เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2006 สนาม 6-7
การแข่งขันรายการแรลลีชิงแชมพ์โลกที่ อาร์เจนตินา ถือเป็นอีกสนามหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ประจำฤดูกาล ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสำหรับจัดการแข่งขับแบบแรลลี พร้อมแฟนๆจากทั่วยุโรปจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาชม ส่วนแฟนเจ้าถิ่นมักจัดพาร์ทีฉลองชัยให้แก่ทีมที่ตนเองเชียร์ ทำให้การแข่งขันมีสีสันมากกว่าสนามอื่นๆ
เส้นทางการแข่งขันอยู่ในที่ราบสูง ซึ่งมีอากาศเบาบางกว่าปกติ ส่งผลให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น แต่ให้กำลังน้อยลง ส่วนสภาพเส้นทางคล้ายกับในประเทศเมกซิโก ประกอบไปด้วยเนินกระโดดหลายขนาด เพิ่มความกดดันให้ระบบรองรับ พร้อมด้วยสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยากการเซทช่วงล่างที่ดี และการเลือกยางที่ถูกต้อง เป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะเลยทีเดียว ในอดีตทีม ซีตรอง ขับโดย เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) และการ์โลส เซนส์ (CARLOS SAINZ) สามารถคว้าชัยชนะที่นี่ได้สองสมัยรวด
ออกสตาร์ทในเลกแรกพร้อมการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก จบสเตจแรก เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) ทีม ซูบารุ ทำเวลาเร็วที่สุดเพียง 2 นาที 26.4 วินาที ขึ้นเป็นผู้นำทันที ขณะที่ โลบ์ ทีมคโรนอส โททาล ซีตรอง ผู้ซึ่งมีคะแนนนำอยู่ในขณะนี้ ก็เริ่มต้นขับเคี่ยวอย่างหนักกับมาร์คุส โกร์นโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) คู่ปรับที่มีคะแนนสะสมใกล้ที่สุดโดย โกร์นโฮล์ม ทำเวลาช้ากว่าเพียง 0.2 วินาที
ในเลกที่ 2 เกือบเป็นหายนะของ โลบ์ เมื่อเขาพลาดทำรถหมุนไปหลายตลบ โชคยังดีที่สามารถควบคุมรถให้อยู่บนถนนได้ ทำให้เวลารวมตกลงไปอยู่อันดับ 7 แต่อีก 2 สเตจถัดมาก็สามารถทำเวลาขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ได้สำเร็จ โดยมีเวลาตามหลัง มันฟเรด ชโตห์ล (MANFRED STOHL) ที่อยู่ในอันดับ 3 เพียง 0.7 วินาทีเท่านั้น
สเตจที่ 5 โกร์นโฮล์ม สามารถแย่งตำแหน่งผู้นำจาก โซลเบร์ก ได้สำเร็จ ขณะที่ โลบ์ ก็สามารถแซงหน้า ชโตห์ล ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ได้เช่นกัน สเตจที่ 6 โลบ์ ไล่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ โดยสามารถแซง โซลเบร์ก ได้อีกครั้ง ในขณะที่ ซาวีแอร์ ปนส์ (XAVIER PONS) เพื่อนร่วมทีมต้องหยุดการแข่งขันไว้แค่ในเลกแรก เนื่องจากรถ ซีตรอง เกิดไฟไหม้จากแรงกระแทก ตั้งแต่ช่วงต้นของสเตจที่ 5
แต่แล้วในสเตจที่ 8 โชคร้ายก็ถึงคิวมาเยือนทีม ฟอร์ด เมื่อ โกร์นโฮล์ม นักขับมือหนึ่งของทีมที่ช่วงล่างพังยับเยินจากการกระแทกขณะพยายามขับผ่านแอ่งน้ำที่ความเร็วสูง ต้องออกจากการแข่งขันไปทั้งๆ ที่มีเวลานำ ส่งผลให้แชมพ์โลกอย่าง โลบ์ กลายเป็นผู้นำทันที
จบเลกแรก โซลเบร์ก ทำเวลาตามหลังผู้นำอยู่ 19.8 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ กีกี กัลลี (GIGI GALLI) จากทีม มิตซูบิชิ ที่ตามหลังอันดับ 2 อยู่ 39.6 วินาที
