รุ่นนี้พอมีเหลือ
ศิลปะ หรืออนาจาร
คำถามหนึ่งที่ถามกันมานานแล้วก็คือ คำถามที่ว่า ไอ้นี่ (ไม่ว่าภาพหรือการแสดง) มันเป็นศิลปะหรือเป็นอนาจาร เป็นคำถามที่ฟังแล้วไม่รู้จะตอบยังไงได้
คนที่ถามคำถามนี้มีหลากหลายประเภท เช่น เจ้าหน้าที่เซนเซอร์ภาพยนตร์ ตรวจบทละครทีวี วีดีโอหรือวีซีดี หรือไม่ก็ดีวีดี ถัดมาก็เป็นนักบวช ถัดมาอีกก็เป็นคุณหญิงคุณนาย
ส่วนคนที่จะไม่ถามคำถามนี้นั้น มีประเภทเดียว คือ คนที่เป็นผู้ชาย-ลูกผู้ชายตัวจริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถามไปทำไมให้เวลามันผ่านไปอย่างน่าเสียดาย
ภาพหรือการแสดงที่หมิ่นเหม่ต่อคำถามข้างต้น เป็นภาพปลุกใจเสือป่า หรือการแสดงที่เร้าอารมณ์อย่างสูงการแสดงออกของภาพมักทำกันด้วยความยากเย็นก็เพราะคำถามดังกล่าวเป็นตัวบีบบังคับ เห็นอะไรที่ควรเห็นก็ไม่ได้ ถ้าเห็นได้ก็ทำให้เห็นแต่เพียงบางส่วน
แต่ภาพที่เป็นผู้ชายนุ่งยีนส์ แล้วมันขึ้นเป็นลำมา ไม่เห็นมีใครสงสัยว่า อนาจาร หรือศิลปะ
ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเคยอยู่ในวงการหนังสือพิมพ์ เป็นสื่อสารมวลชน หรือพูดกันให้ถูกต้องก็คือเป็นสื่อที่อยู่กับประชาชนจำนวนมาก ไม่มีการจำกัดเพศ จำกัดวัย หรือจำกัดวุฒิภาวะ
ทุกอย่างทุกเรื่องที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังมีภาพที่ต้องถามว่า ศิลปะ หรืออนาจาร ?
ทำไมไม่มองเป็นความสวยงามของผู้หญิงก็ไม่ทราบ ?
ผู้หญิงที่มาแสดงเป็นเจ้าของภาพก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน ถึงเธอจะปิดป้องบ้าง แต่อารมณ์ของเธอในยามนั้นก็แสดงให้เราเห็นชัดเจนว่า เธอมีของดี และต้องการอวดของดีให้กับเรา
หนังสือพิมพ์รายวันครั้งหนึ่งลงภาพสีเป็นปก ในห้วงเวลาที่เทคโนโลยีในการพิมพ์สมัยนั้นเป็นเพียงขาวและดำ แข่งกันพิมพ์ภาพปกสี จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยที่หนังสือพิมพ์ของเราเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทสี่สี
แต่การลงภาพผู้หญิงสวยๆ บนหน้าหนึ่งก็ยังคงมี อย่างน้อยในสัปดาห์หนึ่งก็มีวันหนึ่งที่ลงภาพสวยๆและผมก็คิดว่า คงจะต้องมีอยู่ตลอดไป ไม่มีวันเลิกรา
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลศีลธรรมอันดีก็ทำหน้าที่ได้มาตรการเดียวคือ ส่งหนังสือเตือนว่า หนังสือพิมพ์กำลังลงภาพที่ล่อแหลมต่อคำถามที่ว่า มันเป็นศิลปะ หรืออนาจาร
สมัยที่ผมมีหน้าที่ดูแลหนังสือพิมพ์ ผมก็ยังลงภาพสวยๆ เหล่านี้อย่างไม่เลิกรา โดยมีจดหมายตำหนิเข้ามาที่สำนักงานบ้างเป็นบางครั้ง แต่ผมก็ยังทำ แถมในวันอาทิตย์ผมยังเลือกภาพสวยๆมาลงในหน้าพิเศษสี เพราะผมถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อน อะไรที่ทำให้การพักผ่อนเกิดความสบายก็ควรทำให้มันเกิดขึ้น
