สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)
วชิระ ยองใย
PARTS POINT เป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในงานบริการเกี่ยวกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ภายใต้การดูแลของ บริษัท เอซีเอสจี (ประเทศไทย) จำกัด
4 WHEELS มีโอกาสสัมภาษณ์ วชิระ ยองใย ผู้จัดการทั่วไปที่ดูแลงานของ PARTS POINT โดยตรงเกี่ยวกับการก้าวเข้ามาทำงานด้านนี้ รวมถึงการดูแลสินค้าใหม่ๆ อย่างผ้าเบรคของเฟอโรโด ด้วย
4 WHEELS : คุณวางแผนพัฒนาตลาดผ้าเบรคเฟอโรโดในเมืองไทยอย่างไร ?
วชิระ : ผมกำลังศึกษาว่าทำไม ผ้าเบรคเฟอโรโดในไทย ถึงโตค่อนข้างช้า ซึ่งต้องประสานงานกับส่วนการตลาดของเฟอโรโด ในต่างประเทศ
สินค้าใหม่ๆ ของเฟอโรโด เป็นความต้องการของเฟอโรโด ที่มองว่าในเอเชียแปซิฟิค ประเทศไทย น่าจะมีตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากออสเตรเลีย ดังนั้น เฟอโรโด จึงผลิตผ้าเบรครุ่นใหม่ออกมาโดยรุ่นเพอร์ฟอร์มานศ์เดิม เปลี่ยนเป็น รุ่นเอกซ์เซล รุ่นเฮวีดิวทีที่ใช้กับรถพิคอัพเราก็ปรับปรุงให้ใช้กับรถ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ได้ด้วย โดยเรียกชื่อใหม่ว่า 4WD เฮวีดิวที ส่วนรุ่นเอกซ์ทรา เปลี่ยนเป็น รุ่นเซียโร แทน ซึ่งชื่อและกล่องทั้งหมดจะใช้เหมือนกันทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิค
นอกจากเปลี่ยนชื่อ 3 ตัวเดิมแล้ว มีการเพิ่มรุ่นใหม่ล่าสุดอีก ซึ่งดังมากในยุโรป ชื่อรุ่น DS 2000 นักแข่งจะรู้จักผ้าเบรครุ่นนี้ดี เราทำตลาดโดยเรียกชื่อใหม่ว่า รุ่นฟอร์มูลา เหมาะกับรถที่ใช้ความเร็วและต้องการสมรรถนะสูง
4 WHEELS : สินค้าของเฟอโรโด ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันใดบ้าง ?
วชิระ : สินค้าของเฟอโรโดมีอยู่สองกลุ่ม กลุ่มแรกผลิตจากโรงงานเฟอโรโด ประเทศไทย ซึ่งผ่านมาตรฐาน QS 9000 และ ISO 14001 ทางด้านสภาพแวดล้อม และ ISO 9002 ด้วย ส่วนสินค้าบางรุ่นต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากอาจจะมีรถที่ใช้อยู่ในเมืองไทยน้อย การผลิตผ้าเบรคหากผลิตจำนวนน้อยเกินไปก็จะไม่คุ้มกับการลงทุน จึงต้องนำเข้ามาจากประเทศอื่นแทน
ผ้าเบรคในยุโรปนอกจากมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เขาจะต้องผ่านมาตรฐาน R90 ซึ่งเป็นมาตรฐานของยุโรป จึงจะสามารถจำหน่ายในยุโรปได้ ซึ่งทางยุโรปเขาใส่ใจในสภาพแวดล้อมมาก ส่วนมาตรฐานของโรงงานเฟอโรโดในเมืองไทย เรามั่นใจว่าผ้าเบรคทุกตัวของเฟอโรโดในเมืองไทยต้องผ่านมาตรฐาน R90 ด้วยเช่นกัน
