วิถีตลาดรถยนต์
ปิดหีบปี '48
ถือว่าเป็นปีที่ทุลักทุเลพอสมควร สำหรับตลาดรถยนต์ในบ้านเรา เพราะโดนหลายวิกฤตการณ์เข้ากระหน่ำ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องหาความเป็นธรรมจากผู้บริโภค ปัญหาน้ำมันราคาแพง ผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาเศรษฐกิจ แต่ผลสุดท้ายก็สามารถฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ จนทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภท ทะลุหลัก 700,000 คัน ตรงตามคาดการณ์ของเกจิอาจารย์ทั้งหลาย ที่ฟันธงเอาไว้ตั้งแต่ปลายปี 2547
ปี 2548 ที่ผ่านไป รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นที่ประกอบขึ้นในประเทศหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งคัน และไม่เลือกที่จะเป็นรถประเภทใด สามารถทำยอดจำหน่ายทั้งสิ้น 703,405 คัน แบ่งเป็นรถนั่งส่วนบุคคล 172,958 คัน หรือคิดเป็น 24.6% ของตลาดรวม ลดลงจากปี 2547 ถึง 12.4% โดยที่ตลาดนี้โตโยตา ขายดีรับออเดอร์ กันไม่หวาดไม่ไหว ทำยอดขายได้สูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยทั้งปีขายได้ทั้งสิ้น 79,126 คัน คิดเป็น 45.7% แต่เมื่อเทียบกับปี 2547 แล้ว มีการเติบโตลดลง -4.9% ตามมาเป็นอันดับสอง ได้แก่ ฮอนดา 56,564 คัน 32.7% ลดลงกว่าปีก่อนหน้านี้ -18.6% ส่วนอันดับสาม เป็นของเชฟโรเลต ทั้งปีขายได้ 8,020 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 4.6% เขี่ยนิสสัน ที่ได้อันดับที่สามในปี 2547 หล่นลงไปอยู่อันดับที่สี่ แสดงให้เห็นว่าพี่น้องชาวไทยเรา ให้ความไว้วางใจ เชฟโรเลต ออพทรา กันไม่ใช่น้อยทีเดียว
รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อนสองล้อ ตลาดรถยนต์ประเภทนี้ ไม่เคยห่างหายไปจากความนิยมของปวงประชา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีอัตราการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากมีความอเนกประสงค์ในการใช้งานมากกว่ารถเก๋ง ปี 2548 ตลาดรถประเภทนี้ เติบโตขึ้น 19.2% โดยทุกยี่ห้อทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 391,642 คัน 55.7% ของตลาดรวม โดย อีซูซุ ดี-แมกซ์ เป็นขวัญใจขายได้ทั้งสิ้น 153,182 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 39.1% ขายได้มากกว่าปี 2547 อยู่ 19.1% ส่วนคู่แข่งตลอดกาล โตโยตา มียอดขายทั้งปี 117,396 คัน มาเป็นอันดับที่สอง มีส่วนแบ่งตลาด 30.0 % และอันดับที่สามเป็นผลงานรวมกันของ มิตซูบิชิ สตราดา กับ ทไรทัน รุ่นใหม่ มิตซูบิชิ เข้าป้ายในตำแหน่งที่สาม มีผลประกอบการอยู่ที่ 32,133 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.2% และก็เป็นนิสสัน เหมือนเดิมที่สูญเสียตำแหน่งที่สามไปอีกตลาดหนึ่ง โดยหล่นไปอยู่ในอันดับที่สี่ เหมือนตลาดรถเก๋ง
ส่วนพิคอัพ 1 ตันแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เป็นตลาดที่ต่อเนื่องมากจากตลาดพิคอัพ ขับเคลื่อนสองล้อ ก็เลยมีการนำไปรวมกันบ้างในบางบริษัทบางแหล่งข้อมูล แต่ถ้าแยกกันออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เป็นอีกตลาดหนึ่ง ที่มีอัตราการเติบโตขยายตัวสูงขึ้นโดยที่ในปี 2548 มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 9.5% ทำยอดขายรวมกันทั้งหมดได้ 40,100 คัน มีส่วนแบ่งในตลาดรวมทุกประเภท 5.7% ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับเค้กก้อนนี้ เป็นอีกตลาดที่ โตโยตา เป็นผู้ยืนแป้นในอันดับหนึ่ง ครองตลาดนี้ด้วยยอดขายรวม 27,438 คัน คิดเป็นสัดส่วน 68.4% ขณะที่ อีซูซุ เป็นอันดับสองแบบห่างๆ ด้วยยอดขายเพียง 6,417 คัน 16.0% และมิตซูบิชิ ยังตามมาคว้าอันดับสาม ทำยอดขายสะสมทั้งปีได้ 4,219 คัน ส่วนแบ่งตลาด 10.5%
