มาตรวัดตลาดรถ
เรื่องของกฎหมาย
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนกุมภาพันธ์ ปี '49 กับ '48
ตลาดรวม ,ลด ,13.6 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,5.8 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,เพิ่ม ,26.2 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,41.1 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,ลด ,24.2 %
[/table]
พบกับความวุ่นวายกันพักใหญ่แล้วนะครับ แต่ยอดการขายหนนี้เป็นของเดือนกุมภาพันธ์ที่ยังไม่เริ่มต้นชุมนุมกัน ตัวเลขก็ยังคงเพิ่มฉลุยแม้ว่าบางค่ายจะเริ่มเกลี่ยตัวเลขที่โกยเอาไว้ตอนปีก่อนแล้วก็ตามที
ยอดรวมทั้งตลาดเพิ่ม 13.6 % ทำตัวเลขกันได้ 53,447 คัน ยิ้มแย้มแจ่มใสกันถ้วนทั่ว
แต่ก่อนจะเข้าเรื่องราวหนนี้ ขออนุญาตระบายความอยากบ่นสักหน่อยนะครับก็เรื่องกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์ของเราๆ ท่านๆ นั่นแหละ เอาไปดัดแปลงกันจนน่ารำคาญ
เริ่มด้วยส่วนของพื้นขาวบนป้ายทะเบียน ก็ออกแบบเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด อย่างเมืองตรังก็ทำเป็นรูปปลาพะยูนเป็นพื้นหลัง ส่วนตัวเลข ตัวอักษร ก็เอาไว้คงเดิม
เชียงใหม่ก็ทำเป็นรูปพระธาตุดอยสุเทพ เป็นแนวทิวเขายาวตลอด
ล่าสุดนี่ก็เพิ่งเห็นของกรุงเทพ ฯ เมืองฟ้าอมร ทำเป็นลายเส้นรูปพระบรมมหาราชวัง เป็นพื้นหลัง
นี่ทำเฉพาะพื้นหลัง ไม่ได้ดัดแปลงตัวป้าย
ส่วนพวกที่ดัดแปลงตัวป้ายทะเบียน ก็ทำเป็นกรอบยาวสีขาว ให้เต็มพื้นที่ติดด้านหลังตัวรถซึ่งจะต้องตัดตัวป้ายให้เล็กลง บางคันก็ติดทั้งหน้า/หลัง บางคันก็ทำเฉพาะข้างหลัง
ที่ทำๆ กันน่ะมันผิดเต็มประตู ผิดกฎหมายนะครับ ดัดแปลงกรอบป้ายทะเบียนเหมือนกับหนก่อนทำเป็นพลาสติคหุ้ม นั่นก็ไล่จับกันไปหนหนึ่งแล้ว
ส่วนพวกที่ดัดแปลงป้ายทะเบียน หนนี้ก็เห็นแถวด่านเก็บเงินทางด่วนท่านเจ้าหน้าที่ท่านเรียกจอดคุยด้วยหลายคันแล้ว
ก็ฝากเตือนกันมา ท่านเจ้าหน้าที่ท่านเรียกเมื่อไร งานนี้ไม่ค่อยจะมีใบเสร็จเสียด้วยสิครับ
อีกเรื่องหนึ่งก็อุปกรณ์ตกแต่ง ที่เดี๋ยวนี้นักการตลาดงัดเอาไอเดียบรรเจิดแถมที่ครอบกระจกมองข้างแบบมีสัญญาณไฟเลี้ยวติดอยู่ด้วยทั้งที่ตัวรถก็มีสัญญาณไฟเลี้ยวด้านข้างตัวรถอยู่แล้ว
ถ้าไปติดเองโดยไม่รู้ นั่นก็ไปอย่าง แต่นี่เป็นอุปกรณ์ที่แถมโดยบริษัทผู้ขายรถยนต์โดยตรงแถมลงโฆษณากันเอิกเกริก ทำเป็นว่าไม่รู้ไม่ชี้
นี่ก็ผิดกฎหมายอีกแหละครับ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า ด้านข้างตัวรถจะมีสัญญาณไฟเลี้ยว-หนึ่งดวง-แล้วเอาไปติดบนที่ครอบกระจกมองข้างอีกอันเท่ากันบนรถของท่านมีสัญญาณไฟเลี้ยวด้านข้างตัวรถ-สองดวง-นะครับ
และเช่นกัน ท่านเจ้าหน้าที่ท่านเรียกเมื่อไร ก็คงไม่มีใบเสร็จอีกเช่นเคย
เคยจำเรื่องประเภทของรถกระบะที่นำมาจดทะเบียนรถยนต์นั่งได้ไหมครับ ว่าแต่ก่อนน่ะต้องมีเก้าอี้นั่งในกระบะหลัง ถึงจะจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งได้ แล้วพอจดทะเบียนได้แล้วก็เอาเก้าอี้นั่งในกระบะหลังออก เหลือแต่กระบะโล่งๆ
ท่านเจ้าหน้าที่ท่านเห็นเป็นเรื่องสนุก ตั้งด่านตรวจกันเมื่อไร เห็นรถกระบะที่ทะเบียนรถยนต์นั่งจอดต่อแถวกันยาวเหยียด
กว่าจะยอมอะลุ้มอล่วยให้จบเรื่องกันได้
ที่บ่นๆ มานี่ไม่ใช่อะไร ท่านเห็นว่าเป็นการตกแต่งรถของท่านให้สวยสดงดงามตามแต่ละจินตนาการของแต่ละบุคคล แต่ท่านเจ้าหน้าที่ท่านมีกฏ ระเบียบอยู่ในมือจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้ หรือจะกวักมือเรียกให้ท่านไปคุยด้วยก็ได้ แล้วแต่อารมณ์
แต่เชื่อได้เลยว่าคุยเรื่องพวกนี้ ไม่ค่อยจะมีใบเสร็จหรอกครับ
