เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2002 สนาม 5
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP สนาม 5 ย้ายมาแข่งขันกันใน ไซปรัส (CYPRUS) บนสภาพเส้นทางสุดโหดส่วนทางราดยางเรียบๆ ที่เคยวิ่งกันในสนาม 3 และ 4 จะไม่มีให้เห็นอีกแล้วในสนามนี้ เพราะที่นี่มีแต่ทางลูกรังที่ทั้งแห้งและเต็มไปด้วยฝุ่น แล้วแปรสภาพเป็นโคลนหนา หลังจากพายุถล่มลงมาอย่างหนักจนสุดท้าย เหลือรถจบการแข่งขันในสภาพทุลักทุเลเพียงแค่ 32 คันเท่านั้น !
การแข่งขันในรายการ ไซปรัส แรลลี (CYPRUS RALLY) เลกแรก เริ่มต้นขึ้นในตอนเช้าของวันที่มีสภาพอากาศที่แห้งและเต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งเหล่านักแข่งฝีมือสุดยอดหลายคนต้องออกจากการแข่งขันหลังจากฟาดฟันกันบนถนนลูกรังได้ไม่นานนัก ซึ่งวันนี้ เป็นการเริ่มต้นไล่ล่าหาตำแหน่งผู้นำใน 6 สเตจแรก โดยเปิดให้เซอร์วิศรถ หลังจากจบสเตจ 3 แล้วเท่านั้น
และหนึ่งในนักแข่งฝีมือเยี่ยมที่ต้องออกจากการแข่งขันก็คือ การ์โลส เซนซ์ (CARLOS SAINZ)เนื่องจากเพลาขับข้างขวารวมถึงระบบบังคับเลี้ยวของเจ้า ฟอร์ด โฟคัส คันเก่งเกิดพังขึ้นมาหลังจากออกสตาร์ทสเตจ 1 ได้เพียง 7 กม. นั่นหมายถึง เขาต้องขับประคองไปเรื่อยๆ ให้จบสเตจ 3เพื่อนำรถเข้าไปซ่อมแซม "แขนของผมปวดไปหมด แต่ก็ช่างเถอะ ผมยังพอทนได้" โชคดีที่ทีมเซอร์วิศใช้เวลาแค่ 15นาทีในการเปลี่ยนเพลา ทำให้ เซนซ์ สามารถกลับเข้าแข่งขันได้อีกครั้ง แต่ก็จบสเตจ 6 ด้วยเวลาห่างจากผู้นำถึง 6 นาที
ถึงอย่างไร ทีม ฟอร์ด ก็ยังมีข่าวดีให้เห็น เพราะ คอลิน แมคเร (COLIN McRAE) ทำเวลาได้ดีและจบการแข่งขันเลกแรก ในอันดับ 1 โดย แมคเร ชนะในสเตจ 1 ก่อนถูกหนุ่มน้อยวัย 21 ปี ฟรองซัวส์ ดูวัล(FRANCOIS DUVAL) เพื่อนร่วมทีม แย่งอันดับ 1 ไปครองได้ในสเตจถัดมา ต่อจากนั้นตำแหน่งผู้ชนะก็ตกมาอยู่ในมือของมาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTINE) เพื่อนร่วมทีมอีกคน แต่สุดท้าย ด้วยฝีมือชั้นยอดของ แมคเรเขาก็แย่งตำแหน่งผู้นำกลับมาในสเตจ 4 และก็ไม่คืนให้ใครอีกเลยจนจบสเตจ 6
ส่วนทีม เปอโฌต์ แชมพ์สนามที่แล้ว ดูไม่ค่อยถูกชะตากับทางฝุ่นสักเท่าไหร่ คนที่ทำเวลาได้ดีที่สุดคือ มาร์คุสโกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) เขาจบการแข่งขันในตำแหน่งที่ 2 ส่วน ฮาริ โรวันเปรา (HARRIROVANPERA) เพื่อนร่วมทีม อยู่อันดับ 6 และแย่ที่สุดในทีม คือ ริชาร์ด เบิร์นส (RICHARD BURNS) ซึ่งจบเลกแรกในอันดับ 9
นักแข่งอีกคนที่ยังทำได้ไม่ดีนัก เห็นจะเป็น อลิสเตอร์ แมคเร (ALISTER McRAE) จากทีม มิตซูบิชิรถของเขามีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรคขณะวิ่งอยู่ในสเตจ 2 แถมเพลาขับยังมาเสียในสเตจสุดท้ายอีก ทำให้ แมคเรผู้น้อง ห่างจาก คอลิน แมคเร พี่ชายของเขา ถึง 4 นาที 42.2 วินาที และ ฟรองซัวส์ เดอเลอกูร์ (FRANCOISDELECOUR) ยังตอกย้ำความพ่ายแพ้ ด้วยอันดับที่ 15 ส่วนเพื่อนร่วมทีมอีกคน จานิ ปาโซเนน (JANIPAASONEN) อยู่อันดับ 14
สำหรับทีมที่พลิกความคาดหมายเล็กๆ ก็คือ สโกดา หลังจาก เคนเนธ เอริคสัน (KENNETH ERIKSSON)จบเลกนี้ในอันดับ 6 "ทางลูกรังดูจะเหมาะกับ อกตาวีอา มากกว่าถนนราดยาง" แต่ เอริคสัน กลับไม่ยอมบอกว่าระหว่างทางลูกรังกับทางราดยาง เขาชอบแบบไหนมากกว่ากัน ?!?
