รุ่นนี้พอมีเหลือ
ลูกผู้ชายรุ่นริรัก
ความยิ่งใหญ่ของความรักดูจะวัดกันไม่ได้เหมือนความยิ่งใหญ่ในทางลาภ ยศ บารมี วาสนา ความปรารถนาหรือความเร่าร้อนของผู้ชาย ก็เป็นอารมณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นกัน
ความรักเป็นเรื่องใหญ่ และผมคิดว่าไม่มีอะไรในโลกจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักของผู้คน
ความรักที่ผมพูดถึงนี้เป็นความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ซึ่งไร้พรมแดนอย่างแท้จริงหมาวัดอาจมีความรักได้อย่างเสรีกับดอกฟ้า ผู้ชายอายุ 14 ปี ย่อมมีความรักได้กับภาพสวยๆ ในหนังสือสำหรับผู้ชายประจำเดือนของ กิ๊ก-สุวัจนี หรือ มิวสิควีดีโอ ชุด "ซน ซุก ไซ้" ของ ทาทายัง
จุดเกิดความรักน่าอยู่ที่ ความต้องใจ ซึ่งวิ่งตามหลัง ความต้องตา ด้วยความเร็วเหนือเสียง
แม้โลกานุวัตรสามารถพลิกแพลงได้ด้วยโทรสาร อี-เมล์ หรือ แชทรูม แม้บนคอลัมน์หาคู่ทางหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ความรักก็เกิดได้เพราะลูกตากับหัวใจเป็นปัจจัยหลัก
เมื่อดวงตากับดวงใจเป็นหลัก เราก็ต้องมาดูว่าดวงตากับดวงใจออกอาการจนควบคุมไม่ได้นั้นเกิดจากอะไร
ข้อที่หนึ่ง ผู้หญิงอยากเห็นผู้ชายสวยเหมือนๆ กับผู้ชายอยากพบผู้หญิงงาม ยกเว้น "BEAUTY AND THE BEAST" ความรักระหว่างหญิงงดงามกับชายที่เหมือนสัตว์ป่า ซึ่งในท้ายที่สุดสัตว์ป่าตัวนั้นคือ เงาะสังข์ทอง ถอดรูปเงาะออกมาแล้ว หล่อกว่าวิลลี
หน้าตาของลูกผู้ชายตัวจริงในความรักของผู้หญิง จึงจำเป็นต้อง "พอดูได้" เป็นขั้นที่หนึ่ง
ถ้าเป็นโบราณบ้านเมือง (ประเทศของเราในสมัยโบราณกาล) ก็มักวัดความดูดีของหน้าตาด้วยประโยคที่ว่า "ไปวัดไปวาได้" ทำนองพอที่จะพาไปทำบุญที่วัดได้ ประมาณนั้น
ดวงตาเป็นอวัยวะบน ระดับดวงตาก็ต้องเจอหน้าตาก่อนเลยไปเห็นส่วนอื่น ส่วนอื่นที่เหลือนี้เราเรียกกันว่า "หุ่น"
"เขาหน้าตาดีค่ะ แต่หุ่นเสียหมดทุนเลย"
หวยเลขนี้ออกยากสักหน่อย ส่วนใหญ่มักเป็นหวยลอค คือมีหน้าตาดีแล้วหุ่นก็มักดีตาม หู จมูก ปาก ตูดก้น แข้งและขา ดีไปทุกอวัยวะ
เมื่อผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาดีเป็นข้อที่หนึ่งแล้ว ข้อที่สองถัดมาผู้หญิงมองไปที่ ความเป็นลูกผู้ชายโครงสร้าง วัสดุที่ห่อหุ้มโครงสร้าง โดยภาพรวมๆ เธอเข้าใจว่ามันคือ บุคลิกภาพ
ข้อนี้ เปรียบง่ายๆ และเห็นภาพชัดเจนมากที่สุด ก็เหมือนกับผู้ชายเห็นผู้ชายด้วยกัน หน้าตาดีหุ่นดีแต่ดันนุ่งซิ่น พบเห็นนาทีไหนนาทีนั้นเป็นความเครียด ถึงใครจะมาบอกว่า มันไม่ใช่ธุระ แต่อย่างน้อยสุด มันสร้างความรู้สึกไม่ดีแบบแสนเสียดายรูปทรัพย์ผู้ชายคนนั้น-ว่างั้นเถอะ
บุคลิกภาพ เป็นมาตราวัดความมีรสนิยม ลึกลงไปกว่านั้นก็น่าจะอยู่ที่ มาตราวัดฐานะยากดีหรือมีจนสักเท่าไรกัน โอทอพ หรือ โกลบอล แบรนด์เนม
