอค่าชุดยก ชอคอับกันสะบัดก็แทบจะไม่พอแล้ว !
ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
ต่อเนื่องจากเรื่องแรก เมื่อต้องการเปลี่ยนใส่ยางขนาด 31 นิ้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กับความสูงเดิมๆเพราะเวลาที่รถยุบตัวยางจะกระแทกหรือขูดกับตัวถังแน่นอน ในรถบางรุ่นต้องยกอย่างน้อย 2-3 นิ้วเพื่อไม่ให้ยางติดกับตัวถัง แล้วยกอย่างไรจึงจะเหมาะสม ?
เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาว่า จะยกตัวถังหรือช่วงล่างดี เพราะเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพการทรงตัวที่ตามมา เมื่อต้องการใส่ยางใหญ่ๆ จำเป็นต้องมีการปรับแต่ง เพื่อให้มีระยะห่างระหว่างบังโคลนกับยางมากขึ้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า จะใช้วิธีไหนดี ? ระหว่างการยกช่วงล่างกับการยกตัวถัง อย่างแรกที่ต้องระวัง คือ เมื่อยกแล้วประสิทธิภาพการทรงตัวของช่วงล่างต้องไม่เสียไป เพราะการยกช่วง
ล่างมากเกินไป จะส่งผลทั้งค่าใช้จ่ายที่สูง และความเสี่ยงที่จะทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวลดลง ซึ่งการยกตัวถังจะใช้ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ามาก และจะไม่ทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวผิดเพี้ยนไป
ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องยก 2 นิ้ว เพื่อที่จะยัดยางขนาด 31 นิ้วเข้าไปโดยไม่ติดขัด โดยที่คุณมีเงินเหลือเพียง 38,000 บาท แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้ไม่พอแน่นอน สำหรับชุดยกที่มีคุณภาพ รวมถึงชอคอับดีๆอีกสักชุด นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายปลีกย่อยอื่นๆ ที่ตามมาอีกหลายรายการ เช่น ท่อน้ำมันเบรคที่ต้องเปลี่ยนให้ยาวตามไปด้วย ท่อทางน้ำมัน ฯลฯ ดังนั้นตัวถังเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า เพราะการยกเพียง 2 นิ้ว ใช้ค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาก ที่สำคัญ คือ ไม่ทำให้มุมต่างๆ ของช่วงล่างผิดเพี้ยนไป แน่นอนว่า
ประสิทธิภาพการทรงตัวจะใกล้เคียงของเดิม ควรนำเงินไปลงทุนกับชอคอับ และกันสะบัดจะดีกว่าเพราะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทรงตัวให้ดีขึ้นด้วย ชอคอับและกันสะบัดดีๆ สักชุด ราคากลางๆประมาณ 20,000 บาทเข้าไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็พอที่จะทำการยกตัวถัง และเปลี่ยนชิ้นส่วนที่จำเป็นได้แต่หลายคนมักจะร้องยี้ พอได้ยินคำแนะนำให้ตัวถัง เพราะคิดว่าจะทำให้ตัวรถออกมาไม่สวย
