โลกใต้ทะเล
ฟิจิ
ฟิจิ (FIJI) เป็นประเทศหมู่เกาะที่อยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิค ทางซีกโลกใต้ (SOUTH PACIFIC) ห่างจากทวีปออสเตรเลีย ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 3,200 กม. ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย รวมกันประมาณ 300 เกาะ มีประชากรแค่ 8 แสนกว่าคน หมู่เกาะฟิจิ เป็นที่ใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเกี่ยวกับความงดงามของชายหาดน้ำใส และหาดทรายที่ขาวสะอาด แม้กระทั่งภาพยนตร์เรื่อง CAST AWAY ที่นำแสดงโดย ทอม แฮงค์ ในปี 2000 มาปักหลักถ่ายทำทั้งเรื่องในหมู่เกาะฟิจินี้ จนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ถูกตั้งชื่อว่า เกาะแคสต์ อเวย์ (CAST AWAY) ตามชื่อของภาพยนตร์
ต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปยังหมู่เกาะฟิจิ เพื่อทำการสำรวจสถานที่สำหรับการดำน้ำแบบสคูบา (SCUBA) ประมาณ 10 วัน โดยนั่งเครื่องบินไปลงที่ซิดนีย์ เพื่อต่อเครื่องซึ่งมีอยู่เพียง 2-3 สายการบินเท่านั้น ที่ไปหมู่เกาะฟิจิ และสายการบินของประเทศนั้น ก็คือ แอร์แปซิฟิค (AIR PACIFIC) ใช้เวลาในการบินประมาณสี่ชั่วโมง และจากกรุงเทพ ฯ ไปออสเตรเลีย อีกเกือบเก้าชั่วโมง และก่อนที่ผมจะบรรยายถึงความสวยงามของฟิจินั้น ขออธิบายถึงคนที่เป็นชาวเกาะ หรือบ้านเราเรียกว่า "ชาวเล" นั้น ในโลกนี้ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ ชาวไมโครนีเซีย (MICRONESIA) ซึ่งได้แก่ กลุ่มประเทศหมู่เกาะ กวม (GUAM), หมู่เกาะปาเลา (PALAU) กลุ่มที่สองนั้นได้แก่ กลุ่มโพลีนีเซีย (POLYNESIA) ได้แก่ กลุ่มเกาะฮาวาย (HAWAII), นิวซีแลนด์ (NEW ZEALAND), ตาฮิติ (TAHITI), ทนกา (TONGA) และกลุ่มสุดท้ายที่สาม คือ กลุ่มเมลานีเซีย (MELANESIA) ซึ่งได้แก่ หมู่เกาะฟิจิ (FIJI) และ ปาปัว นิวกีนี (PAPUA NEW GINI)
เมื่อผมได้เดินทางไปถึงสนามบินเมืองนาดิ (NADI) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ส่วนเมืองหลวงคือ เมืองซูวา (SUVA) แต่เครื่องบินนานาชาตินั้น ส่วนมากจะลงที่สนามบินเมืองนาดิ มากกว่าเมืองซูวา เนื่องจากเมืองซูวา อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะหลักที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจะรับหน้ากับลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้ (TRADE WIND) ที่มีกำลังค่อนข้างแรง ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมาทางด้านตะวันตกของเกาะซึ่งเป็นเมืองนาดิ ภูเขาของเกาะจะป้องกันลมดังกล่าว ทำให้เมืองนาดิ มีโรงแรม และรีสอร์ทมากกว่าเมืองซูวา เนื่องจากทะเลด้านนี้ ไม่ค่อยมีคลื่น ทำให้นักท่องเที่ยวชอบ และเกาะแคสต์ อเวย์ ก็อยู่ทางด้านตะวันตกนี้ห่างจากเกาะใหญ่ ที่สามารถเดินทางด้วยเรือโดยสารแบบ คาตามาราน (CATAMARAN) เป็นเรือที่มีลำเรือสองข้าง ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เรือโดยสารแล่นทุกวันไปยังหมู่เกาะเล็กๆ นับสิบที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ดังนั้นถ้าใครอยากไปเกาะเล็กๆ เกาะไหนก็ตาม เพียงแค่ซื้อตั๋วโดยสารไป/กลับภายในวันเดียวกันได้ อย่างเช่น ตัวผมไปยังเกาะแคสต์ อเวย์ ในตอนเช้าและดำน้ำสองครั้ง ก็ขึ้นเรือโดยสารขากลับมายังรีสอร์ทที่พักบนเกาะใหญ่ได้
หลังลงจากเครื่องบินที่นานดิ มีสิ่งที่ประทับใจก็คือ เป็นสนามบินเล็กๆ ห้องที่ตรวจพาสสปอร์ท นั้นก็ไม่ใหญ่มีช่องสำหรับตรวจประมาณ 6 ช่อง จะมีนักดนตรีพื้นเมือง ซึ่งเล่นกีตาร์สามคน และอีกคนเล่นกีตาร์ตัวเล็กๆ แบบชาวฮาวาย เรียกว่า ยูเคเลเล (UKELELE) ร้องเพลงประสานเสียงของเพลงพื้นเมืองให้แก่นักท่องเที่ยว จนกระทั่งคนสุดท้ายได้ผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว และเมื่อออกไปยังห้องโถงของสนามบิน ก็มีสาวๆ คอยคล้องพวงมาลัยให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน แต่ไม่ใช่เป็นพวงมาลัยดอกไม้นะครับ เป็นพวงมาลัยที่ร้อยด้วยเปลือกหอย สีขาวจากตัวเล็กเรียงมาเป็นตัวใหญ่ สวยมาก