จึงเรียนมาด้วยความเคารพ
กลับมาเรื่องตัวเลขของเราดีกว่า ยอดรวมของรถที่ขายกันในเดือนกุมภาพันธ์ เจริญเติบโต 13.6 % ขายกันทั้งตลาด 53,447 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน เช่นเคย โตโยตา ขาย 21,417 คัน เพิ่ม 21.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 40.1 %อันดับสอง อีซูซุ ขนาดขายแต่กระบะ ขายได้ 14,590 คัน เพิ่ม 27.1 % ส่วนแบ่ง 27.3 % อันดับสาม ฮอนดา ฟื้นตัวมาเล็กน้อย ขายได้ 5,253 คัน เพิ่ม 30.3 % ส่วนแบ่ง 9.8 % อันดับสี่ นิสสัน ขายลดลงเล็กน้อย ได้ 3,027 คัน ลดลง 15.1 % ส่วนแบ่ง 5.9 % อันดับห้า ลดลงเหมือนกัน มิตซูบิชิ
ขาย 2,726 คัน ลด 15.9 % ส่วนแบ่ง 5.1 %
มาถึงตลาดรถยนต์นั่ง ที่อัดแคมเปญกันสนุกสนาน เหมือนกับที่เคยเขียนเอาไว้ว่าเดี๋ยวนี้ถอยรถป้ายแดงออกจากห้าง ไม่ว่ายี่ห้อไหน รุ่นอะไร ท่านจะได้รับประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี เป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำรถไปแล้ว
ยอดการขายก็ได้ไล่เลี่ยกับปีก่อน ลดลงนิดเดียว 0.1 % ขายได้ 13,452 คัน ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ขาย 6,114 คัน เพิ่ม 1.2 % ส่วนแบ่ง 45.5 % ที่สอง ฮอนดา ยอดเพิ่มเพราะ ซีวิค ใหม่ ขาย 5,172 คัน เพิ่มขึ้น 34.1 % ส่วนแบ่ง 38.4 % ที่สาม นิสสัน ขายลดลง 549 คัน ลด 31.7 % ส่วนแบ่ง 4.1 % ที่สี่ ฟอร์ด ขาย 362 คัน เพิ่มเยอะ 320.9 % ส่วนแบ่ง 2.7 % และที่ห้า เชฟโรเลต์ ขาย 296 คัน
ลดลง 29.7 % ส่วนแบ่ง 2.2 %
ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม โพร์เช ขายได้ 12 คัน และ แจกวาร์ ขาย 8 คัน แถมด้วยรถสหกรณ์ในอดีตเพิ่งมาจดทะเบียน 1 คัน อีซูซุ
มาถึงรถกระบะ 1 ตัน ที่เริ่มต้นไตรมาส 2 กันแบบรุนแรง เมื่อยักษ์ใหญ่ค่ายวิภาวดีรังสิตขยับตัวเพราะมีน้องใหม่ออกกระบะรุ่นใหม่มา 2 ยี่ห้อ พี่ใหญ่ก็เลยอัดแคมเปญ ทั้งแถม ทั้งชิงโชครถยนต์อีก 5 คัน เป็นการสกัดดาวรุ่งเอาไว้ก่อน เล่นเอาค่ายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย เซไปตามๆ กัน
แต่อย่างว่าแหละนะครับ คนซื้อก็เลือกกันสุดใจเหมือนกัน
ตัวเลขการขายเดือนนี้ 30,910 คัน เพิ่ม 26.2 % ตำแหน่งแชมพ์ อีซูซุ 12,736 คัน เพิ่ม 31.5 % ส่วนแบ่ง 41.2 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 10,503 คัน เพิ่ม 71.4 % ส่วนแบ่ง 34.0 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,340 คัน ลดลง 11.4 % แต่ส่วนแบ่งอยู่ที่ 7.6 %
รถเพื่อการพาณิชย์อื่นๆ ยอดเพิ่มขึ้นมาเยอะ 25.6 % แต่ตัวเลขทำได้แค่ 2,950 คัน โดยมีเจ้าตลาดอีซูซุ ขาย 920 คัน เพิ่ม 10.6 % ส่วนแบ่งตลาด 31.2 %, ที่สอง ฮีโน ขาย 823 คัน เพิ่ม 27.0 % ส่วนแบ่ง 27.9 % และที่สาม โตโยตา ขาย 752 คัน เพิ่มนิดหน่อย 27.9 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม ลดลง 24.2 % ขาย 2,373 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 1,413 คัน ลดลงถึง 36.9 % ส่วนแบ่ง 59.5 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 610 คัน ส่วนแบ่ง 25.7 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 114 คัน ลด 48.2 % ส่วนแบ่ง 4.8 %
นั่นคือสภาพตลาดรถยนต์ก่อนเริ่มมีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่เราท่านต่างก็ต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป
ก็ได้แต่หวังว่าคงจะจบลงด้วยดีนะครับ เพราะมันกระทบถึงตลาดรถยนต์เอาเรื่องเลยทีเดียว
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52817