ใส่สีใส่สัน
บทภาพยนตร์
บทภาพยนตร์เป็นปัจจัยหลักตัวหนึ่ง สะท้อนถึงความสำเร็จหรือล้มเหลวในการสร้างภาพยนตร์เนื่องด้วยเป็นตัวกำหนดทุกสิ่งอันเป็นที่มาแห่งความบันเทิงในรูปแบบนี้ ตั้งแต่ฉาก อันหมายถึงสถานที่ บุคลิกตัวละคร ความมุ่งหมายแต่ละการกระทำของตัวละคร การแสดงภาพที่มิใช่บุคคลการดำเนินเรื่องราว ไปจนถึงความคมกริบของคำสนทนา
ผมมีความสัมพันธ์กับบทภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่องและหลายปี เพราะเหิมเกริมเข้าไปทำงานในตำแหน่ง แปลบทภาพยนตร์เป็นภาษาไทยกะเขาด้วยในยุคนั้น
ผมจึงผ่านบทภาพยนตร์ดีๆ และไม่ดีๆ เป็นปี มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบเป็นปกติ แต่ทั้งชอบหรือไม่ชอบผมก็จะทำงานด้วยความสนุกสนาน ไม่มีความกดดัน นอกจากเวลาที่เป็นตัวกำหนดว่าต้องแปลให้แล้วเสร็จภายในวันนั้น วันนี้ ค่อนข้างทำให้ผมขาดสมาธิ
บางทีการเลือกคำแปลก็ผิดพลาดได้ เพราะคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่ เข้าใจเองเป็นใหญ่ แปลไปแล้วกว่าคนดูภาพยนตร์จะเข้าใจและเกิดความรู้สึก ก็ไม่ทันกับภาพที่เคลื่อนไหวไปแล้ว
ภาพยนตร์ในโบราณกาลแตกต่างกว่าภาพยนตร์ทุกวันนี้ บทภาพยนตร์ก็เปลี่ยนไปด้วยตามยุคตามสมัย และภาษาไทยที่ผู้แปลมือฉกาจนำมาใช้ก็ต้องพลิกปฏิทินออกมาสู้ โดยเลือกคำที่ทันสมัยหรือเป็นภาษาวัยรุ่น ที่นิยมพูดจากันโดยทั่วไป
โลกาภิวัตน์มีส่วนทำให้ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น ภาพยนตร์ที่เปลี่ยนไปก็เพราะต้องการเห็นการเล่าขานเรื่องราว ใกล้เคียงความเป็นจริงของชีวิตมากที่สุด ไม่ลิเกเหมือนโบราณภาพยนตร์
แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ไม่อาจเปลี่ยนขนบธรรมเนียมประเพณีของผู้คน ความเชื่อของผู้คนที่เชื่อกันมาแต่โบราณกาล
หนังจีนหนีไม่พ้น กำลังภายใน และศิลปะการต่อสู้ตามแบบจีน อันเป็นมรดกยิ่งใหญ่ของจีนบ่งบอกถึงความมีสมาธิ สติปัญญาจากลัทธิเต๋า หนังจีนจึงบอกเล่าเมืองจีนโดยการผ่านศิลปะนี้ถึงชาวโลก
"CROUCHING TIGER, HIDDEN DRAGON" ผลงานของ อัง ลี่ นำแสดงโดย โจวเหวินฟะเป็นตัวอย่างหนึ่งที่บอกถึงคนจีนได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นเรื่องที่ผมพึงพอใจเรื่องหนึ่งบทภาพยนตร์เป็นการร่วมกันทำงานของคนสามคน WANG HUI LING, JAMES SCHAMUS และ TSAI KUO JUNG และเป็นบทดัดแปลงมาจากนวนิยายโดย WANG DU LU
บทภาพยนตร์นี้เริ่มต้นฉากแรก ดังนี้
ภายนอก : ลานหมู่บ้านหยวน-กลางวัน
บรรดาผู้คุ้มกันและกุลีช่วยกันบรรทุกของเพื่อขบวนเดินทาง ขณะทำงาน เรามองข้ามทะเลสาบออกไปเห็นชายผู้หนึ่งเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมด้วยม้า กุลีคนหนึ่งจำชายคนนี้ได้
กุลี
นายหลี่มา...
