มาตรวัดตลาดรถ
ขอทันสมัยด้วยคน
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์,
เดือนสิงหาคม ปี '49 กับ '48,
ตลาดรวม ,เพิ่ม ,1.6 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,1.4 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,เพิ่ม ,7.8 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,40.8 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,ลด ,44.4 %
[/table]
เปิดให้บริการกันเป็นที่เรียบร้อย นับเป็นประวัติศาสตร์ของชาติอีกครั้งหนึ่ง สนามบินระดับนานาชาติของเรา สนามบินสุวรรณภูมิ
ที่จริงก็เปิดใช้ไปเป็นเดือนแล้ว เพียงแต่ต้นฉบับของที่นี่ ต้องส่งล่วงหน้าพอควร แต่ก็ยังอยากขอมีส่วนร่วมให้ทันสมัยสักหน่อยนะครับ
อันที่จริงสนามบินประวัติศาสตร์แห่งนี้ มีความเป็นมายาวนาน หลังจากมีการพิจารณาหาสถานที่เพื่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ เพราะสนามบินดอนเมืองติดปัญหาชุมชน ไม่สามารถขยายต่อได้ ก็เลยไปเลือกเอาที่หนองงูเห่า แต่ที่เริ่มลงมือเวนคืนที่ดินนั่น ก็ตั้งแต่ปี 2516 โน่น และหลังจากนั้น ก็มีเหตุการณ์ต่างๆ นาๆ ทำให้การตัดสินใจก่อสร้าง ล่าช้าเรื่อยมา ทั้งเรื่องทางการเมือง ภาวะวิกฤติทางการเงินของประเทศ แถมด้วยปัญหาที่ติดมาจากการเวนคืน จนมีเสียงเล่าลือ อ้างว่า ที่ดินแค่ 50 ตารางวาแต่จ่ายค่าเวนคืนให้กับบ้านตั้งห้าหลัง สนุกดีนะครับ
เริ่มก่อสร้างกันจริงๆ ก็ราวเดือนมกราคม 2545 ในเนื้อที่ทั้งหมด 324 ตารางกิโลเมตร แล้วก็มีเสียงเรื่องคอร์รัพชันตามมาเป็นระลอก เพราะงานมันใหญ่ เงินมันเยอะ ก็เลยมีคนอยากมีส่วนร่วมแยะ ว่ากันตั้งแต่เรื่องถมทราย การจัดซื้อสารพัดชนิด และเรื่องที่โด่งดังที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องสายพานลำเลียงสัมภาระ
จนท้ายสุด หลังจากฟันฝ่าการเปลี่ยนแปลงมามากมาย สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ได้ฤกษ์เปิดใช้ไปเรียบร้อย ด้วยเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 113,774 ล้านบาท
ตัวเลขมันเยอะดีนะครับ นานๆ เขียนที ชอบใจจังเลย
สนามบินแห่งนี้ มีลานวิ่ง 2 ลาน ก็อันที่เป็นข่าวว่าร้าวนั่นแหละครับ เอ หรือจะเรียกลู่วิ่งดี ความกว้าง 60 เมตร ยาว 4,000 เมตร และ 3,700 เมตร มีช่องเทียบเครื่องบินทั้งสิ้น 120 ช่อง แถมเตรียมเอาไว้สำหรับรับเครื่องขนาดใหญ่ แอร์บัส เอ 380 ได้ 5 ช่อง
ช่องเทียบเครื่องบินจะสามารถรองรับเครื่องบินได้ชั่วโมงละ 76 เที่ยวบิน
หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ สนามบินแห่งนี้จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 45 ล้านคน และรับส่งพัสดุได้ 3 ล้านตัน/ปี
ข้อมูลของสนามบินดอนเมือง ปี 2547 มีผู้โดยสารใช้บริการ 36,222,008 คน และถัดมา ปี 2548 มีผู้โดยสารใช้บริการทั้งสิ้น 37,162,241 คน และรับส่งพัสดุได้ 1,130,298 ตัน
มาดูแผนในอนาคต หลังจากสนามบินเปิดใช้ไปสัก 3-5 ปี ถ้ามีความเป็นไปได้ จะก่อสร้างลานวิ่งเพิ่มอีก 2 ลานวิ่ง รวมทั้งสร้างอาคารรับส่งผู้โดยสารเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 100 ล้านคน/ปี และพัสดุ 6.4 ล้านตัน/ปี
นั่นคือ สิ่งที่อยากบันทึกเอาไว้ ก่อนจะเข้าเรื่องมาตรวัดตลาดรถ
อันที่จริง วงการยานยนต์ก็ได้อานิสงส์เล็กน้อย นอกเหนือจากการใช้รถเพื่อการก่อสร้างแล้ว รถโดยสารสาธารณะต่างๆ ก็เพิ่มขึ้น นอกนั้นก็เป็นรถชนิดพิเศษสำหรับสนามบิน ที่แทบจะเตี้ยติดดิน ก็จำเป็นต้องสั่งเข้ามาเพิ่มเติม
