มาตรวัดตลาดรถ
นิวไฮ อีกครั้ง
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนธันวาคม ปี '48 กับ '47
ตลาดรวม ,เพิ่ม ,6.3 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,9.3 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,เพิ่ม ,8.6 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,43.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,เพิ่ม ,108.4 %
[/table]
เปิดแชมเปญฉลองความสำเร็จกันหรือยังครับ ยอดการขายประจำเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ทำสถิตินิวไฮ หรือสูงสุดอีกครั้ง นับแต่ฟองสบู่แตกเป็นต้นมา
ขายกันเดือนเดียวได้ 77,856 คัน เพิ่มเล็กน้อย 6.3 % แต่ยอดรวมประจำปี ไชโยโห่ฮิ้วกันเป็นทิวแถวเพิ่มสูงกว่าคาดการณ์ 12.4 % ขายได้ทั้งตลาด 703,405 คัน
ต้องอย่าลืมว่า เมื่อปลายปี 2546 ต่อเนื่องต้นปี 2547 ภาคใต้ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์ "สึนามิ"อย่างน้อยที่สุดก็ 6 จังหวัด เรียกได้ว่าซึมเศร้ากันไปหมด บริษัทรถยนต์ก็ได้แต่อึ้งต้องส่งคนไปช่วยซ่อมแซมรถกันใหญ่
ถัดมาก็เหตุการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่เริ่มวุ่นวายกันเป็นระบบ เรียกว่ายิงถล่มกันทุกวันโชว์รูมรถยนต์ก็ได้แต่นั่งตบยุง จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่สงบ
ขึ้นมาทางเหนือกันบ้าง ก็เจอเอาเหตุการณ์ครั้งแรกในชีวิต แม่น้ำปิง ท่วมจังหวัดเชียงใหม่ แถมมี 2รอบอีกต่างหาก คนที่เขาลงคะแนนเสียงให้ฟากรัฐบาล ถล่มกันในเวบบอร์ดสนุกสนานถัดมาก็น้ำป่าเล่นงานแม่ฮ่องสอน แล้วน้ำก็ท่วมไล่เลียงเรื่อยมาโชว์รูมรถยนต์ก็ต้องออกไปช่วยรถที่ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน ไม่เป็นอันต้องขายรถกัน
แต่ในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไร ภาคการผลิตกลับได้รับอานิสงส์เพราะขายสินค้าได้ราคาดีเพิ่มขึ้น ทำให้มีกำลังใจจะมาถอยรถป้ายแดงไปใช้เพิ่มขึ้น
โดยภาพรวมของเศรษฐกิจ แม้ว่าเราจะมีผลกระทบบางด้านแต่ในบางด้านก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย เรียกว่ามีทั้งดีและเสีย
ส่วนที่ดีก็มีกำลังใจจะทำงานกันต่อไป
ไม่เหมือนคนที่ทำงานอยู่หลังฉาก ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว ได้รับแต่งตั้งมาก็เหมือนหัวโขนไปขอความร่วมมือจากข้าราชการ ผู้ใหญ่ผู้โตทั้งหลาย ก็ไม่มีใครสนใจ แต่พอถึงเวลาต้องประชุมเอฟทีเอ ไทย-สหรัฐ ฯ กลับถูกต่อต้านสารพัด จนทนเป็นกระโถนท้องพระโรงไม่ไหวลาออกดีกว่า...สบายดี
ก็ขอเอาใจช่วยกับท่านที่ได้รับแต่งตั้งคนใหม่นะครับ...เอ๊ะ มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย
จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยวนะครับ ลองมองกันดูลึกๆ ว่าวงการยานยนต์ของเมืองไทยเราเนี่ย มีตัวชูโรงแค่กระบะ 1ตัน ที่โหมกระพือข่าวในประเทศ ว่าฉันส่งไปขายต่างประเทศกันแล้วนะ หลากยี่ห้อด้วยบางยี่ห้อก็ต้องใช้ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ หรือหุ้นส่วนทางธุรกิจ พะเข้าไป
ยิ่งเราส่งออกยานยนต์ไปมาก และหลากยี่ห้อเท่าไร อย่าลืมว่าฟากทางชิ้นส่วนอะไหล่หลากหลายประเภท ก็ติดสอยห้อยตาม ร่วมส่งออกชิ้นส่วนทดแทน ชิ้นส่วนบำรุงรักษา หลากประเภทหลากยี่ห้อ เจริญเติบโตไปด้วย แบบเงียบๆ ประเภทซึมลึก
แต่จะไปซึมลึกที่ใคร คงไม่ต้องพูดดังๆ นะครับ เดี๋ยว พณหัวเจ้าท่าน จะกริ้ว
ฟากทางสหรัฐ ฯ รถที่ได้รับความนิยมจำพวกรถกระบะ ไม่ใช่แบบที่บ้านเราผลิตเขานิยมประเภทตันครึ่ง แถมต้องมีพละกำลังมหาศาล ประเภทเครื่อง วี 6 ความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ซีซี นี่ขายได้สบายมาก ดังนั้น กระบะ 1 ตันบ้านเรา จึงไม่สามารถเข้าไปในตลาดยักษ์ใหญ่ได้แถมรวมเอาทางฟากแคนาดาด้วยเช่นกัน
อ้อ กฎหมายควบคุมค่าไอเสียของแต่ละรัฐ ทั้ง 52 รัฐของสหรัฐ ฯ ไม่เหมือนกันเลย อาจคล้ายกันบ้างแต่แตกต่างกันในรายละเอียด
จุ๊จุ๊...อย่าบอกใครไปนะ กระบะของเราไม่มีใครผ่านค่าไอเสียที่ว่านั่นได้สักยี่ห้อ หรือใครจะเถียงแสดงความจำนงมาได้นะครับ
สิ่งที่น่าจะเป็นผลกระทบของ เอฟทีเอ ไทย-สหรัฐ ฯ ก็คือ ชิ้นส่วนอะไหล่ ที่บางชิ้นส่วนของกระบะ 1 ตันสามารถนำไปใช้ในกระบะตันครึ่งได้ และก็เจริญเติบโตแบบซึมลึกอย่างที่ว่าแหละครับซึมลึกมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ค่ายรังสิตเริ่มส่งออกกระบะ 1 ตันเจ้าแรกโน่น
แต่อายครับ ไม่ค่อยอยากบอกใครเขา
ส่วนค่ายอื่นๆ ที่เพิ่งเริ่มกันปีแรก ก็จะค่อยๆ ทยอยได้รับอานิสงส์นี้ไปด้วย
จับตากันดูหน่อยนะครับ...อ้อ...แต่มี พณหัวเจ้าท่าน คอยดูแลอยู่แล้ว ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไรครับเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับผลกำไรขาดทุนของบริษัทนี่ครับ
กลับหลังหันมาดูเรื่องราวในเมืองไทยกันก่อน
ตีฆ้องร้องป่าว เฉลิมฉลองว่าเมืองไทยสามารถผลิตรถยนต์ได้ครบล้านคันไปเมื่อเดือนธันวาคมก็ไม่กล้าบอกว่าโรงประกอบรถยนต์โรงไหน ที่ครองตำแหน่งคันที่ 1 ล้าน กลัวเจ้าอื่นไม่จ่ายสปอนเซอร์ฮ่า แต่รายการนี้ไม่ได้ถ่ายทอดสดนะครับไม่เหมือนคนไปเดินแถวจังหวัดร้อยหนึ่ง เป็นอาทิตย์นั่นหรอก
ฟังกันแต่ข่าวกรมกร๊วก ก็มีแต่เรื่องดี เรื่องเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติจะสร้างสรรค์ให้เมืองไทยรุ่งเรืองจำเริญ ก้าวเทียมทันชาติมหาอำนาจในไม่ช้านี้
แต่พอมาอ่านหนังสือพิมพ์ เอาเล่มที่โดนปาอึ แค่ฉบับเดียวสนุกสนานเหมือนนั่งอ่านนวนิยายสมัยท่านเจ้าคุณปัจจนึก ยังไงยังงั้น