ผมเป็นเด็กบ้านนอก ครอบครัวของเรามีคุณพ่อเป็นข้าราชการบ้านนอก จำได้ว่าเมื่อผมไปเรียนหนังสือระดับมัธยมต้นนั้น ผมยังไม่มีรองเท้าใส่ไปโรงเรียนเป็นผลให้เท้าผมโตต้องหารองเท้าเบอร์ 40 ซึ่งค่อนข้างหายากในกรุงเทพมหานคร ตอนมาเรียนมัธยมปลาย
นอกจากไม่ใส่รองเท้าไปเรียนหนังสือแล้ว ผมยังไม่มีรองเท้าที่เรียกว่า สตัด สำหรับการวิ่ง และการเตะบอลโรงเรียน ผมต้องวิ่งและเตะบอลตีนเปล่าจนชินชาถึงระดับว่า หากสวมรองเท้าผมวิ่งไม่ได้เร็ว หรือเตะบอลในตำแหน่งปีกขวาไม่ได้ดีเท่ากับไม่ได้สวมรองเท้า
เหมือนการขับรถยนต์ บางคนไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงขณะขับรถยนต์ต้องมีรองเท้าคู่พิเศษหรือไม่ก็ไม่สวมรองเท้าเลย จึงจะมีสมาธิขับรถแบบ แฮพพี มอเตอริง ได้
ข้อที่สาม ผู้หญิงคนหนึ่ง (วัยสาวตามสภาวะที่เป็นจริง วัยเด็กตามสภาวะของผม) เล่าว่าเคยต้องตาต้องใจผู้ชายคนหนึ่ง แต่พอร่วมโต๊ะเสพเครื่องดื่มและอาหารด้วยกัน ยังไม่ถึงร่วมเตียง พบว่าเล็บมือของเขาดำปื๋อ อารมณ์และความต้องการของเธอก็ติดไฟแดงทันที
เล็บมือดำเท่านี้ เล็บเท้าอาจส่งกลิ่นเหม็นได้เท่ากับแจกันใส่ดอกบัวนานวัน เทน้ำออกมาล้างยังไงยังงั้น
คำว่า "ซกมก" เป็นศัพท์ร่วมสมัยที่เข้าใจได้กับข้อนี้ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง องค์ประกอบนี้เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ โดยยังมีส่วนน้อยหาเปอร์เซนต์ไม่ได้ชอบความเป็นซกมกของฝ่ายตรงข้าม
หนุ่มใหญ่ผู้จัดการทั่วไป หรือ MD ของโรงแรมทางชายทะเลภาคใต้คนหนึ่ง เล่าประสบการณ์น่าริษยาให้ผมฟัง
"รักแร้มันเหม็นมากเลยพี่"
เขาหมายถึงแหม่มน้อยแหม่มใหญ่หลายชาติเชื้อหลายมาตราส่วน เสนอและยินยอมแสดงความรักความต้องการกับเขา ในวันและชั่วโมงมาพักผ่อน
โดยรวมของข้อที่สามคือ สุขภาพ ไฮยีน ความสะอาด-ศัตรูแห่งความสกปรก
สามข้อนี้เป็นข้อใหญ่สุดที่จะนำพาไปสู่ความรักและความต้องการของผู้ชายและผู้หญิง ข้อปลีกย่อยถัดมาก็ไปอยู่ที่ อุปนิสัยใจคอ เป็นส่วนใหญ่ ลักษณะการพูดจา ตลอดจนถึงการแสดงออกที่เรียกว่า พฤติกรรม มารยาท
ผู้ชายที่พูดจาไม่น่าฟัง ไม่รู้เรื่องรู้ความ ไม่มีเหตุผล พกความเชยแสดงออกในแต่ละเรื่อง แต่ละประเด็น ล้วนเป็นความไม่น่าร่วมเสวนาทั้งสิ้น
อย่าว่าแต่ผู้หญิงอยากจะฟังเลย แม้ผู้ชายด้วยกันก็เบื่อ คร้านจะทนรักษาความมีมารยาทในการรับฟัง
การสนทนาด้วยกันจึงเป็นเรื่องใหญ่ของผู้ชายและผู้หญิง เริ่มรักกันจนกระทั่งแต่งงานหรือไม่แต่งอยู่กินด้วยกันไป ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี การพูดจากันเป็นเรื่องเดียวที่พิสูจน์ความรักแท้หรือไม่แท้ ทนได้หรือทนไม่ได้เข้าทำนองฝรั่งเล่าขาน