เลกที่ 2 โลบ์ ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ทำเวลาเร็วที่สุดก็ตาม กลายเป็นโกร์นโฮล์ม ที่กลับมาลงแข่งอีกครั้งตามกฎใหม่ของเอฟไอเอ และเป็นผู้ทำเวลารวมเร็วที่สุดไต่อันดับจาก 20 ขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ได้เมื่อจบเลกที่ 2
โซลเบร์ก เริ่มต้นวันที่สองได้ไม่ดี โดนผู้นำทำเวลาทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ แต่หลังจากจุดเซอร์วิศผลงานของเขาต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยเริ่มทำเวลาตีตื้นไล่ผู้นำเข้ามาเรื่อยๆ โดยจบเลก 2 ทำเวลารวมได้ทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 1 นาที 49.6 วินาที ตามหลังผู้นำอยู่ 22.8 วินาที
ด้าน กัลลี เริ่มและจบเลกที่ 2 ด้วยการเป็นอันดับ 3 เท่าเดิม โดยทำเวลาตามหลังผู้นำ 1 นาที 12.7 วินาที
เลกที่ 3 ซึ่งเป็นเลกสุดท้าย เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงตำแหน่งบนโพเดียม โดยนักแข่งที่มีอันดับ 1-3 ยังคงพยายามอย่างหนักที่จะยึดตำแหน่งไว้อย่างเหนียวแน่น และมีนักแข่งหลายคนที่ได้รับส้มหล่นจากการที่รถคันหน้า ต้องออกจากการแข่งขันไป เนื่องจากรถพัง
จบการแข่งขันในเลกที่ 3 ซึ่งเป็นเลกสุดท้าย ผลการแข่งขันอันดับ 1-5 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเซบัสเตียง โลบ์ สามารถคว้าแชมพ์ที่นี่ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันโดยทำเวลารวมทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง 6 นาที 51.3 วินาที ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ เพทเทร์ โซลเบร์ก ที่ประสบกับอุปสรรคมากมายทั้งสภาพรถ และทีมเซอร์วิศที่ไม่พร้อม แต่ยังคงรักษาตำแหน่งรองแชมพ์ไว้ได้ด้วยเวลาตามหลัง 44.6 วินาที ส่วน กีกี กัลลี คว้าตำแหน่งที่ 3 ได้สำเร็จ ถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดและได้ขึ้นโพเดียมเป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้ ด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง 10 นาที 15.6 วินาที
แรลลีชิงแชมพ์โลกสนามที่ 7
เดินทางมาถึงสนามสุดท้ายของครึ่งทางการแข่งขัน คราวนี้มาจัดกันที่ เกาะซาร์ดีนีอา (SARDINIA) ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี ด้วยสภาพแวดล้อมเป็นภูเขา และชายหาด จึงนับเป็นหนึ่งในสนามที่สวยงามที่สุด เส้นทางส่วนใหญ่เป็นกรวด และทรายเม็ดเล็ก บนถนนที่แคบ ประกอบกับโค้งที่สามารถใช้ความเร็วสูง ทักษะการเข้าโค้งที่ว่องไวหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต การใช้คันเร่งและเบรคอย่างถูกต้อง จะมีผลอย่างมากกับเวลาที่ทำได้ รถที่ออกสตาร์ททีหลังจะได้เปรียบจากการที่รถคันข้างหน้าได้นำเม็ดกรวด ทรายออกจากผิวถนนไว้ให้แล้ว ส่งผลให้รถมีการยึดเกาะถนนดีกว่า
ผู้ชนะที่สนามนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วได้แก่ เซบัสเตียงโลบ์ จากทีม ซีตรอง
ออกสตาร์ทด้วยความยากลำบากในเลกแรก หลายทีมต้องเจอกับเส้นทางที่ลื่น เนื่องจากพื้นถนนมีความชื้นมากกว่าที่คาดไว้ โดย เพทเทร์ โซลเบร์ก เป็นคนแรกที่พลาดท่าทำรถหมุนไปตั้งแต่สเตจแรก และเนื่องจากถนนแคบจึงต้องเสียเวลาเดินหน้า/ถอยหลังอยู่หลายรอบกว่าจะนำรถกลับมาหันหน้าถูกทางได้ เช่นเดียวกับน้องชายของเขา เฮนนิง โซลเบร์ก (HENNING SOLBERG)
ที่ทำรถหมุนในจุดเดียวกัน "เป็นสเตจที่แย่มาก ทั้งลื่นและแคบ หวังว่าอีก 2 สเตจข้างหน้าจะดีกว่านี้" นักขับชาวนอร์เวย์บ่นกับทีมงานผ่านทางวิทยุสื่อสาร
