วิถีตลาดรถยนต์
"วีโก" ก่อเหตุตลาดวูบซ้ำ
ตลาดรถยนต์บ้านเรากำลังไหลลื่นเข้าเกณฑ์ "ขาขึ้น" อยู่ดีๆ แท้ๆ ก็มามีอันเจอะเจอเข้ากับเหตุอันนอกเหนือจากการคาดคิดมาก่อนอย่างจัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงสถานการณ์ที่ส่อเค้าของการเข้าสู่สภาวะ "ขาลง" แต่อย่างใด
เอาเป็นว่าเป็นเรื่องกวนใจในขณะที่กำลังรื่นเริงบันเทิงใจก็แล้วกัน
เหตุการณ์ครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ยอดขายรถที่เคยยืนในระดับเฉียดหรือเกิน 50,000 คัน อยู่ดีๆก็ตกวูบเหลือเพียงแค่ในราว 45,000 คันเสียยังงั้นแหละ
ยอดขายตกวูบแต่ไม่ทำให้ตกใจ
ต้นเหตุก็มาจากเจตนาดีของรัฐแท้ๆ ที่ต้องการจะส่งเสริมให้ผู้คนหันมาซื้อรถยนต์ที่ประหยัดเชื้อเพลิงมาใช้กันเยอะๆ
ราคาน้ำมันเบนซินที่ใช้กับรถยนต์มันแพงขึ้นในระดับที่จะอยู่กันเฉยๆ ไม่ได้แล้ว รัฐจึงต้องเป็นเจ้ากี้เจ้าการหามาตรการมาแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันแพงคราวนี้
มาตรการที่รัฐนำมาใช้ก็คือ การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากรถยนต์ เน้นไปที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงหรือกินน้ำมันไม่มาก ซึ่งก็ได้แก่ รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี แรงม้าไม่มาก ได้แก่ รถยนต์ที่เป็นที่นิยมซื้อหามาใช้กันเป็นส่วนใหญ่ หรือจะว่าไปมันก็คือรถยนต์อันเป็นรถยอดนิยมอยู่แล้วนั่นเอง
การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ จะทำให้รถยนต์ในกลุ่มเป้าหมายนี้ปรับลดราคาลงอีกคันละหลายหมื่นจนถึงระดับหลายแสนบาท
อัตราภาษีใหม่นี้ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม
รถยนต์ลดราคาลงมันก็ควรจะเป็นว่าจะทำให้รถยนต์ขายดิบขายดีขึ้นอีกอักโข ใครๆ ก็ต้องคิดอย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้น
แต่ผลที่ออกมาในเบื้องต้นผิดคาดอย่างเต็มๆ ในเมื่อข่าวคราวการปรับลดภาษีซึ่งจะทำให้ราคารถถูกลง ถูกกระพือให้ได้รับรู้กันก่อนล่วงหน้านานพอดู และเมื่อมีการประกาศปรับภาษีแล้ว รถยนต์ทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในข่ายที่จะต้องปรับลดราคาลง กลับทำยึกยักไม่ยอมปรับลดราคาลงมาให้สอดรับกันเสียนี่
คนที่กำลังคิดจะซื้อรถมาใช้ในราคาที่ถูกลง เลยชะลอการซื้อกันเป็นแถว
ยอดขายรถเก๋งที่เป็นรถยอดนิยมในเดือนกรกฎาคมเลยติดเบรค หายวูบจากที่ควรจะเป็น ถึงแม้ยอดขายรถพิคอัพจะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ในระดับเดิม เนื่องจากไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการปรับลดภาษีกับเขาด้วย แต่ก็ทำให้ยอดขายรถโดยรวมในเดือนนี้เตี้ยลงไปถนัดใจ
มาถึงเดือนสิงหาคม เรื่องราคารถเก๋งเข้าที่เข้าทางกันไปเรียบร้อยแล้ว ยอดขายรถในกลุ่มนี้กลับมาหวือหวาเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าจะหวือหวายิ่งกว่าเดิมเสียด้วย แต่ก็มาเจอเข้ากับอาการ "วูบ" อีกจนได้
คราวนี้ ต้นเหตุย้ายจากกลุ่มตลาดรถเก๋งมาอยู่ที่ตลาดรถพิคอัพ