เรียกว่า ท่านผู้อ่านข่าวและความเห็นทางการเมืองมาตลอดหกวันเต็มๆ ควรมีสิทธิ์ในการพักสายตาสักวันหนึ่ง
ไม่เสียหายอะไรจนเกินไปนัก
การทำหนังสือพิมพ์รายวัน เคยมีผู้ใหญ่บอกผมว่า ความปรารถนาของท่านผู้อ่านหนังสือพิมพ์เป็นสิ่งที่เราต้องนำเสนอ
หนังสือพิมพ์รายวันก็เหมือนอาหารจานเด็ดรายวัน เราควรปรุงอย่างไรเพื่อให้ถูกปากติดอกติดใจในรสชาติเกิดขึ้นกับคนอ่าน
อะไรที่คนอ่านเคยรับประทานทุกวันอาทิตย์ เราก็ต้องนำมาเสนอให้ได้ทุกวันอาทิตย์
หนังสือพิมพ์รายวันทุกวันนี้ ผมเห็นมี 2 อย่างที่เลิกไม่ได้ อย่างที่หนึ่งก็คือ ภาพผู้หญิงสวยๆที่หมิ่นเหม่กับคำถามว่าอนาจาร หรือศิลปะ อีกอย่างหนึ่งก็คือ นิยายละครทีวี
สองอย่างนี้ ผมไม่ได้บอกว่า ถ้าไม่มีแล้วจะเจ๊ง เพราะหนังสือพิมพ์รายวันยังมีหลากหลายประเภททั้งเพื่อเรียกหามวลชนมากๆ หรือเพื่อเรียกหามวลชนในขอบเขตจำกัด
หนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับมักไม่นิยมขายภาพล่อแหลม แต่หนังสือพิมพ์รายวันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเศรษฐกิจอย่าง สปอร์ทแมน แม้เป็นเรื่องราวในวงการฟุตบอลก็ยังต้องลงภาพล่อแหลม
ผมชอบความสวยงามของผู้หญิงอยู่แล้ว จึงมีความสนุกสนานในการนำเสนอภาพเหล่านี้ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ผมรับใช้อยู่ นอกจากชอบความสวยงามแล้วผมยังชอบหาเรื่องสัปดนมาลงอีกด้วยเพราะผมติดใจในคำพูดของคุณประยูร จรรยาวงษ์ ราชาการ์ตูนของโลกหนังสือพิมพ์ที่ว่า
"สัปดนวันละนิด จิตแจ่มใส"
ซึ่งผมไม่เห็นว่า มันจะเดือดร้อนอะไรนักหนา ดูแล้วก็สบายอกสบายใจ สติปัญญาปลอดโปร่งโล่งทั้งวัน
ผมมีลูกน้องใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง เขาติดภาพผู้หญิงสวยๆ ไว้ที่เครื่องพิมพ์ส่วนตัวของเขาบนโต๊ะทำงานผมถามเขาว่าภาพเหล่านี้คืออะไร ศิลปะ หรืออนาจาร
เขาหัวร่อ และตอบผมว่า คุณเธอทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผู้อุปการะ เป็นสปอนเซอร์ให้กับงานประจำวันของเขาถ้าไม่มีสปอนเซอร์อย่างนี้แล้ว สมองก็คงไม่แล่นคิดอะไรไม่ออก งานไม่ก้าวหน้า
ผู้หญิงสวยๆ ย่อมเป็นสีสันของโลก ในวงการกีฬาเทนนิสระดับโลกทุกวันนี้ มีใครคิดบ้างไหมว่า ถ้าไม่มีนักเทนนิสผู้หญิง กีฬาเทนนิสจะเป็นความนิยมสูงสุดของคนทั้งโลกหรือ ?
มีแฟนเทนนิสที่ไหนจะบ้าทนดูไอ้หนุ่มกำยำหัวโล้นอย่าง อากัสซี ตีเทนนิสได้ทุกวัน ?