"ฉันพูด เธอฟัง ต่อมา ฉันฟัง เธอพูด ต่อมาอีกทั้งเธอและฉันพูด เพื่อนบ้านฟัง"
ถ้าถามว่า ผู้ชายเวลานี้พูดแล้วมีคนฟังค่อนข้างมากสุด ผู้ชายคนนั้นคือ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ไม่น่าเป็นคนอื่นไปได้ พูดจนผู้ชายด้วยกันริษยาปานลูกพี่ลูกน้องสองคนรุมกันอิจฉาความอาภัพของนางซินเดอเรลลาอย่างไรอย่างนั้น
"มันพูดแบบว่า มันถูกของมันคนเดียวทั้งประเทศ"
แต่คุณสรยุทธทำได้ แฟนคลับของคุณสรยุทธเลื่องลือ น่ามหัศจรรย์ก็ตรงที่ การพูดจาของคุณสรยุทธแต่ละคำ หลุดปากมาแล้วเป็นเหรียญแท้ไหลออกมาจากกระทรวงการคลัง เป็นธนบัตรชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ทุกๆ คำ
ผู้ชายพูดเป็นหรือไม่เป็น ถูกแยกแยะออกเป็น เว้าซื่อๆ หรือมาแบบกะล่อน แบบมะกอกสามตะกร้ายังปาไม่ถูก เอ็งมาแบบนั้น ข้าไปแบบนี้ ไก่เห็นตีนงู และงูก็เสือกไปเห็นนมไก่ ลูกล่อลูกชนเป็นปลาไหลไฟฟ้า ทั้งหมดนี้ ลูกผู้ชายตัวจริงเท่านั้นมีความเข้าใจและรู้ว่า ควรมีพฤติกรรมอย่างไรกับปัญหาเฉพาะหน้า
สุดท้ายก็มาถึง ผู้ชายอย่างผม คือประเภท เฒ่าหัวงู ซึ่งมีภาคขยายไปจนถึงระดับงูเก็งก็อง
คนเราเวลาอายุมากแล้ว ธรรมชาติกิเลสที่ไม่น่าคบเลยก็คือ ความดื้อรั้น เด็กๆ มีความดื้ออย่างไรตอนแก่แล้วมักกลับมาดื้อได้อีกอย่างไม่น่าเชื่อ
องค์ประกอบที่เป็นภาพงดงามของคนมีอายุ นอกจากมองแล้วน่าอบอุ่นดีก็เป็น ทรัพย์ศฤงคาร ความมีทรัพย์เกิดมาจากการประกอบการสมัยยังหนุ่ม องค์ประกอบทั้งสองมีส่วนโน้มน้าวให้ผู้หญิงหลงผิด เห็นกงจักร เป็นดอกบัว (คนในสามจังหวัดภาคใต้เวลานี้ เพราะความไม่สงบทำให้ต้องมองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต้องพึ่งพา ท. ทหาร ลูกเดียว)
องค์ประกอบที่ดีและมักได้ผล ก็อยู่ที่ตัวเงินที่บันดาลอะไรได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ค่าเช่าห้องพักจนถึงมือถือ
มีจดหมายฉบับหนึ่งจากเด็กสาวอายุ 15 ปี เขียนมาถึง คุณหมอนพพร เจ้าของคอลัมน์ "เสพสมบ่มิสม" อันลือลั่นของหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
"เรียนคุณหมอนพพรทราบ,
"หนูอายุ 15 ปี แฟนหนูอายุ 50 ปี เป็นผู้ชายที่มีอารมณ์เพศสูงมากๆ มีความต้องการทุกๆ โอกาส
ขณะหนูยืนทำกับข้าวในครัว ขณะหนูออกไปนั่งซักผ้าหลังบ้าน ขณะหนูยืนรีดผ้าในห้อง หรือหนูกำลังคลานเช็ดถูบันได เขาก็จะระงับความต้องการไม่อยู่
"หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ ?
"ป.ล. ปกติลายมือหนู คุณครูชมว่าสวยมาก แต่ฉบับนี้ตัวหนังสือโย้ไปโย้มา เหตุก็เพราะว่าหนูยืนเขียนค่ะ"
เรื่องโดย : ไก่อ่อน
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : รุ่นนี้พอมีเหลือ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56556