รุ่นนี้พอมีเหลือ
แด่สิ่งที่สิ้นไป
ถ้าท่านรู้จักกวีร้อยแก้ว ลองอ่าน "แด่สิ่งที่สิ้นไป" ของไก่อ่อนบ้างปะไร ข้อแนะนำ ท่านควรทำตัวให้ว่าง
และทำใจสมกับวัยวุฒิ ก่อนเปิดเปลือกตาอ่านเรื่องนี้
ชั่วโมง นาที และวินาที
ก็ช่างเถิด สำหรับใครก็ได้ที่เป็นผู้คิดค้น
แต่มันเป็นความเจ็บปวด ยามที่มันผ่านไป
มิใยเป็นบ่วงเวลากระวนกระวาย หรือสุขเกษม
มันเป็นสิ่งที่สิ้นไป เมื่อวินาที นาที และชั่วโมงใหม่มาถึง
วัน เดือน และปีที่เราอยู่ ก็อีหรอบเดียวกัน
ยามที่มันมาใหม่ มันยัดเยียดความเก่ามาด้วยเช่นกัน
ช่างเถิด ใครที่คิดค้นและกำหนด
แต่สิ่งที่สิ้นไป มีทั้งความสุขและความเจ็บ
ฉันถามตัวฉันเอง สิ่งใดในตัวฉันสวยที่สุด
ทุกอวัยวะในตัวฉัน ต่างร้อนรนหาคำตอบเพื่อความภาคภูมิ
"ดวงตา" "จมูก" "คิ้ว" "ปาก" "ใบหู" "คาง"
"รูสะดือ" "ขนหน้าแข้ง" "หัวแม่เท้า" "ส้น"
ฉันถามอีก มีส่วนไหนรู้บ้าง วันนี้ ชั่วโมงนี้ เคลื่อนตลอดเวลา
มันเคลื่อนไปข้างหน้า หมดไยดีกับสิ่งที่สิ้นไป
ฉันเพียรถามตัวฉันอีก สิ่งใดในตัวฉันสิ้นไป
ทุกสิ่งในตัวฉัน งันเงียบไม่มีคำตอบสะท้อนให้ได้ยิน
ฉันพอเข้าใจ สิ่งที่สิ้นไปต้องอยู่ในตัวฉัน
เช่นเดียวกับสิ่งที่ยังอยู่ แต่มันอยู่เช่นไร โรยรา ? อับเฉา ?
ฤาหมดชีวิต เหลือแต่วิญญาณ
ฉันถาม "ดวงตา" ในกระจก (แว่น) เห็นเพียงความหมางหม่น
คล้ายดวงจันทร์รูปเสี้ยว แลดูน่าหวาดหวั่น
"ดวงตา" พยายามบอกฉันว่า สิ่งที่สวยที่สุดมันผ่านไปแล้ว
ประกายสิ้นไป ทิ้งอุจจาระไว้เสมอในยามเช้า
ฉันถาม "จมูก" ได้ยินเพียงเสียงอู้อี้ ผสมผสานมากับสายน้ำ
จมูกที่เคยแข็งแรง รวดเร็วในคำตอบ นาทีนี้มีแต่น้ำจมูกไหลพรู
เสียงอู้อี้, แม้กระนั้น-ก็พยายามบอกฉัน ให้สัจจะเป็นคำตอบ
"ถึงอย่างไร อย่างน้อยที่สุด มันเป็นอนุสรณ์แห่งความสุข"
เป็นความอู้อี้ เรียงประโยคได้เช่นนั้นแท้จริง
ฉันถาม "ใบหู" แปลกไม่น่าเชื่อ ฉันถามซ้ำไปอีก
ฉันต้องถามถึงสามครั้ง เป็นพฤติกรรมใหม่สุดของฉันกับ "ใบหู"
"มันไปแล้ว" เสียงใบหูเลื่อนลอยแต่หนักอึ้ง
"มันเคยสวยถึงระดับลิ้นผู้หญิงอดความกระหายไม่ได้...แต่..."
