ชีวิตอิสระ(4wheels)
TOYOTA OFFROADERS CLUB CARAVAN TRIP 2003
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดกิจกรรมสำหรับลูกค้าที่ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อของ โตโยตาในรูปแบบคาราวาน ภายใต้ชื่อ TOYOTA OFFROADERS CLUB CARAVAN TRIP 2003บนเส้นทางกาญจนบุรี-น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น-ด่านเจดีย์สามองค์-ทองผาภูมิ รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 400กิโลเมตร
การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้รถ โตโยตาได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามของประเทศไทยที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ตามนโยบาย UNSEEN IN THAILAND ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งได้ทดลองสมรรถนะและฝึกฝนทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อของ โตโยตาแบบใช้งานจริงเนื่องจากมีเส้นทางบางช่วงที่ต้องใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นจึงจะสามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ซึ่ง 4 WHEELS ได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับทริพนี้ด้วยตลอดทั้ง 3 วัน 2 คืน
เช้าวันแรก
เดินทางสบายๆ สู่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
เวลา 8 นาฬิกาตรง บรรดาผู้ร่วมคาราวานทยอยเดินทางมาถึงจุดนัดพบ ณ บริษัท โตโยต้าท่าจีนผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า จำกัด จังหวัดนครปฐม เพื่อลงทะเบียน รับประทานอาหารเช้าพร้อมฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเส้นทางที่ต้องเดินทางไปตลอดทั้ง 3 วัน รวมทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและข้อควรระวังในการเดินทางแบบคาราวานจนกระทั่งได้เวลาจึงได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีโดยมีจุดหมายแรกที่จะไปแวะเยี่ยมกันคือ ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร (เขาชนไก่)ที่นี่ผู้ร่วมคาราวานจะได้พบกับกิจกรรมการกระโดดหอ และตะลุยผ่านด่านต่างๆ เพื่อท้าทายความกล้าซึ่งผู้ที่สามารถผ่านกิจกรรมเหล่านี้ได้ครบจะได้รับปีก และประกาศนียบัตรเป็นที่ระลึกอีกด้วย
จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านเด็ก เพื่อร่วมกันบริจาคหนังสือจากโครงการหนังสือมือสองอุปกรณ์กีฬา ขนม และเสื้อผ้า ให้แก่ทางมูลนิธิเด็ก เพื่อร่วมสนับสนุนการดูแลและให้การศึกษาแก่เด็กยากจนและด้อยโอกาส ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
อิ่มใจแล้วแต่ท้องเริ่มหิวเพราะได้เวลาอาหารกลางวันพอดีมื้อนี้เราแวะรับประทานอาหารกันที่ร้านเรือนธารา ในบริเวณเหนือสันเขื่อนศรีนครินทร์พร้อมชมทัศนียภาพเหนือเขื่อนที่มีความสวยงามเข้ากันอย่างลงตัวระหว่างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่กับธรรมชาติป่าเขาที่สมบูรณ์
อิ่มอร่อยเรียบร้อยได้เวลาสัมผัสเส้นทางธรรมชาติโดยมีจุดหมายปลายทางที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นช่วงนี้ถนนส่วนใหญ่จะเป็นทางลูกรังที่ค่อนข้างทรุดโทรมเป็นหลุมบ่อ เนื่องจากเป็นเพียงเส้นทางเล็กๆที่ชาวบ้านแถบนั้นใช้เป็นเส้นทางสัญจรใกล้ๆ ระหว่างหมู่บ้าน บางช่วงเป็นทางชันขึ้นเขาระบบขับเคลื่อนถูกเปลี่ยนเป็นแบบ 4H ช่วยให้รถมีแรงฉุด และเกาะถนนขึ้นเขาได้ดีกว่า ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งมาถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น เราตั้งเทนท์ในบริเวณน้ำตกชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นพื้นที่สูงโล่ง อากาศโปร่งสบาย สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกล
อาบน้ำอาบท่ากันพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว 18นาฬิกาตรงรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารเย็น พร้อมเพลิดเพลินกับการแสดงของเด็กๆชาวเขา ในชุดลำโตง และการบรรเลงดนตรีโฟล์คซองจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ปิดท้ายรายการในค่ำคืนนี้ด้วยการชมสไลด์แนะนำสภาพทางภูมิศาสตร์ของอุทยานความเป็นอยู่ของสัตว์ป่านานาชนิดที่มีความเป็นอยู่แบบแปลกๆ ไม่สามารถพบเห็นได้จากที่อื่น
วันที่สอง
สัมผัสทางวิบาก จรดชายแดนพม่า