แต่อย่าลืมนะครับว่า งบคุณมีจำกัด ซึ่งการยกตัวถังเพียง 2 นิ้ว ดูเผินๆ แทบมองไม่ออก ที่เคยเห็นว่าแชสซีส์ลอย น่าเกียจๆ นั้น ส่วนมากยกตัวถัง 3-4 นิ้วขึ้นไป ความสูง 2 นิ้วที่ต้องการอาจจะยกตัวถังเพียง 1.5 นิ้ว และยกช่วงล่างเพียง ? นิ้วก็ได้ ซึ่งมันไม่ทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวผิดเพี้ยนไป มองก็ไม่รู้ว่ายกตัวถังด้วย การยก ? นิ้วของช่วงล่างก็เพียงไขทอร์ชันบาร์ ขึ้นเล็กน้อย ด้านหลังก็เปลี่ยนโตงเตงให้ยาวขึ้น หรือรองกล่องระหว่างตับแหนบกับเพลาขับ แต่อย่าทำอะไรกับช่วงล่างมากกว่า 1 นิ้ว เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวผิดเพี้ยนไป
เท่านี้คุณก็จะสามารถบริหารเงินที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วค่อยๆ เก็บเงินเอาไว้เปลี่ยนเป็นชุดยกภายหลังก็ไม่สาย เคยเจอบางคนที่มีงบจำกัด ยอมกัดฟันใส่ชุดยก 3 นิ้ว แต่ไม่มีเงินเปลี่ยนชอคอับและกันสะบัด ซึ่งของเดิมไม่สามารถรับภาระที่เพิ่มขึ้นได้ ผลที่ออกมา คือ การทรงตัวที่ไม่ได้เรื่อง แม้จะไปอัดชอคอับใหม่ ให้หนืดขึ้นแล้ว ก็ยังไม่ดี ทำให้ใช้ความเร็วได้ไม่เต็มที่ ความมั่นใจก็ลดลง สู้ยกตัวถังเล็กน้อยในงบที่ต่ำ แล้วเอาเงินไปเปลี่ยนชอคอับและกันสะบัดดีๆ จะเหมาะกว่า เพราะช่วยให้การขับขี่คงประสิทธิภาพใกล้เคียง หรือดีกว่าของเดิม แต่การยกแบบนี้ เหมาะกับการฉุยฉายบนถนนปกติ หรือทางดินที่ไม่โหดมากนัก
กรณีที่คุณมีงบประมาณเพียงพอ และต้องการยกเพื่อการใช้งานจริงๆ ตามลักษณะของรถลุย การยกตัวถังจะไม่เหมาะกับคุณ การยกช่วงล่างจะทำให้ได้ระยะยืดและยุบตัวของช่วงล่างเพิ่มมากขึ้น เป็นผลดีต่อการขับขี่บังคับควบคุมรถในสภาพทางทุรกันดารที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือการปีนไต่ จากช่วงล่างที่สูงขึ้น ซึ่งได้มาจากการยกช่วงล่างและการเปลี่ยนขนาดยาง ทำให้ล้อแขวนได้ยากขึ้น ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการขับเคลื่อนดีขึ้น นั่นหมายถึง การยกสูงกว่าปกติที่คุยไป เพราะขนาดนั้นมันสูงกว่าสแตนดาร์ดเพียง 2 นิ้ว ถ้าไปลุยจริงๆ ก็ไม่ค่อยรอดนัก
เหตุผลที่ไม่แนะนำให้ยกตัวถังสำหรับการใช้งานในทางวิบาก เพราะการที่รถต้องวิ่งโยกไปโยนมาตลอดเวลา จะทำให้เกิดการร้าวของโลหะรอบๆ บริเวณที่เป็นจุดยึดได้และการรับแรงมากๆ เช่น การจัมพ์แรงๆ อาจทำให้เกิดความเสียหายกับจุดยึดได้ หากจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ควรเพิ่มความแข็งแรงตรงจุดยึดให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
การปรับแต่งสำหรับการลุยจริงๆ ต้องยกสูงหน่อย อย่างน้อย 4-6 นิ้ว กับยางขนาดประมาณ 33 นิ้วช่วงล่างจึงจะสูงพอในสภาพเส้นทางทุรกันดารจริงๆ การยกสูงช่วงล่างด้วยชุดยกมาตรฐาน จะมีให้เลือกส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับการใช้งาน พอดีกับยางขนาด 33 นิ้ว หรือใกล้เคียง