ถ้าไม่มีสาวน้อยอย่าง คูร์นิโควา หรือ คิม ไคลจ์สเตอร์ หรือ แมรี เพียซ หรือ เซเรนา วิลเลียมส์ ผมเชื่อว่าเทนนิสคงไม่มีโอกาสถ่ายทอดสดทางทีวีไปทั่วโลก
คราวหนึ่ง ยูบีซี สถานีโทรทัศน์เคเบิลที่เก็บเงินสมาชิก ต้องการเลิกทีวีช่อง 39 อันเป็นช่องแฟชันเห็นผู้หญิงสวยๆ มาเดินโชว์เสื้อผ้ากันทั้งวันทั้งคืน ทั้งนมหกและชุดชั้นใน ซึ่งก็ได้เลิกไปจริงๆ แต่แล้วก็ทนเสียงเรียกร้องจากมวลสมาชิกไม่ได้ จำเป็นต้องนำกลับมาเสนออย่างเดิม
ใช้ช่องเดิม ๆ คือช่องที่ 39 เป็นช่องแฟชันทีวี มาถึงทุกวันนี้
การแสดงที่หมิ่นเหม่กับคำถามว่า ศิลปะ หรืออนาจาร ก็เหมือนกันทุกวันนี้หรือแต่ไหนแต่ไรมาเราก็เห็นกันทั้งในภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์
ภาพยนตร์ประเภทนี้ ฝรั่งเรียกว่าเป็นประเภทเรทอาร์ คือปลุกอารมณ์อย่างอ่อนๆ ไม่ถึงกับระดับฮาร์ดคอร์ คือเป็นหนังโป๊เปลือยไปเลย
ดาราภาพยนตร์สมัยก่อนนี้ ผู้หญิงสวยเท่านั้นเป็นนางเอกได้แตกต่างกว่าสมัยนี้ที่ต้องการให้ผู้แสดงนำเป็นธรรมชาติมากที่สุด ถ้าในเรื่องต้องการให้นางเอกสวยนางเอกก็ต้องเป็นคนสวย แต่ถ้าเป็นใครก็ได้เขาก็จะเลือกคนที่เข้ากับบุคลิก ไม่ได้เลือกความสวยงาม
เหมือนกับหนังไทย พูดแล้วก็อดคิดถึงนักแสดงสวยๆ งามๆ ไม่ได้ เลยเถิดไปถึงนักร้องสวยๆ อย่างมานี มณีวรรณ เจ้าของมะพร้าวสองลูก และจุดเทียนเวียนวน คิดถึง ปรียา รุ่งเรือง เจ้าของอกภูเขา
นักแสดงประเภทนี้เราเรียกว่า เซกส์สตาร์เมื่อถูกเรียกเช่นนั้นแล้วจะให้เธอไปแสดงเป็นคุณหญิงคุณนายอะไรได้ มันไม่เลอะเทอะเป็นบ้ากันดอกหรือ ?
ละครทีวีก็เหมือนกัน ผมไม่อยากเห็นเจ้าหน้าที่หรือ กบว. ให้ความสนใจกับบางเรื่องจนเกินเหตุเป็นต้นว่า ห้ามไม่ให้นักแสดงสูบบุหรี่ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยอย่างร้อยเปอร์เซนต์ การแสดงก็คือการแสดงไม่ใช่ซองบุหรี่ที่จะต้องมาพิมพ์คำเตือนไว้ข้างซอง
และการแสดงที่ดี นักแสดงที่แสดงบท 100 จะต้องแสดงถึง 200 เพื่อให้การแสดงของตนเข้าถึงบทบาทอย่างชัดเจน แต่ไม่ใช่ โอเวอร์แอคท์
ละครทีวีในจอโทรทัศน์จะให้มีแต่แย่งมรดกกันทั้งปีหรือ ทำไมจะมี คนเริงเมือง อย่าง ใหม่ เจริญปุระ บ้างไม่ได้
ถืออำนาจบาตรใหญ่อย่างไร จะต้องมาห้ามความสุขที่สามารถเลื้อยเข้ามาถึงห้องนอนของเราได้ในตอนกลางคืน
ถึงบรรทัดนี้ ก็เห็นจะต้องตอบเสียทีว่า อะไรคือ ศิลปะ อะไรคือ อนาจาร
ศิลปะ เป็นคำนาม หมายถึง การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์เห็น ส่วนอนาจารนั้นเป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง ลามก เป็นที่น่ารังเกียจแก่ผู้อื่นในด้านความดีงาม
ท่านผู้อ่านจะตอบอย่างไร เป็นสิทธิ์ของท่าน !
เรื่องโดย : ไก่อ่อน
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : รุ่นนี้พอมีเหลือ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56392