เกือบทุกวันที่ผมนั่งเรือโดยสารไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ไกลจากเกาะใหญ่ ในตอนเช้าเมื่อไปถึงเกาะเล็กๆเหล่านั้น บางเกาะก็มีบังกะโลเพียงไม่ถึงสิบหลัง และในราคาตั๋วโดยสารเรือนี้ ได้รวมทั้งค่าอาหารกลางวันอยู่ด้วย ซึ่งเราต้องทานบนเกาะเหล่านี้ เมื่อลงจากเรือใหญ่ต้องนั่งเรือเล็กเข้าเกาะอีกที และเมื่อเรือเทียบชายหาด พวกชาวเกาะต่างก็ร้องคำว่า "BULA" ซึ่งมีความหมายว่า "ยินดีต้อนรับ" พร้อมกัน นักดนตรีอาจจะสามหรือสี่คนแล้วแต่เกาะเหล่านั้นร้องเพลงพื้นเมืองต้อนรับ พร้อมกับคล้องพวงมาลัยดอกไม้ เช่น ดอกชบา พร้อมกับมีน้ำมะพร้าว เป็นเวลคัมดริงค์
หลังจากที่ดำน้ำเสร็จแล้ว ตอนเย็นเรากลับมายังเกาะใหญ่ก่อนขึ้นเรือเล็กออกจากชายหาด ชาวพื้นเมืองจะมาที่ชายหาด เพื่อร้องเพลงลา และคอยส่ง สิ่งนี้เองที่เป็นความรู้สึกที่ประทับใจมาก และเป็นแบบเดียวกันทุกเกาะ ดังนั้นจึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวจึงมีความประทับใจต่อเกาะสวรรค์แห่งนี้
สำหรับการดำน้ำในหมู่เกาะฟิจินี้ ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลานานถึงสองเดือนก็ตาม คิดว่ายังดำน้ำได้ไม่ครบตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากมีเกาะมากมายเหลือเกิน แต่มีอยู่สองหรือสามแห่งที่ประทับใจมาก เช่น ที่ซูเพอร์มาร์เกท (SUPERMARKET) เป็นสถานที่ดำน้ำที่มีสัตว์น้ำมากมายหลายชนิดมาอยู่ในที่เดียวกัน เหมือนกับไปชอพพิงในซูเพอร์มาร์เกทนั่นเอง และอีกแห่งหนึ่งผู้ที่จะไปดำน้ำ ต้องมีความกล้าหาญมากทีเดียว เพราะว่าเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ด้านตะวันออกของเกาะใหญ่ นอกจากจะมีลมแรงแล้ว เกาะแห่งนี้ ยังเป็นโรงงานทำปลาทูนากระป๋อง ดังนั้นเวลาทิ้งขยะ ซึ่งจะเป็นพวกเลือด และเครื่องในปลาทูนาลงทางท่อที่ต่อลงใต้ทะเล มีความลึกประมาณยี่สิบกว่าเมตร แต่ยาวออกจากตัวเกาะหลายร้อยเมตร ทุกวันเขาจะทิ้งขยะเหล่านี้ ในเวลาบ่ายสี่โมงเย็น ผมกับฝรั่งสองคนพร้อมกับไดฟ์มาสเตอร์ท้องถิ่น นั่งเรือออกไปตอนประมาณสามโมงครึ่ง และดำน้ำลงไปที่ปลายของท่อทิ้งขยะเพื่อหาที่กำบังรอคอยเวลา เชื่อไหมว่า ฉลามหัวฆ้อน ฉลามเสือ และฉลามชนิดอื่นๆ มารวมกันแย่งกินเศษอาหารที่ปลายท่อนับจำนวนไม่ถ้วน และแต่ละตัวนั้น มีความยาวไม่ต่ำกว่าสองเมตรขึ้นไป มันเป็นเหตุการณ์ที่ชุลมุน พวกเราทั้งสี่คนต่างก็หมอบอยู่หลังท่อไม่กล้าที่จะโผล่ออกไป เพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิด คิดว่าพวกเราเป็นอาหารเราต้องหมอบอยู่อย่างนั้นจนกว่าอาหารหมด ถ้าบังเอิญใครเกิดอากาศในถังหมด จะต้องขึ้นไป คงไม่กล้าที่จะขึ้นแน่นอน ดังนั้นพวกเราจะต้องใช้อากาศกันอย่างประหยัดเพื่อมิให้อากาศหมดก่อนที่ขยะจะหมด นับว่าเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นทีเดียว
คุณผู้อ่านท่านใดที่คิดจะไปเที่ยวเกาะฟิจิ ต้องศึกษาให้ละเอียด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายค่าที่พักที่ค่อนข้างแพง การเที่ยวในเมือง ใช้เวลาในการเดินชมเมืองแค่หนึ่งชั่วโมง ก็รอบเมืองแล้ว เป็นเมืองที่เล็กมาก มีถนนหลักอยู่สายเดียว ยาวไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร สำหรับการเที่ยวหมู่เกาะฟิจิ ถ้าคุณรักทะเล ชายหาดสีขาวอันสวยงาม และความอบอุ่นในการต้อนรับของชาวพื้นเมือง ที่นี่จะเป็นสวรรค์สำหรับคุณ
เรื่องโดย : ศรันย์ กิตติวัณณะกุล
ภาพโดย : ศรันย์ กิตติวัณณะกุล
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : โลกใต้ทะเล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56800