โตโยตา เปิดยุทธการครั้งใหม่เพื่อการช่วงชิงความเป็นเจ้าตลาดรถพิคอัพจาก อีซูซุ ซึ่งมาดหมายว่าคราวนี้จะไม่ผิดหวังเหมือนเมื่อครั้งถล่ม อีซูซุ ด้วยพิคอัพ ไฮลักซ์ ดี-โฟร์ดี คอมมอนเรล อย่างแน่นอน
โตโยตา นำพิคอัพ ไฮลักซ์ ดี-โฟร์ดี คอมมอนเรล เจเนอเรชัน 2 ที่มีชื่อว่า "วีโก" ออกมาสยบ อีซูซุ ในต้นเดือนกันยายน ทั้งใหม่ทั้งเจ๋งร้อยแปดพันประการ
โหมกระพือความใหม่ความสุดยอดกันจนนักเลงรถกระบะ "หยุดการซื้อ" เพื่อรอคอย "วีโก" กันเป็นแถวโดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนๆ รถกระบะของ โตโยตา ติดเบรคกันจนตัวโก่ง เป็นผลให้ยอดการจำหน่ายรถพิคอัพของ โตโยตา ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนก่อนที่ "วีโก" จะปรากฏตัว จากที่เคยปรากฏอยู่ในแต่ละเดือนที่ประมาณเฉียด 10,000 คัน เหลืออยู่เพียงแค่ 1,000 กว่าคันเท่านั้นเอง เหลือเชื่อจริงๆ
และก็เพราะยอดขายรถพิคอัพของ โตโยตา ที่เตี้ยจนติดดินในเดือนนี้นี่เอง เป็นเหตุให้ยอดจำหน่ายรถยนต์โดยรวมในเดือนสิงหาคม เจอเข้ากับอาการ "วูบ" อีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ
ยอดขายรถในเดือนสิงหาคมมีอยู่เพียงแค่ 43,668 คัน
เดือนสิงหาคมนี้ ตลาดรถในกลุ่มอื่นๆ แทบไม่มีความหมาย ที่จะต้องเจาะจงให้ได้รับรู้กันก็ต้องเน้นไปที่ตลาดรถพิคอัพ สถานเดียว
ยอดจำหน่ายรถพิคอัพโดยรวม ไม่แยกพิคอัพธรรมดา กับพิคอัพ 4x4 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 20,440 คัน
รถพิคอัพ อีซูซุ ยังคงรักษาสถานภาพเดิมเอาไว้ได้อย่างมั่นคง มีผลกระทบจากกระแส "วีโก" บ้างนิดหน่อย มียอดขายทั้งสิ้น 9,825 คัน ครองตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป ส่วนยอดขายรถพิคอัพของ โตโยตา นี่ซิ หายวับไปกับตา เหลือเพียงแค่ 711 คัน ยอดแค่นี้อับอายขายหน้ารถพิคอัพยี่ห้ออื่นๆ ที่อยู่ลำดับท้ายๆ แถวด้วยซ้ำไป
และก็เพราะยอดขายรถพิคอัพ ที่วูบไปนี่เอง ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์โดยรวมตลอดทั้งเดือนสิงหาคม พลอยตกวูบเป็นเดือนที่สอง ซ้ำรอยอีกครั้ง
รวมยอดขายรถที่ผ่านมา 8 เดือนด้วยกัน แทนที่จะไปลิ่ว กลับมาอ้อยสร้อยอยู่ที่ทั้งหมดเพียง 387,795 คัน กับเวลาที่เหลือของปีนี้อีก 4 เดือนด้วยกันกับเป้าหมายที่คาดไว้ตลอดทั้งปีที่ 600,000 คัน น่าจะต้องออกแรงกันเหนื่อยหน่อยซะแล้ว
โรควูบโดยไม่ตั้งใจจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้ว เมื่อได้ข่าวมาว่า อีซูซุ กำลังเตรียมการที่จะสวนหมัด โตโยตา ด้วยพิคอัพตัวใหม่ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ กว่าจะตั้งตัวกันติด และตั้งหน้าตั้งตาโกยยอดขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ก็น่าจะเป็นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป แล้วก็มาสร้างตัวเลขกันสูงปรี๊ดในเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี โดยมีงาน "MOTOR EXPO 2004" เป็นแรงหนุนสำคัญเหมือนอย่างเมื่อปีที่แล้ว
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56698