X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
1 Oct 2003
คาดูแลค ป้องกันสนิมจากภายใน
ปัจจุบันธุรกิจเกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษารถยนต์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษารถยนต์มากขึ้นอยากให้รถของตนเองคงความสวยงามและมีอายุการใช้งานยาวนาน และปัญหาที่มักจะพบเป็นอันดับต้นๆ อยู่เสมอเมื่อรถยนต์เริ่มมีอายุมากขึ้นคือเรื่องของสนิมที่บั่นทอนอายุการใช้งานรถยนต์อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจพ่นกันสนิมรถยนต์เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจโดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทีมงาน 4WHEELSจึงเสนอมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้จาก เกียรติชัยธีรวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาดูแลค (ประเทศไทย) จำกัดในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดและมีความชำนาญในวงการธุรกิจพ่นกันสนิมรถยนต์ เพราะเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2521 ถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว ขั้นตอนและวิธีป้องกันการเกิดสนิมในรถยนต์เป็นหัวข้อหลักที่เราสนทนากัน เกียรติชัย กล่าวว่า"ลำดับแรกต้องยอมรับก่อนว่าอะไรก็ตามที่ทำมาจากเหล็กต้องเกิดสนิมขึ้นอย่างแน่นอนเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น อย่างรถยนต์ที่ส่วนประกอบหลักทำมาจากเหล็ก ถ้าเราป้องกันสนิมได้นานเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าเรายืดอายุการใช้งานของรถยนต์คันนั้นออกไป ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงินเจ้าของรถในการตัดผุเท่านั้นยังเป็นการช่วยเศรษฐกิจของประเทศชาติรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติของโลกใบนี้ทางอ้อมอีกด้วย" "สำหรับที่หลายคนมีความคิดว่าการพ่นกันสนิมไม่จำเป็นเนื่องจากรถทุกคันจะมีกรรมวิธีในการป้องกันสนิมที่ทันสมัยหลายขั้นตอนมาแล้วจากโรงงาน คงต้องทำความเข้าใจกันใหม่เพราะเหล็กที่นำมาใช้ทำรถยนต์นั้น มีความทนทานต่อการเกิดสนิมมากน้อยไม่เท่ากัน เช่นรถยุโรปกับญี่ปุ่น คุณภาพเหล็กก็แตกต่างกันแล้วนอกจากนี้ยังมีลักษณะการใช้งาน และพื้นที่การใช้งานของเจ้าของรถเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยเช่นผู้ที่ใช้รถยนต์ในพื้นที่ใกล้ทะเล ถูกไอเค็มจากน้ำทะเล และความชื้น ยิ่งทำให้เกิดสนิมได้ง่ายขึ้นมีโลหะที่ไหนย่อมมีสนิมหรือขี้เกลือเกิดขึ้นเสมอเพราะโลหะมักจะเกิดการออกซิเดชันได้ตลอดเวลา ถ้าไม่รู้จักป้องกัน โดยเฉพาะโลหะที่อยู่ใกล้ๆกับไอเค็ม ยิ่งต้องป้องกันสนิมให้มากกว่ารถทั่วๆ ไป" ต่อเรื่องที่ว่าน้ำยาป้องกันสนิมของคาดูแลคสามารถป้องกันสนิมได้มากน้อยแค่ไหนและจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของชิ้นส่วนภายในรถยนต์หรือไม่ เกียรติชัย ได้ให้ข้อมูลต่อว่า "น้ำยาพ่นกันสนิมทุกตัวของคาดูแลคได้รับการทดสอบมาแล้วจากประเทศอังกฤษ จึงสั่งให้คนไทยได้ใช้ซึ่งส่วนประกอบหลักคือน้ำมันชนิดพิเศษ ที่มีความคงทนต่อสารเคมีและแรงบิดตัวสูงรวมทั้งส่วนประกอบของสารเคมีพิเศษที่มีคุณสมบัติในการเกาะผิวโลหะได้ดี ทั้งนี้น้ำยาป้องกันสนิมของเรามีมากถึง 3 