อีกทีมที่ทำได้ดีไม่แพ้กันคือ ทีม ฮันเด...เฟรดดี โลซ์ (FREDDY LOIX) พยายามอย่างเต็มที่ จนสามารถคว้าตำแหน่งที่7 มาครองได้ ขณะที่ อาร์มิน ชวาร์ทซ์ (ARMIN SCHWARZ) ตามมาเป็นอันดับ 10 แต่น่าเสียดายที่รถของ จานิคังคูเนน (JANI KANKKUNEN) ต้องออกจากการแข่งขัน เพราะอ่างน้ำมันเครื่องแตก ในช่วงสเตจ 4 ไปสเตจ 5
เข้าสู่ 8 สเตจต่อมา ในวันที่สองของการแข่งขัน หลังจากรถแข่งคันแรกวิ่งผ่าน โฟอีนี (FOINI) ไปยังโคอีลีนีอา (KOILINIA) พายุฝนก็กระหน่ำลงมา ทำให้ถนนเสียหาย และกลายเป็นฝันร้ายของรถคันต่อๆ มา ท้ายที่สุดก็ต้องยกเลิกสเตจ 14 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้ายไป วันนี้จึงเหลือแค่ 7 สเตจเท่านั้น
แต่ทางสุดโหดก็ไม่สามารถหยุด คอลิน แมคเร ได้ วันนี้เขายังครองตำแหน่งผู้นำเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แมคเรทำได้ดีเกือบทุกสเตจ ถึงมี โกรนโฮล์ม ไล่ตามมาติดๆ แต่สุดท้าย แมคเร ก็ทิ้ง โกรนโฮล์ม ไปอีก 26.2 วินาที"สภาพเส้นทางแย่มากเพราะฝนตก แถมถนนยังขรุขระอีก ทำให้ขับยากมากแต่นี่ก็เป็นตำแหน่งที่ดีสำหรับพวกเราในวันนี้"
ส่วนทีมที่ยังไปไม่ถึงดวงดาวสักทีเห็นจะเป็นทีม มิตซูบิชิ เพราะดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเอาเสียเลยเรื่องวุ่นๆเริ่มจากรถของ ปาโซเนน ต้องออกจากการแข่งขัน หลังจากใต้ท้องรถไปกระแทกกับหินจนระบบบังคับเลี้ยวเสียหาย ส่วน อลิสเตอร์ แมคเร ต้องหยุดแข่ง เนื่องจากพายุฝนเทลงมาอย่างหนัก ใน สเตจ 12จึงเหลือเพียง เดอเลอกูร์ ที่จบเลก 2 ในอันดับ 14 เพราะเขาเสียเวลาไปกว่า 6 นาทีในสเตจ 12 เนื่องจากใบปัดน้ำฝนหัก"ใบปัดหยุดทำงานตั้งแต่ก่อนจบสเตจ 11 เราพยายามซ่อมมัน แต่แขนสำหรับยึดใบปัดหักจนซ่อมไม่ทันเลยต้องแข่งสเตจ 12 ที่มีพายุฝน โดยไม่มีใบปัด น้ำฝนน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่โคลนนี่สิ ทำให้เราต้องหยุดเพื่อเช็ดกระจกถึง 2 ครั้ง" เดอเลอกูร์ หัวเสียกับเรื่องนี้มาก
อีกทีมที่ต้องออกจากการแข่งขันในสเตจ 12 คือ ฮันเด เพราะรถของ โลซ์ เกียร์พัง ส่วนรถของ ชวาร์ทซ์ไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 9 หลังจากเมื่อวานนี้ เขาจบการแข่งขันในอันดับ 10
มาที่ทีม ซูบารุ บ้าง...มาคิเนน จบการแข่งขันในวันนี้ด้วยอันดับ 3 และเพื่อนร่วมทีมของเขา เพทเทร์โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) ทำเวลามาเป็นอันดับ 8 ห่างจาก แมคเร 2 นาที 40 วินาที
วันสุดท้ายในเลก 3 เริ่มต้นพร้อมกับความตื่นเต้นของทีม ฟอร์ด เพราะถ้า แมคเร ยังทำได้ดีในวันนี้เขาจะคว้าแชมพ์สนามนี้ไปครองทันที แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น...