4 WHEELS : ปัจจุบันเฟอโรโด มีส่วนแบ่งตลาดมากน้อยแค่ไหน ?
วชิระ : ความต้องการของตลาดผ้าเบรคในเมืองไทยอยู่ที่ปีละ1.5 ล้านชุด ประมาณ 50 เปอร์เซนต์ จะเป็นตลาดล่าง ใช้ผ้าเบรคราคาถูกมาก อีก 35 เปอร์เซนต์ จะเป็นตลาดพรีเมียม และตลาดกลาง ส่วนอีก 15 เปอร์เซนต์ จะเป็นกลุ่มผู้ใช้ของแท้ ถ้าดูในภาพรวมทั้งหมดแล้ว เฟอโรโดมีแค่ 8 เปอร์เซนต์ แต่ในตลาดระดับสูงกับตลาดกลาง เราจะมีส่วนแบ่งประมาณ 25 เปอร์เซนต์
ในยุโรปและอเมริกา เฟอโรโดจะมาเป็นอันดับ 1 ส่วนในอเมริกา เขาไม่ได้ทำผ้าเบรคในแบรนด์เฟอโรโด จึงไม่ทราบว่าเท่าไหร่ ส่วนในเอเชียที่ผ่านมายังไม่เคยมีการวัดว่าเฟอโรโด อยู่ในระดับไหน
4 WHEELS : มองอนาคตของ PARTS POINTไว้อย่างไร จะมีสินค้าเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน ?
วชิระ : เราเริ่มต้นจากการจำหน่ายผ้าเบรคเฟอโรโดอย่างเดียว ต่อมาได้เปลี่ยนรูปแบบให้เป็นแบบการบริการที่ครบวงจร มีสาขาที่ให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น สินค้าของ PARTS POINT ตอนนี้มีมากถึง 52 รายการแล้ว รวมทั้งมอเตอร์ไซค์ด้วย นอกจากนี้เรายังมีเครื่องตั้งศูนย์และเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆ จำหน่ายด้วย 2 ปีที่เราเปิดธุรกิจนี้ขึ้นมา นอกจากให้บริการกับลูกค้าทั่วไปแล้ว ลูกค้าในกลุ่มของ ฟอร์ด และมาซดา ก็ให้บริการ เราเป็นบริษัทในเครือของ ฟอร์ด ลูกค้าหลายรายอาจจะคิดว่าเรายังใหม่ แต่เราพยายามจะให้ PARTS POINT มีการให้บริการที่ครบ ลูกค้าต้องการอะไรเรามีหมด
นอกจากธุรกิจในประเทศแล้ว เรายังทำธุรกิจส่งออกด้วย ยอดขายประมาณ 25 เปอร์เซนต์ มาจากการส่งออก ซึ่งตัวเลขในการส่งออกของเราเพิ่มขึ้น สินค้าที่เราส่งออกหลายตัวเราซื้อจากโรงงานคนไทย และช่วยสนับสนุนคนไทยด้วย ในอนาคตถ้าสินค้าในโรงงานไทยมีมาตรฐานเพิ่มขึ้น เราจะมีสินค้าส่งออกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เรากำลังเริ่มทำน้ำยาคูลแลนด์หม้อน้ำ ซึ่งเราจะนำเข้ามาจำหน่ายผ่านทางสถานทูตออสเตรเลีย เป็นสินค้าจากประเทศออสเตรเลียที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียงมาก เน้นตลาดบน และเพิ่งมีน้ำยาคูลแลนด์หม้อน้ำสำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยเฉพาะด้วย
ส่วนอีกตัวคือ ไส้กรองน้ำมันและไส้กรองอากาศ ยี่ห้อ โคเวนทรี และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเบรต พรีเมียม 500 ซึ่งจะมีทั้งผ้าดิสค์เบรค ดรัมเบรค ใบปัดน้ำฝน สายอ่อนเบรค ซึ่งเป็นสินค้าที่เราพยายามทำตลาดด้วยเช่นกัน