ที่จริงก็ไม่เล็กน้อยนะครับ
มาเรื่องตัวเลขของเราดีกว่า เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ยอดการขายรถยนต์ก่อนการปฎิรูป เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.6 % ขายกันทั้งตลาด 53,653 คัน ในขณะที่ยอดรวม 3 ไตรมาสลดลงนิดเดียว 2.3 %
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน ยังรักษาได้เหนียวแน่น โตโยตา ขาย 21,660 คัน เพิ่มนิดเดียว 2.4 % ส่วนแบ่ง 40.4% อันดับสอง อีซูซุ ระบายสตอคเก่งกว่า ขาย 14,717 คัน เพิ่มขึ้น 15.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.4%, อันดับสาม ฮอนดา ขายสบายๆ 5,194 คัน เพิ่มขึ้น 8.1 % ส่วนแบ่ง 9.7 % อันดับสี่ มิตซูบิชิยอดหายฮวบฮาบเพราะไม่มีรุ่นใหม่ ขายแค่ 2,832 คัน ลดลงเยอะ 31.0 % ส่วนแบ่ง 5.3 % และอันดับที่ห้า นิสสัน ขายได้แค่ 2,414 คัน ยังลดลง 0.9% ส่วนแบ่ง 4.5%
แยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.4 % ขายได้ทุกยี่ห้อ 13,760 คัน รวม 3ไตรมาสยังทรงๆ ขาย 125,234 คัน เพิ่มเพียง 1.9 %
แชมพ์ประจำรุ่นได้แก่ โตโยตา ขาย 6,315 คัน เพิ่มขึ้น 4.4 % ส่วนแบ่ง 45.9 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 5,154 คัน เพิ่มขึ้น 9.5 % ส่วนแบ่ง 37.5 % ที่สาม ขนาดมีรุ่นใหม่ขายด้วย นิสสัน ขายได้แค่ 716 คัน เพิ่มเยอะ 98.9 % ส่วนแบ่ง 5.2 % ที่สี่ เชฟโรเลต์ ขาย 304 คัน ลดลง 58.9 % ส่วนแบ่ง 2.2 % และที่ห้า ฟอร์ด ขาย 273 คัน เพิ่มมหาศาล เพราะปีก่อนขายน้อย 272.0 % ส่วนแบ่ง 2.0 %
รายงานผู้เสียภาษียอดเยี่ยมประจำเดือน โพร์เช ขาย 5 คัน และ แจกวาร์ ขาย 3 คัน
รถกระบะหนึ่งตันอันดับแชมพ์ประจำเดือน คือ อีซูซุ ขายเมืองไทย 11,697 คัน เพิ่มขึ้น 15.9 % ส่วนแบ่ง 40.3 % อันดับสอง โตโยตา ขาย 11,697 คัน เพิ่ม 22.0 % ส่วนแบ่ง 36.0 % อันดับสาม มิตซูบิชินี่ก็ออกอาการเซหนัก ขาย 2,043 คัน ลดฮวบฮาบ 32.6 % ส่วนแบ่ง 6.3 %
รถเพื่อการพาณิชย์ หรือบรรทุกนั่นแหละ เพิ่ม 12.6 % ขายได้ 1,929 คัน มีแชมพ์ อีซูซุ ขาย 958 คันเพิ่ม 25.6 % ส่วนแบ่ง 49.7 % ที่สอง ฮีโน ขาย 552 คัน ลดลงเล็กน้อย 3.3 % ส่วนแบ่ง 28.6 % ที่สามมิตซูบิชิ ขาย 182 คัน เพิ่ม 7.7 % ส่วนแบ่ง 9.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ลดลง 44.4 % ขาย 1,834 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 1,264 คัน ลดลงถึง 51.2 % ส่วนแบ่ง 71.1 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 327 คัน เพิ่มขึ้น 2.2 % ส่วนแบ่ง 17.8 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 102 คัน ลดลงถึง 32.9 % ส่วนแบ่ง 5.6 %
รถอเนกประสงค์อื่น หรือรถตู้ ขายดีขึ้น ได้ 1,044 คัน เพิ่ม 11.9 % มี โตโยตา ขาย 890 คัน เพิ่ม 19.8 % เยอะสุด 85.2 %
นี่ขนาดว่าเป็นเดือนที่มีปัญหาเรื่องน้ำไหลหลากทั่วภาคเหนือ ยอดการขายรถยังสามารถทรงตัวได้ขนาดนี้ ก็ย่อมยอมรับได้ว่า สภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ได้หนักหนาสาหัสเหมือนอย่างบางคน มองกันคนละมุม
แต่ที่นี่ก็ยังเชื่อว่า ยอดการขายของเดือนต่อไป เดือนที่มีงานวันเด็กหนที่สองอยู่ที่ลานพระรูปน่ะ ยังจะสามารถทรงตัวอยู่ได้อย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับปีก่อนละน่า
ขอตัวไปถ่ายรูปกับรถถังก่อนนะครับ เดือนหน้าพบกันใหม่
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52993