5.30 น. เสียงนกหวีดจากทีมงานทำให้รู้ว่าได้เวลาตื่นนอนมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าพร้อมรับประทานอาหารเบาๆ ประเภทข้าวต้มปลา,ไก่ กาแฟ,โอวัลติน เพื่อเตรียมแรงไว้สำหรับเส้นทางวิบากในวันนี้ ถึงเวลา 7นาฬิกาตรง ล้อหมุนมุ่งสู่ อ. สังขละบุรี โดยผ่านน้ำตกคลองงู และน้ำตกเกริงกระเวียช่วงนี้เป็นเส้นทางวิบากเกือบตลอด บางช่วงต้องใช้เกียร์ในตำแหน่ง 4L เพื่อให้รถมีแรงบิดสูงสุด สามารถไต่ทางชันได้ง่ายขึ้นสิ่งที่ยากอีกสิ่งหนึ่งในการขับรถบนเส้นทางวิบากในรูปแบบคาราวาน นอกเหนือจากการเลือกใช้ระบบเกียร์การควบคุมคันเร่งและเบรคแล้วคือการเว้นระยะห่างระหว่างรถแต่ละคันให้เหมาะสม
ผ่านอำเภอสังขละบุรีมาได้ไม่ไกลมาถึงวัดวังก์วิเวการาม เป็นวัดจำพรรษาของหลวงพ่ออุตตมะซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งชาวกะเหรี่ยงและพม่า ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเหล่าสมาชิกคาราวานได้ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทานรวมทั้งฟังธรรมเทศนาจากหลวงพ่ออุตตมะ อิ่มบุญไปตามๆกัน จากวัดวังก์วิเวการามแยกไปอีก 1 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์แบบพุทธคยามีลักษณะฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร
บริเวณใกล้เจดีย์มีร้านจำหน่ายสินค้าจากพม่าหลายร้านจำพวกผ้า แป้งพม่า เครื่องไม้ ราคาย่อมเยาเหล่าบรรดาแม่บ้านใช้เวลาตรงจุดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้ของติดไม้ติดมือถูกอกถูกใจไปทุกคน
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศผ่านโทรโข่งให้สมาชิกทุกคนเตรียมตัวลงเรือหางยาวชมสะพานมอญ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตรสร้างข้ามแม่น้ำซองกาเวีย สำหรับให้ประชาชนฝั่งตัวอำเภอสังขละบุรี และฝั่งหมู่บ้านชาวมอญข้ามสัญจรไปมาหากันนั่งเรือต่อไปอีกไม่ไกลเพื่อชมเมืองบาดาลซึ่งถูกน้ำท่วมหลังสร้างเขื่อนเขาแหลมแต่ยังมีส่วนของสิ่งก่อสร้างที่สูงพ้นน้ำขึ้นมาให้ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณ บริเวณนี้เป็นที่ซึ่งแม่น้ำ 3 สาย มาบรรจบกัน คือแม่น้ำรันตี บริคลี่ และซองกาเวีย
ล่องเรือสำรวจจนทั่วได้เวลาขึ้นบกอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่ด่านเจดีย์สามองค์ช่วงนี้เส้นทางเป็นถนนราดยางตลอดสายทำให้คาราวานใช้ความเร็วได้ค่อนข้างสูง ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเหล่าสมาชิกได้แยกย้ายกันไปสำรวจร่องรอยอารยธรรมเก่าแก่ที่สำคัญหลายจุด นอกเหนือจากเจดีย์สามองค์ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางรถไฟสายเก่าเส้นรอยต่อระหว่างชายแดนไทย-พม่า บริเวณที่กองทัพไทยยกทัพมาสกัดทัพพม่าในอดีตและร้านขายสินค้าราคาถูกนานาชนิดจากพม่า
เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันได้เวลามุ่งหน้าสู่โรงแรม กรีนเวิร์ลด์ เพื่อพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวร่วมงานสังสรรค์ในช่วงกลางคืนกันต่อ
บรรยากาศของงานเริ่มต้นขึ้นด้วยการแสดงพื้นเมืองของชนกลุ่มน้อยที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในแถบรอยต่อระหว่างชายแดนพม่า สลับฉากกับการเล่นเกมส์มันๆ หลากหลายกับน้องพริททีที่ทาง โตโยตาเชิญมาสร้างสีสันให้กับงาน พร้อมกับการแจกของรางวัลมากมายตั้งแต่เสื้อยืดไปจนถึงรางวัลใหญ่ๆอย่างชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถหลายรายการ ได้รับรางวัลกันจนถ้วนหน้าปิดท้ายด้วยการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับกิจกรรมการเดินทางตลอดทั้งสองวันที่ผ่านมาก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ขับรถกลับกรุงเทพ ฯ วันรุ่งขึ้น
วันสุดท้าย
เดินทางกลับ พร้อมความประทับใจ
เช้าวันที่สามของการเดินทาง ตามกำหนดการแล้ววันนี้ต้องเดินทางกลับสู่กรุงเทพ ฯแต่มีสมาชิกบางคันที่เลือกเดินทางท่องเที่ยวต่อ เนื่องจากยังคงติดใจความสวยงามของธรรมชาติโดยอาศัยข้อมูลที่ทีมงานได้จัดเตรียมให้ ส่วนคันของเราเลือกที่จะเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ พร้อมความทรงจำดีๆ ไปอีกนาน
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
ภาพโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56197