ชนิดเพื่อให้สามารถใช้ครอบคลุมในพื้นที่ทั่วทุกซอกมุมของตัวรถประกอบด้วย 1. ซิลเวอร์ อินเทอร์นอล (SILVER INTERNAL) เป็นน้ำยาใสผสมเนื้อโลหะผงแม่เหล็กใช้สำหรับพ่นภายในประตูและตามตัวถังรอบคัน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ไม่แห้งแข็งตัวนอกจากจะป้องกันน้ำ และความชื้นแล้วยังสามารถหยุดการเกิดสนิมได้ดี โดยเฉพาะรถมือสอง 2. บราวน์ อินเทอร์นอล (BROWN INTERNAL) เป็นน้ำยาสีน้ำตาล มีคุณสมบัติแห้งเร็ว ทนการชะล้างใช้พ่นโครงฝากระโปรง และตามตะเข็บต่างๆ 3. อันเดอร์ บอดีซีล (UNDER BODY SEAL) น้ำยาเหนียว แห้งเร็ว ยืดหยุ่นได้ ทนต่อการชะล้างใช้พ่นใต้ท้อง บังโคลน และที่เก็บยางอะไหล่ เมื่อใช้น้ำยาทั้ง 3 ชนิดนี้ร่วมกัน สามารถป้องกันการเกิดสนิมได้อย่างเด็ดขาดและไม่ก่อให้เกิดปัญหาติดขัดเวลาเปิด/ปิดกระจกหน้าต่างรถยนต์ เพราะเป็นน้ำยาชนิดอ่อนคาดูแลคได้เลือกสรรน้ำยาแต่ละชนิดให้เหมาะสมกับตำแหน่งต่างๆ ของรถยนต์อยู่แล้ว "เรื่องสนิมที่เกิดขึ้นนี้ นักวิทยาศาสตร์และนักเคมีรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงสนิมสามารถเกิดขึ้นได้ตลอด ตราบใดที่มีเหล็กและอากาศมาทำปฏิกิริยาออกซิไดซ์ก็จะเกิดสนิมขึ้นแต่ผู้ใช้รถสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ก่อน ด้วยการพ่นกันสนิมอย่างถูกวิธี ซึ่งจุดนี้นอกจากช่วยให้ตัวเองประหยัดแล้ว ยังช่วยชาติช่วยโลกในทางอ้อมอีกด้วย เพราะเหล็กและสีเรายังต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ประเทศไทยมีรถยนต์ประมาณ 7 ล้านคันเมื่อคำนวณค่าตัดผุ-ทำสีคันละประมาณ 50,000 บาท ที่ประเทศไทยต้องเสียไปในอนาคตเป็นเงิน 350,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่สามารถประหยัดและป้องกันได้ ก็เท่ากับทุกๆ ท่านมีส่วนร่วมในการช่วยชาติประหยัด" เกียรติชัย กล่าวทิ้งท้าย
อ่านต่อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : โรงงาน
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : แวดวงรถยนต์ (4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/56235
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
19 Feb 2024
DUNLOP GRANDTREK PT5 ประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางที่เหนือระดับ
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
19 May 2023
ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย PORSCHE ประเทศไทย
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
16 Dec 2021
ธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ ศิริมงคลเกษม กรรมการบริหาร และฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด กับการเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจ...
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
20 Oct 2021
MITSUBISHI ดัดแปลง TRITON เคลื่อนย้ายผู้ป่วย COVID-19
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
20 Oct 2021
DENNIS HORTON ARB THAILAND
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
20 Oct 2021
NEW MAZDA CX-5 อัดแน่นเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ
แวดวงรถยนต์ (4wheels)
19 Oct 2021
MITSUBISHI XPANDER PASSION RED EDITION
ดูต่อในคอลัมน์ แวดวงรถยนต์ (4wheels)