ด้าน โลบ์ นักขับตัวเก็งสังกัดทีม คโรนอส โททาล ซีตรอง ที่แม้ว่าจะขับผ่านสเตจนี้ได้อย่างไร้ปัญหา แต่ก็ทำได้เพียงอันดับที่ 5 เท่านั้น ผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดกลายเป็น มาร์คุส โกร์นโฮล์มจากทีม ฟอร์ด ที่ควบคุมรถได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ทำเวลาทิ้งอันดับ 2 คริส แอทคินสัน (CHRIS ATKINSON) ทีม ซูบารุ ไปแล้วถึง 12.1 วินาที
สเตจที่ 3 ถนนลื่นน้อยลง โลบ์ กลับมาทำเวลาดีขึ้น ไล่ตีตื้นขึ้นมาอยู่อันดับ 3ตามหลัง มิคโค ฮีร์โวเนน (MIKKO HIRVONEN) ที่เพิ่งแซง แอทคินสัน มาหมาดๆเพียง 0.3 วินาที ขณะที่ผู้นำอยู่ห่างออกไปเพียง 40.4 วินาทีเท่านั้น
จบการแข่งขันในเลกแรก โลบ์ ทำเวลาดีขึ้นมาอีกหนึ่งอันดับ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 2ตามหลัง โกรนโฮล์ม อยู่ 35.4 วินาที อันดับ 3 เป็นของ ฮีร์โวเนน ทำเวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 34 นาที 44.1 วินาที ส่วน โซลเบร์ก ที่ยังมีปัญหากับการควบคุมรถให้อยู่บนถนน ร่วงไปอยู่อันดับที่ 14
เลกที่ 2 ความหวังของ โกร์นโฮล์ม และทีม เปอโฌต์ ต้องหยุดลงอย่างกะทันหันเมื่อเขาพลาดทำรถหลุดออกไปข้างทาง และเสียเวลาในการกู้อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงเต็มส่งผลให้ตกลงไป 20 อันดับรวด และเช่นเดียวกับสนามที่แล้ว โลบ์ ได้รับส้มหล่นจากการที่ โกร์นโฮล์ม ทำผิดพลาด ขยับขึ้นกลายเป็นผู้นำทันที
จบการแข่งขันในวันที่สองโดยมี โลบ์ เป็นผู้นำด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 2 นาที 26.0 วินาที ขณะที่ ฮีร์โวเนน ยังคงขับแบบเสมอต้นเสมอปลายรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นด้าน ดานี โซร์โด (DANI SORDO) นักขับหน้าใหม่ฝีมือเก๋า เพื่อนร่วมทีม โลบ์ ทำเวลาขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ตามหลังผู้นำอยู่ 2 นาที 56.0 วินาที
เลก 3 อันดับผู้นำไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ โลบ์ สามารถคว้าแชมพ์ให้ทีมเป็นสมัยที่ 5และเป็นครั้งที่ 25 ให้กับตัวเขาเอง โดยมี ฮีร์โวเนน ตามมาเป็นอันดับ 2 เก็บคะแนนที่สำคัญให้กับทีม ฟอร์ด ได้สำเร็จ ด้าน โซร์โด และปนส์ คว้าอันดับ 3 และ 4 ให้กับทีม คโรนอสโททาล ซีตรอง
จากการแข่งขันครั้งนี้ส่งผลให้คะแนนสะสมประเภทผู้ขับของ เซบัสเตียง โลบ์ มีทั้งสิ้น 66 แต้มทิ้งห่างอันดับ 2 มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ที่พลาดการเก็บคะแนนสะสม 2 สนามรวดออกไปเป็น 31 แต้ม ส่วนอันดับ 3 ดานี โซร์โด ที่รับเพิ่มไปอีก 6 แต้มหมาดๆ มีคะแนนห่างจากเพื่อนร่วมทีม 36 คะแนน
[table]
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนาม 1-7 ประเภทผู้ขับ,,
อันดับ ,ผู้ขับ ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,เซบัสเตียง โลบ์ ,66
รองอันดับ 1, มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ,35
รองอันดับ 2, ดานี โซร์โด ,30
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนามที่ 7 ประเภททีมผู้ผลิต,,
อันดับ ,ทีม ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,ซีตรอง ,85
รองอันดับ 1, ฟอร์ด ,65
รองอันดับ 2, ซูบารุ ,58
[/table]
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57397