ส่วนตลาดรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือเอสยูวี ตลาดนี้ก็มีการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นจากปี 2547 เช่นเดียวโดยที่ตลาดนี้รถยนต์ทุกยี่ห้อทำยอดขายรวมกันได้ 45,917 คันคิดเป็น 6.5% ของตลาดรวมเติบโตขึ้นถึง 160.0% ทีเดียว และก็เป็นโตโยตา อีกเช่นเคยที่ครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดนี้ โตโยตา มีส่วนแบ่ง 71.4% จากยอดขายทั้งสิ้น 32,796 คัน และเป็นรายเดียวที่มียอดขายเกินหลักหมื่นขึ้นไปด้วย อีซูซุตามมาเป็นอันดับสอง มียอดขายเพียง 5,987 คัน ส่วนแบ่งตลาด 13.0% เท่านั้น ส่วนอันดับสาม เป็นของ ฟอร์ด ยอดขาย 2,759 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 6.0%
และตลาดรถเอมพีวี เมื่อเทียบกับปี 2547 เป็นตลาดที่หดตัวลงมากที่สุดในปี 2548 ติดลบอยู่ 35.5%ทำยอดขายรวมกันทั้งตลาดได้แค่ 15,866 คัน ถ้าเทียบกับตลาดรวมทุกประเภทแล้ว รถเอมพีวี มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2.3% เท่านั้น ถึงตลาดจะเล็กมีส่วนแบ่งในตลาดรวมน้อยเพียงไร โตโยตา ก็ไม่สนตำแหน่งแชมพ์ ต้องเป็นของข้า โตโยตา ทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ ทิ้งห่างเพื่อนร่วมตลาดอย่างไม่เห็นฝุ่น จากยอดขายที่มีอยู่ 15,866 คันตกเป็นของโตโยตา 11,019 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 69.5% ขณะที่มิตซูบิชิ ทำได้ดีตามมาในอันดับสอง ด้วยผลงานของมิตซูบิชิ สเปศแวกอน โดยขายได้ 2,601 คัน ส่วนแบ่งตลาด 16.4% และอันดับสาม เป็นของซูซูกิ ทำยอดขายได้ 558 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.5%
รถประเภทอื่นๆ ที่เป็นรถยนต์หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ สำหรับการใช้งานหนักมียอดขายรวมกันอยู่ที่ 36,917 คัน มีอีซูซุเป็นผู้นำตลาด 11,131 คันตามด้วยโตโยตา 9,871 และฮีโน 8,649 คัน
นั่นเป็นสถานการณ์การจำหน่ายรถทุกประเภทในประเทศไทย สำหรับปี 2548 ที่ผ่านพ้นไป สรุปว่า ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ๆ โตโยตา จำหน่ายได้เป็นอันดับหนึ่ง ในประเภทรถนั่งส่วนบุคคล, รถพิคอัพขนาด 1 ตันขับเคลื่อนสี่ล้อ, รถเอสยูวีและเอมพีวี รวมถึงความเป็นผู้นำที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในตลาดรวมทุกประเภท มีเพียงตลาดเดียวที่โตโยตา ยังเจาะเข้าไปไม่ถึงจุดสุดยอด นั่นคือตลาดรถพิคอัพ 1 ตันขับเคลื่อนสองล้อ ที่เป็นของอีซูซุ หรือจะรวมตลาดรถบรรทุกหนักเข้าไปอีกตลาดหนึ่งก็ได้
เกือบลืมว่า ยังไม่ได้รายงานยอดขายประจำเดือนธันวาคม เอาเป็นว่าสรุปแบบย่อๆ ก็แล้วกัน
เดือนธันวาคมรถยนต์ทุกยี่ห้อทุกประเภท ขายได้รวมกัน 77,856 คัน แบ่งเป็น
ตลาดรถนั่งส่วนบุคคล 24,553 คัน
รถพิคอัพ 1 ตันขับเคลื่อนสองล้อ 39,164 คัน
รถพิคอัพ 1 ตันขับเคลื่อนสี่ล้อ 3,703 คัน
รถเอสยูวี 5,394 คัน
รถเอมพีวี 1,516 คัน
และรถประเภทอื่นๆ 3,526 คัน
ซึ่งก็เหมือนกับภาพรวมทั้งปีที่โตโยตา ครองความเป็นหนึ่งในทุกตลาด ยกเว้นตลาดรถพิคอัพ 1 ตันขับเคลื่อนสองล้อและตลาดรถประเภทอื่นๆ ที่ตกเป็นของอีซูซุ
สำหรับปี 2549 มีการคาดการณ์กันว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศ จะเติบโตขึ้นอีก 6% ซึ่งก็จะทำยอดรวมของทั้งตลาดอยู่ที่ประมาณ 743,000 คัน จะเป็นจริงได้แค่ไหน ต้องติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆเพียงแค่เปิดศักราชปีจอ ได้ไม่เท่าไหร่ ตลาดรถโดยเฉพาะรถนั่งขนาดเล็ก และรถพิคอัพ ก็ร้อนระอุเสียแล้ว น่าสนใจจริงๆ ว่าการต่อสู้เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดของค่ายรถยนต์ในปีนี้ จะต่อสู้กันดุเดือดเผ็ดมัน และที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นรถจากจีน แผ่นดินใหญ่ที่มีความเป็นไปได้ในการเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยอย่างจริงจัง เมือไหร่และใครจะเป็นผู้ออกหน้าเสื่อในการดำเนินกิจการ น้ำเลี้ยงจะมากมายขนาดไหน น่าสนใจครับ...
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57257