พอแล้ว, ฉันปรามกลางคัน ฟังความจริงต่อไปอีกไม่ไหว
ชั่วโมง นาที และวินาที
ช่างเถิด สำหรับใครที่กำหนดมันขึ้น
วัน เดือน และปี
ช่างเถิด ใครก็ได้ที่สร้างกฎเกณฑ์ขึ้น
ฉันเคยรักการผ่านมาของมัน และฉันก็เคยเกลียดชังการผ่านไปของมันด้วย
ฉันคิดถึง "ดวงตา" และ "ดวงจันทร์"
"ดวงตา" เกิดมาพร้อมกันกับฉัน "ดวงจันทร์" เกิดมาพร้อมกับโลกของเรา
กาลิเลโอเป็นผู้กำหนดภูเขาลูกแรกบนดวงจันทร์
ขานนามมันอย่างไพเราะ "อัลเพนไนนส์"
ลีโอนาร์โด ดา วินชี บอกฉันว่าแสงแห่งดวงจันทร์มาจากแสงสะท้อนดวงอาทิตย์
"ดวงจันทร์" ถูกเท้ามนุษย์จากยาน "อพอลโล 8" เหยียบย่ำ
"ดวงตา" ของฉัน ถูกความรู้สึกของฉันเองกดดัน คล้ายถูกลมถีบแรง
ฉงน และสนเท่ห์ บังเกิดกับฉัน
และไม่รู้ด้วยว่า ควรถามผู้ใด
ฉันมองแนวลาด ก่อนเห็น "รูสะดือ" ฉันมองหัวนมสองเม็ดนั้นบนอกของฉันเอง
เห็นเพียงความเงียบ และความเหงา
ครั้งหนึ่งมันเคยถูกเรียกหา วันนี้ วังเวง และวิเวก ปราศจากการเหลียวแล
เป็นอีกสิ่งที่สิ้นไป
ฉันไม่ฉงน ฉันไม่สนเท่ห์ คิดถึงแม่ปทุมเจเนท แจคสัน กับเพลง "เขย่าร่างของมึง"
ROCK YOUR BODY กับนักร้องฝ่ามือพิฆาต จัสติน ทิมเบอร์เลค
ดอกบัวของเธอเขย่าร่างของฉัน ROCK MY BODY
มึง...มึงนะมึง...
ฉันมองต่ำลงไป ผ่าน "รูสะดือ" ด้วยรู้สึกคร้านหาคำตอบจากมัน
ภาพที่ฉันเห็น แสนยากต่อคำพรรณนาที่เหมาะสม
แม้จิตรกรเอกของโลกอย่างแวนโกะ ก็สะบัดพู่กันไม่ได้ตรงสิ่งนั้น
จับต้องได้ แต่ไร้ความรู้สึก หมดสภาพความเป็น "เจ้ากิ๊ก"
มันเกิดพร้อมกับฉัน และท่องไปกับฉันในทะเลสวาททุกแหล่งที่
มันเคยยิ่งใหญ่สมนามความเป็นเจ้า ยะโสโอหังด้วยความแข็งแกร่ง
นาทีนี้ ชั่วโมงนี้ วันนี้ มันคือ ม้าแก่ๆ ตัวหนึ่งล้มลงและร้องขอ MERCY KILLING
"ฉันกิ๊กเธอ" หลายครั้ง มันเคยคำรามผ่านทางปากของฉัน
กิ๊ก...กิ๊ก...กิ๊กส์ส์ส์ส์...
ฉันพาลไปถึง "กิ๊ก" เพียรไขว่คว้าคำตอบ เมินความไม่แยแส จากมัน
ทั้ง "กิ๊ก" ที่ซ่อนเร้น และ "กิ๊ก" ที่เปิดเผย
กิ๊กระหว่างชั่วโมงที่ขโมยมาจากเมีย ต่างกว่าบทเพลง "ชู้ทางใจ"
นาทีนั้น ชั่วโมงนั้น วันนั้น ฉันไม่เคยได้ยินคำว่า ทรยศ หักหลัง ไม่สัตย์ซื่อ ไม่จริงใจ
ปมการหายตัวไร้ร่องรอยแบบ จิม ทอมพ์สัน ราชาไหมไทย
เป็นเงื่อนสะสางลำบากน้อยกว่า เงื่อนซ่อนเร้นที่ปฏิเสธไม่ได้เพราะฉันกิ๊กเธอ
แสงแดดในเดือนเมษายนกำลังสุกอร่าม คละเคล้าอากาศที่อุ่นอวล
ท้องร่องที่เคยเอ่อน้ำ แห้งขอดชวนคิดถึงทุ่งกุลาร้องไห้
ดอกไม้ยังเหลือคูนเหลืองพราว บนกิ่งและร่วงหล่นโคนดินให้คนกวาดทิ้ง
ฉันยืนมองด้วยหัวใจที่ยังมีแรงเต้น
ดอกคูนก็เป็นเหมือนสิ่งที่สิ้นไปในตัวฉัน เคยสวยที่สุด แต่มันก็ผ่านไป
ฉันบอกตัวฉันเอง พูดทวนซ้ำให้ทุกสิ่งในตัวฉันได้ยิน
"ปีที่แล้วมา ดอกคูนเคยสวย และมันเคยอับเฉาไม่มีคนมอง"
ปีนี้ มันก็เป็นเช่นนั้นอีก
ฉันโป้ปดตัวเองต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
ดอกคูนแตกต่างกับทุกสิ่งในตัวฉันสิ้นเชิง
ดอกคูน "ตายแล้วฟื้น" แต่ฉัน ทุกสิ่งในตัวฉันสิ...
"ตายแล้ว...ตายเลย"
เรื่องโดย : ไก่อ่อน
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : รุ่นนี้พอมีเหลือ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56433