ปัจจุบันมีอุปกรณ์ชุดแต่งต่างๆ เข้ามาให้เลือกเป็นจำนวนมาก ทั้งของนำเข้าและทำในประเทศ อาจจะทำให้ตัดสินใจได้ยาก หากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ พอมีวิธีการพิจารณาเลือกได้บ้าง อย่างแรกๆ ก็เป็นแบบธรรมเนียมไทยๆ เรา คือ สอบถามจากผู้ที่เคยใช้ หรือมีความรู้ประสบการณ์ ซึ่งมักจะไม่ค่อยปิดบังกันในเรื่องนี้ ดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกกันให้รู้จะได้ไม่เสียเงินไปซื้อ แต่ถ้าไม่รู้จะไปถามใครก็ต้องศึกษาหาข้อมูลมากรายหน่อย สามารถหาข้อมูลได้จากคลับหรือเวบไซท์ ที่เกี่ยวข้องกับรถรุ่นที่คุณใช้อยู่ หาได้ไม่ยาก และกลุ่ม หรือคลับเหล่านี้ ยินดีที่จะให้ข้อมูลกับเพื่อนใหม่ หรือคนที่ชอบรถรุ่นและยี่ห้อเดียวกัน หาข้อมูลหลายๆ ทาง ก่อนตัดสินใจ อย่าผลีผลามเพราะของมันไม่ใช่ถูกๆ
การตัดสินใจเลือกอุปกรณ์ ควรศึกษาจากแคทาลอก หรือคู่มือการใช้งานด้วย เพื่อจะได้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งานหรือตรงกับความต้องการ นอกจากจะสอบถามจากผู้ขายแต่เพียงอย่างเดียว รายละเอียดที่บอกให้รู้ เช่น ความสูงที่เพิ่มขึ้นว่าเป็นกี่นิ้ว หรือมีการรับน้ำหนักสูงสุดเอาไว้ หรือบอกลักษณะจำเพาะ เช่น สำหรับการใช้งานแบบ เฮวีดิวที หรือแบบใช้งานทั่วไป ถ้าคุณใช้บนถนนดำการเลือกแบบเฮวีดิวทีมาใช้ ก็ไม่เหมาะ เพราะมันกระด้างมาก
กลับกันถ้าต้องใช้ลุย แต่เลือกแบบสตรีทยูสด์ มาใช้ก็ไปไม่รอด เพราะมันนิ่มเกินไป ต้องทำความเข้าใจให้ดี อย่าไปหวังจากคนขายเพียงอย่างเดียว หลายครั้งที่คนขายชุ่ย ไม่ใส่ใจเพียงแค่อยากขายของเท่านั้น เคยเจอบ่อยที่เราอ่านฉลาก หรือคู่มือก่อน จึงรู้ว่ามันไม่เหมาะกับรถหรือการใช้งานของเรา เช่นชอคอับสั้นกว่ากันเพียง 1 นิ้วพอเอาไปใส่ไม่นานก็แตก เนื่องจากชอคอับยันหรือกระแทกสุดบ่อยๆ เราไม่รู้เลย ถ้าไม่เอามาเทียบกับรุ่นที่ถูกต้อง ดังนั้นก่อนจ่ายเงินหรือก่อนใส่ต้องอ่านและดูว่าตรงกับรถรุ่นเราจริงๆ
หลักการพิจารณาเลือกช่วงล่างที่เหมาะสมแบบกว้างๆ คือ อย่างแรกที่ต้องดูชุดมาตรฐาน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบโบลท์ออน ใช้การขันนอทอย่างเดียว ไม่ต้องมีการเจาะเชื่อมที่ตัวรถแต่อย่างใด พร้อมกลับคืนสภาพเดิมได้ทันทีเมื่อต้องการ ถึงแม้ราคาแพงหน่อย แต่ก็คุ้มค่าเพราะมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูงกว่าการเจาะ หรือเชื่อมกับตัวถัง ทำไมเมื่อต้องยกสูงมากต้องใช้การยกช่วงล่างด้วยชุดยก การขันทอร์ชันบาร์ ขึ้น ก็สามารถทำได้นี่ แต่นั่นจะทำให้องศาของปีกนกและพวกลิงค์เกจต่างๆ ในระบบบังคับเลี้ยว อาทิ คันชักคันส่ง มีการเปลี่ยนไปมากจนทำให้เกิดอาการบัมพ์สเตียร์ (BUMPSTEER ) คุณจะรู้สึกถึงอาการร่อนส่ายไปมาขณะช่วงล่างยืดและยุบตัว เช่น บนถนนที่เป็นลอนคลื่นหรือขณะลงคอสะพานด้วยความเร็ว และการขันทอร์ชันบาร์ ขึ้นอย่างเดียว จะทำให้ด้านหน้าแข็งกระด้างมาก อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ไม่ควรปรับเกิน 1 นิ้ว