มุมเฉพาะ : หลี่ มู่ ใบ๋ อายุประมาณสามสิบ ดูมีอำนาจและองอาจสมชายชาตรี
ข้างหลัง : ป้าหวู เมื่อเห็นหลี่ มู่ ใบ๋ ทิ้งของลงกับพื้นวิ่งเข้าไปในตึกด้วยความตื่นเต้น
บทภาพยนตร์นี้พอบอกได้ว่ามันเป็นตัวกำหนดทุกอย่างของภาพยนตร์ ส่งความหมายอะไรบ้างถึงผู้ดู เริ่มต้นบอกถึงตัวละครที่ หลี่ มู่ ใบ๋ (แสดงโดย โจวเหวินฟะ) เป็นผู้มีอำนาจ หล่อใหญ่และเขาเป็นผู้ที่คนในหมู่บ้านหยวนรู้จักดี ในฉากต่อมายังตอกย้ำถึงความยิ่งยงของเขาด้วยจากบทสนทนาระหว่างเขากับ หยู สุภาพสตรีงดงามอายุประมาณสามสิบต้นๆ
เขาสนทนาถึงความห่างเหินที่ยาวนาน, การบอกเล่าที่หลี่ไปทำสมาธิอยู่ที่ภูเขา ซึ่งทำให้หลี่ละการต่อสู้ไปแต่เนิ่นๆ แต่การทำสมาธิก็ไม่สามารถทำให้หลี่หมดสิ้นทางกิเลสตัณหา หรือความผูกพยาบาทหรือถึงสิ่งต่างๆ ในอดีตที่เป็นแผลของเขา
บทภาพยนตร์เรื่อง "AMERICAN BEAUTY" เขียนโดย ALAN BALL เป็นอีกเรื่องที่ผมชอบเป็นการเล่าเรื่องอย่างแหลมคม เปิดโปงชีวิตอเมริกันชนสามัญได้อย่างชัดเจน ก่อนอื่นผมอยากให้ท่านผู้อ่านเข้าใจถึงคำว่า AMERICAN BEAUTY ซึ่งหมายถึง กุหลาบอเมริกันพันธุ์หนึ่งที่เป็นดอกสีแดงใหญ่และงดงาม
ผมเดาว่า ผู้เขียนบทคงตั้งใจหมายถึง ความงดงามของชาวอเมริกันอีกต่างหาก
บทภาพยนตร์เริ่มจากการเล่าถึงอเมริกันคนหนึ่งชื่อ เลสเตอร์ เบิร์นแฮม อายุ 42 ปี (แสดงโดย เควิน สเปซีย์)
"ผมชื่อเลสเตอร์ เบิร์นแฮม นี่คือเพื่อนบ้าน นี่คือถนนของผม นี่...คือชีวิตของผมผมอายุ 42 ปี อีกไม่ถึงปีผมคงตายแน่"
"แน่ละ...ผมยังไม่รู้ชัด แต่พูดกันตรงๆ ผมน่ะตายเรียบร้อยแล้ว"
"ดูก็ละกัน, ผมชักว่าวในขณะอาบน้ำฝักบัว..."
บทภาพยนตร์บางเรื่องสวยงามอย่างยิ่ง แต่ก็ไกลไปจากชีวิตร่วมสมัยของหนุ่มสาวทุกวันนี้เป็นต้นว่าบทภาพยนตร์เรื่อง "THE SENSE AND SENSIBILITY" โดยฝีมือของ JANE AUSTEN และเป็นผลงานอีกเรื่องของผู้กำกับ อัง ลี่ ที่ผมได้เอ่ยมาแล้ว
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจได้รับความสำเร็จในต่างประเทศ แต่สำหรับเมืองไทยเก็บเงินรายได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่มี ฮิวจ์ แกรนท์ พระเอกหล่อที่สุดเป็นดาราแสดงนำ
เป็นบทที่ให้รายละเอียดค่อนข้างมาก ทั้งคิวกล้องและตัวละคร คำสนทนาที่ยืดยาวและไม่หนีไปจากบทสนทนาในหนังสือสักเท่าไร เกิดจากความต้องการให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของความโรแมนติคผสมผสานกับชีวิต ที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน
การทำความรู้จักกับบทภาพยนตร์นั้น ผมคิดว่าคงไม่มีอย่างอื่นสมควรเท่ากับ การได้ชมภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ด้วยการมีสมาธิกับการอ่านบทภาพยนตร์ (อ่านคำแปลบทภาพยนตร์) น่าจะทำให้ผู้ชมภาพยนตร์เกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาได้ และได้รับความบันเทิงเริงรมย์ไปในที่สุด
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54497