4 WHEELS : วางนโยบายปีหน้าไว้อย่างไร ?
วชิระ : ในปีหน้าเราคิดว่าจะเน้นการเพิ่มสินค้ามากขึ้นโดยเฉพาะระบบรองรับต่างๆ เช่น ลูกหมากคันชักคันส่ง ต้องมีครอบคลุมมากขึ้น ส่วนทางด้านการขยายสาขาในปีหน้า จะเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 14 สาขา ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ 8 สาขา ที่กำหนดเอาไว้คือที่พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี นครปฐม และกรุงเทพ ฯ 2 แห่ง ส่วนอีกแห่งเรายังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นที่ไหน ศูนย์ใหญ่เราอยู่ที่บางนา กม. 18 ส่วนสาขาอยู่ที่ลาดพร้าว 71 และบางแค 60 สำหรับผ้าเบรคเฟอโรโด คิดว่าเราจะเข้ามาลุยในส่วนของมอเตอร์สปอร์ทมากขึ้น และเราคงจะต้องเลือกเน้นให้มีกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
4 WHEELS : อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ ?
วชิระ : สิ่งแรกคิดว่าลูกน้องทำให้ผมประสบความสำเร็จมาตลอด ถ้าเรามีลูกน้องดีมีความสามารถ จะทำให้งานที่ทำเป็นไปอย่างราบรื่น ผมเป็นคนที่ชอบฝึกลูกน้องให้เก่งทำงานแทนเราได้ เพราะจะได้มีเวลาไปคิดงานอย่างอื่นเพิ่มเติม
ส่วนที่สองคือเจ้านาย ผมได้เจ้านายดีมาตลอด ที่ผ่านมาจะทำงานร่วมกับเจ้านายฝรั่ง มีไม่กี่ครั้งที่ได้เจ้านายคนไทย ดังนั้นผมจะเรียนรู้วิธีการทำงานของคนไทยและฝรั่งมาผสมผสานกัน ผมเป็นตัวกลางที่ทำให้ลูกน้องทำงานร่วมกับฝรั่งได้ เพราะลูกน้องหลายคนยังไม่เคยทำงานกับฝรั่งมาก่อน อาจจะยังไม่รู้ว่าฝรั่งต้องการอะไร ขณะเดียวกันเราต้องปรับวิธีการสื่อสารใหม่ที่ทำให้ฝรั่งเข้าใจเราได้ง่ายขึ้นด้วย
ประวัติการทำงาน
หลังจากเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ ลาดกระบัง ในปี 2529 และระดับปริญญาโท ทางด้านบริหารธุรกิจ (MBA) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เริ่มทำงานที่แรกที่วิทยุการบิน ในซอยสวนพลู ได้ประมาณ 4 ปี จึงเปลี่ยนมาทำงานทางด้านงานขายอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด หลังจากอยู่ที่นั่นได้ประมาณ 2-3 ปี จึงย้ายมาอยู่ที่โมโตโรล่า ประเทศไทย ซึ่งยังทำงานเกี่ยวกับระบบสื่อสารเหมือนเดิม คอยช่วยดูแลทางด้านตัวแทนจำหน่าย
จากนั้นเริ่มเข้าสู่วงการรถยนต์โดยเข้ามาทำงานที่ โรเบิร์ท บอส ซึ่งมีทั้งเครื่องเสียงและอะไหล่รถยนต์ด้วย ประมาณ 4 ปี จึงขอย้ายมาอยู่ที่ เบนดิกซ์ ประเทศไทย ดูแลงานด้านโรงงานผ้าเบรค ได้ 3 ปี จึงย้ายมาอยู่ที่ บริษัท เอซีเอสจี (ประเทศไทย) จำกัด ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ดูแลงานในส่วนของ PARTS POINT
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
ภาพโดย : อธิปัตย์ วัชรนุกูลเกียรติ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55860