ชุดยกช่วงล่างจะช่วยแก้ปัญหาได้เพราะจะทำการลด หรือดรอพพวกขาไก่ พวงมาลัยลงมา และร่นคานปีกนกสำหรับช่วงล่างแบบอิสระด้วยชุดอแดพเตอร์ และเปลี่ยนคอม้าให้สูงขึ้น เพื่อรักษามุมของปีกนกทั้งตัวบนและล่างให้คงเดิมหรือเปลี่ยนไม่มาก จะทำให้ยังมีความนุ่มนวลของช่วงล่างคงเดิมและมุมล้อไม่เปลี่ยนแปลง มีผลต่อการทรงตัวและการยึดเกาะถนนจากหน้าสัมผัสของยางอย่างเต็มหน้าตลอดเวลา หากเห็นว่าชุดยกที่จะใช้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวมานี้ ก็จัดอยู่ในประเภทได้มาตรฐาน ไม่ทำให้เกิดผลเสียหลังการติดตั้งเป็นสิ่งที่น่าลงทุนเพราะได้ผลลัพธ์ที่ดี
เลือกยางให้เหมาะสม
ปัญหาหลักของความบานปลาย คือ การเลือกขนาดยาง ปัจจุบันยางขนาด 33 นิ้วบางยี่ห้อเท่าๆ กันหรือแพงกว่ายาง 31 นิ้วยี่ห้อดังๆ เล็กน้อย จึงยอมจ่ายแพงกว่า เพราะอยากใส่ยาง 33 นิ้วเป็นทุนเดิมแม้ราคายางจะต่างกันไม่มาก แต่การจะเอามาใส่กับรถไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความสูงที่มันต้องการเพิ่มจากเดิมนั้น ต้องมีอย่างน้อยๆ 4-6 นิ้ว เพราะยางติดรถมีขนาดประมาณ 28.5-29.5 นิ้วแล้วแต่รุ่น เมื่อจะใส่ขนาด 33 นิ้วความสูงต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4-6 นิ้ว
ซึ่งการยกขนาดนี้ ต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก เพราะชุดยกช่วงล่างระดับ 3-4 นิ้ว ต้องใช้เงินราว 30,000-35,000 บาท สำหรับชุดยกครบเซททั้งแหนบและทอร์ชันบาร์ ชอคอับและกันสะบัดดีๆ อีกชุดก็ต้องมี 20,000-25,000 บาท แต่ถ้าตัดใจใช้ยางแค่ 31 นิ้วค่ายกรวมชอคอับจะจบที่ประมาณ 30,000-35,000 บาท เท่านั้น ถ้าเลือกถูกต้องและเหมาะสมตั้งแต่แรกปัญหาก็จะไม่ตามมา เอาไว้พอมีเงินแล้วจะขยับไปใส่ชุดยกช่วงล่างดีๆ ก็ไม่สาย เรื่องนี้เคยเจอหลายคันอยากใส่ยางใหญ่กับยกสูงๆ เลยหันไปยกตัวถัง 4 นิ้ว กับการปรับช่วงล่างอีก 1 นิ้ว โดยการขันทอร์ชันบาร์ และเปลี่ยนโตงเตง
แม้จะไม่แพง แต่ภาพที่ออกมาไม่สวยเลย แถมประสิทธิภาพการทรงตัวของช่วงล่างก็ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ขับเร็วเกิน 100 กม./ชม.ก็แทบจะต้องคลึงพวงมาลัยเหมือนพวกสิบล้อ เร็วกว่านั้นก็ไม่ได้เพราะช่วงล่างมันไม่มั่นคง นอกจากนี้การใส่ยางใหญ่ขนาด 33 นิ้วจะทำให้สมรรถนะตกลงมาก รถจะออกตัวอืดขึ้น การยกระดับนี้ต้องเปลี่ยนเฟืองท้ายให้อัตราทดสูงขึ้น เพื่อไม่ให้อัตราเร่งตกลงงานทั้งบนถนนและทางวิบาก เพราะอัตราเร่งตกก็ต้องเร่งเครื่องมากขึ้นผล ก็คือ เครื่องโทรม และกินน้ำมันมาก
เมื่อมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ชัดว่าการขยับจากยาง 31 ไปเป็น 33 นิ้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้การทรงตัวและสมรรถนะด้านอื่นๆ ใกล้เคียงของเดิม 2 นิ้วที่เพิ่มขึ้นนี้ ต้องมีเงินอีกราว 40,000 บาท เป็นอย่างน้อย เพื่อรักษาความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ดี อย่าใจเร็วด่วนได้ เช่น ถอยรถออกมาปุ๊ปก็วิ่งเข้าร้านเปลี่ยนยาง และยกสูงเลย เว้นแต่ศึกษาหาข้อมูลและทำการคำนวณเอาไว้เรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวภายหลัง
เรื่องโดย : พหล ฯ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57536