ท่านั่งขับ และการจับพวงมาลัย

ถ้าคุณเพิ่งจะเริ่มขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ บางทีคุณอาจจะมีคำถามคั่งค้างในใจมากมายเช่น จะทำอย่างไร ? ในลักษณะเช่นนี้เราจะพยายามไขข้อข้องใจให้คุณได้รับทราบคำตอบที่ถูกต้อง เริ่มต้นด้วย "ตำแหน่งท่านั่งขับที่ถูกต้อง" ซึ่งผู้เริ่มต้นใหม่ทุกคนจะข้ามขั้นตอนนี้ไปไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นบันไดขั้นแรกที่คุณต้องเรียนรู้ก่อนจะก้าวไปสู่บันไดขั้นอื่นๆ ของเทคนิคการขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ บทเรียนแรก จัดตำแหน่งของสะโพก ต้องให้ตำแหน่งของสะโพกแนบสนิทกับส่วนของพนักพิงหลัง โดยให้สะโพกสอดเข้าไปในช่วงต่อของเบาะให้ลึกและนั่งได้มั่นคง ขณะเดียวกันเท้าก็ต้องเหยียบแป้นคลัทช์ได้จมสุดแนบพื้นรถ โดยไม่ต้องเหยียดขาออกจนสุด ซึ่งจะช่วยให้การเหยียบคลัทช์เป็นไปอย่างสบาย เมื่อขับอยู่บนเส้นทางวิบาก สำหรับเกียร์อัตโนมัตินั้น ให้วางเท้าซ้ายบนแป้นพักเท้า และต้องแน่ใจว่าเลื่อนเบาะเข้ามาในตำแหน่งที่ช่วยประคองลำตัวท่อนล่างได้อย่างมั่นคง และช่วยให้คุณเหยียบแป้นพักเท้าได้อย่างมั่นใจด้วย หากแผ่นหลังท่อนล่างไม่ได้รับการประคองอย่างดีแล้ว เมื่อรถต้องวิ่งไปบนถนนที่มีพื้นผิวไม่เรียบ จะเป็นสาเหตุให้ตัวคุณเลื่อนหรือลื่นไถลไปตามเบาะ และยังเป็นเหตุให้คุณเหยียบแป้นบังคับต่างๆ ได้ไม่ถนัด ทำให้การขับและการบังคับทิศทางพวงมาลัยดูงุ่มง่ามมาก เมื่อสะโพกของคุณอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ก็ถึงตอนที่คุณพร้อมที่จะปรับตำแหน่งร่างกายท่อนบนของคุณแล้ว โดยการเหยียดแขนตรงไปข้างหน้าแล้วจับพวงมาลัยในตำแหน่ง 10.10 น. และต้องแน่ใจว่า ได้ปรับที่เอนพนักพิงเบาะไปจนกระทั่งคุณมีช่วงงอข้อศอกมากพอ นั่นหมายความว่าใกล้พอที่จะจับพวงมาลัยแล้ว ยังสามารถพิงแผ่นหลังแนบเข้ากับพนักพิงเบาะได้ แม้ว่ามือของคุณจะเลื่อนไปจับที่ตำแหน่งบนสุดของวงพวงมาลัย ก็ยังมีเหลือช่วงงอข้อศอกอยู่เล็กน้อย ถ้าคุณทำตามคำแนะนำเหล่านี้แล้ว คุณจะพบว่าตำแหน่งท่านั่งขับของคุณแตกต่างไปจากท่านั่งที่คุณเคยขับมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นท่านั่งขับที่ถูกต้องสำหรับการขับรถบนเส้นทางวิบาก บทเรียนที่สอง การจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง ในขณะที่ขับรถลงจากที่เนินเขา น้ำหนักของรถจะถ่ายไปด้านหน้าของรถ หากทางที่วิ่งลงมาเต็มไป ด้วยโขดหิน แม้ว่ายางจะมีการยึดเกาะพื้นดีเพียงใด พวงมาลัยก็จะรู้สึกหนักมากแม้ว่าจะเป็นพวง มาลัยเพาเวอร์ ดังนั้นการจับพวงมาลัยที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้การบังคับควบคุมทิศทางของรถเป็นไปอย่างดี นอกจากนี้ในการขับบนเส้นทางวิบาก คุณจะได้พบกับปรากฏการณ์ที่เรียกกว่า "KICKBACK" หรือการดีดกลับของพวงมาลัย ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสภาพพื้นผิวทางเปลี่ยนไป หรือมีอุปสรรคกระแทกเข้ากับยาง ทำให้เกิดแรงส่งในทิศทางต่างๆ เกินกว่าที่คุณจะพยายามขืนพวงมาลัยไว้ได้ และเป็นสาเหตุให้เกิดแรงดึงอย่างมากบนวงพวงมาลัย ที่เรียกว่า พวงมาลัยตีกลับ ในกรณีที่ยางตีเข้ากับอุปสรรค อย่างรุนแรง พวงมาลัยจะตีกลับอย่างเร็วมากจนกระทั่งทำให้นิ้วของคนขับเคล็ดหรือหักได้ ถ้าคุณไม่มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าไว้ก่อน ดังนั้นทางที่ดีที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาจากการบาดเจ็บเช่นนี้ ขอแนะนำให้จับพวงมาลัยในตำแหน่งที่ถูกต้อง ท้ายสุดนี้ให้คุณดูคำอธิบายประกอบภาพสำหรับวิธีการจับพวงมาลัยเพื่อการหักเลี้ยวที่ถูกต้อง ซึ่งมีให้เลือกปฏิบัติ 2 แบบ อย่างที่แสดงในภาพประกอบคำบรรยาย แบบแรกจะช่วยให้คุณหมุนพวงมาลัยได้เร็วด้วยการออกแรงอย่างมาก ส่วนแบบที่สอง คุณจะหมุนพวงมาลัยจากตำแหน่งลอคถึงลอคในลักษณะซ้ำๆ แต่ละแบบใช้งานต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพทางและพื้นผิวถนน พวงมาลัยเพาเวอร์ดีดกลับ คุณอาจสมมติว่า ไม่มีการดีดกลับในรถที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ แต่เมื่อล้อคู่หน้าต้องกระแทกเข้าทันทีทันใดจนล้อเปลี่ยนแนว คุณจะรู้สึกถึงการดีดกลับ แม้จะเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ เคล็ด (ไม่) ลับในการหมุนพวงมาลัย 1. จับพวงมาลัยโดยใช้มือจับในตำแหน่งที่สูงกว่าข้อศอก แล้วให้ดึงกลับลงมาอย่างรวดเร็ว ให้ระวังอันตรายจากการไขว้กันเองของข้อศอก 2. ดันส่งพวงมาลัยขึ้นด้วยมือซ้าย กำมือขวาพอหลวมๆ แล้วเลื่อนขึ้นมาตามแนวของวงพวงมาลัย เมื่อมือทั้งสองข้างมาแตะกันที่ตำแหน่งบนสุดของพวงมาลัย จึงค่อยเคลื่อนมือขวาลง