แมคเร ยังคงทำเวลาได้เป็นอันดับ 1 ในสเตจแรกของวันนี้ แต่ต่อมา ในสเตจ 16ดูเหมือนตำแหน่งแชมพ์ประจำสนาม ที่เขาหมายมั่นปั้นมือ กำลังจะหลุดลอยไป หลังจากรถของเขาคว่ำไม่เป็นท่าจนต้องเสียเวลาไปมาก "ในช่วง 2 กม. สุดท้าย ผมตัดเข้าโค้งขณะที่รถอยู่ในเกียร์ 2" แมคเรเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง"รถคว่ำแล้วพลิกเอาล้อกลับมาแตะพื้นอีกครั้ง แต่หลังจากเราขับต่อ ก็รู้ว่าระบบบังคับเลี้ยวพังซะแล้ว"และนั่นก็มากพอที่จะทำให้โกรนโฮล์ม แย่งตำแหน่งผู้นำจากเขาไป...แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ต่อมาในสเตจ 17 ระบบบังคับเลี้ยวของรถ แมคเร ก็พังอีก เขาจึงถูก โกรนโฮล์ม ทิ้งออกไปอีก 47.4 วินาทีและในสเตจ 18 รถของ แมคเร ก็พลิกคว่ำอีกครั้ง คราวนี้เสียเวลาไปอีกเกือบ 3 นาที "ขณะเข้าโค้งขวาในเกียร์ 5รถหลุดไปกระแทกกับเนินและคว่ำไปสองตลบ" แมคเร พูดถึงความผิดพลาดครั้งที่สองของเขา และเวลาที่เสียไปก็ฉุดให้เขาตกมาอยู่อันดับ 6
เช่นเดียวกับ แมคเร...รถของ มาร์ทิน เพื่อนร่วมทีม ก็คว่ำในสเตจ 16 แล้วก็มีปัญากับระบบบังคับเลี้ยวในสเตจถัดมาจึงจบการแข่งขันในอันดับ 10 ส่วน เซนซ์ ก็เจอปัญหาระบบบังคับเลี้ยวเช่นเดียวกัน และจบสเตจสุท้ายอันดับ 11
ทีมที่ยิ้มออกก็คือทีม เปอโฌต์ เพราะ โกรนโฮล์ม คว้าแชมพ์ประจำสนามนี้ไปครอง ส่วน เบิร์นส เริ่มต้นวันนี้ในอันดับ4 และขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ได้ในสเตจ 18 แม้ว่าเขาจะเสียอันดับ 2 ให้กับ มาคิเนน จากทีม ซูบารุ ในสเตจ 19 แต่เบิร์นส ก็เข้ามาเป็นอันดับ 1 ในสเตจสุดท้าย และก็คว้าอันดับ 2 ของรายการไปครองในที่สุด"รถของเราไม่มีปัญหายุ่งยากมากนัก เลยทำให้เราทำเวลาเข้าใกล้ผู้นำมากขึ้น และจากความผิดพลาดของ แมคเรก็มากพอที่จะทำให้เราคว้าแชมพ์ในสนามนี้" หวังว่า แมคเร คงไม่ได้ยินประโยคนี้เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เขาเสียดายโอกาสคว้าแชมพ์ที่เขาทิ้งไป เพิ่มขึ้นไปอีก !
ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ มาคิเนน ไปอย่างไม่เต็มใจนัก "รถของเราเสียหลัก เราเลยเสียเวลาไปนิดหน่อย"นั่นทำให้เขาช้ากว่า เบิร์นส ไปเพียง 2.2 วินาทีเท่านั้น ส่วน โซลเบร์ก ไต่จากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 5หลังจบการแข่งขัน
ผลการแข่งขัน WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2002
[table]อันดับ ,ผู้ขับ, คะแนนสะสม (สนาม 1-4), คะแนน (สนาม 5), คะแนนรวม
ชนะเลิศ, มาร์คุส โกรนโฮล์ม ,21, 10 ,31
รองอันดับ 1 ,กิลเลส ปานิซซี ,20, 0, 20
รองอันดับ 2, ริชาร์ด เบิร์นส, 13 ,6 ,19
รองอันดับ 3, ทอมมี มาคิเนน, 10, 4 ,14
รองอันดับ 4, ฮาริ โรวันเปรา, 6, 3, 9[/table]
เรื่องโดย : สุรเชษฐ์ เทียนทอง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55584