กลับมาคุยเรื่องมาตรวัดประจำปี...อุ๊ย...ประจำเดือนธันวาคม 2548 กันดีกว่านะครับ
ยอดการขายเพียงเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2548 บรรดานักการตลาดพยายามอัดค่าการตลาด หรือกดดันผู้แทนจำหน่ายกันถ้วนหน้าอย่างน้อยที่สุดก็แจ้งเข้ามาให้รู้ก่อนก็ได้ว่า ขายรถรุ่นไหนไปกี่คันแล้ว ยังไม่ต้องมีเอกสารใดๆยืนยันกลับมาก็ได้ ขอแค่ตัวเลขอย่างเดียวก็พอ
คงไม่ต้องระบุกันว่าค่ายไหนหรอกนะครับเพราะรู้สึกว่ามันเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่แพร่ระบาดมานมนาน
ยังไม่สามารถหาวัคซีนชนิดไหนมาแก้ได้เลย
ไม่เชื่อคอยดูตัวเลข 2 เดือนแรกของปีก็ได้ ว่าจะกราวกีฬากันขนาดไหน
เดือนธันวาคมเดือนเดียว ขายกันทั้งตลาดได้ 77,856 คัน เพิ่มเล็กน้อย 6.3 % สิริรวมยอดการขายทั้งปี 2548 ได้ 703,405 คัน เพิ่มจากปีก่อน 12.4 % ลบคำครหาตั้งแต่ต้นปีว่าเต็มที่ก็จะได้แค่ 6 แสน 8 เท่านั้น
แชมพ์ประจำเดือนและประจำปี โหมจัดกิจกรรมขนานใหญ่ ให้กับรถแต่ละรุ่นเดินสายทั่วประเทศเป็นว่าเล่น และก็ได้ตำแหน่งสมใจ คือ โตโยตา ขายได้ 29,261 คัน เพิ่มจากปีก่อน 12.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 37.6 % อันดับที่สอง อีซูซุ ขนาดขายแค่กระบะอย่างเดียว ได้ 17,940 คัน เพิ่มขึ้น 10.6 % ส่วนแบ่ง 23.0 % อันดับที่สาม ศรัทธายังไม่กระเตื้อง ฮอนดา ขาย 10,244 คัน น้อยกว่าเก่า 1.5 % ส่วนแบ่ง 13.2 % อันดับที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 4,777 คัน ก็ขยับเล็กน้อย 0.6 % ส่วนแบ่ง 6.1 % และอันดับที่ห้า เชฟโรเลต์ ขายดิบขายดี 3,947 คัน เพิ่มขึ้น 28.2 % ส่วนแบ่ง 5.1%
ตำแหน่งแชมพ์ประจำปี 2548 ได้แก่ โตโยตา ขาย 277,648 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจากปี 2547 18.8 % ที่สองเจ้าเก่าเช่นเดิม อีซูซุ 176,718 คัน ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม 17.9 %, ที่สาม ฮอนดา 58,515 คัน แต่ส่วนแบ่งการตลาดหดลงไป 22.0 % ที่สี่เพิ่งจะตื่น มิตซูบิชิ ได้ 47,419 คัน ส่วนแบ่งเพิ่ม 28.7 % และที่ห้าไม่มีรุ่นใหม่ๆ นิสสัน 41,868 คัน ส่วนแบ่งลดลง 10.7 %
ส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นฟากทางค่ายยุโรป ที่เจอเอาภาษีอานเข้า ราคารถพุ่งพรวด สูงปรี๊ด ลูกค้าเข้าโชว์รูมหดหาย เซลส์ออกไปทำงานค่ายอื่น สารพัดปัญหารุมเร้า
มาแยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ที่เติบโตเล็กน้อย 9.3 % เดือนเดียวขายได้ 24,553 คัน ขณะที่ยอดรวม 12 เดือนลดลง 6.7 % ขายได้ 172,958 คัน
แชมพ์ยังได้แก่ โตโยตา ขาย 9,976 คัน เพิ่ม 11.1 % ส่วนแบ่ง 40.6 % ที่สอง ตามมาติดๆ ฮอนดาขายได้ 9,937 คัน เพิ่ม 7.2 % ส่วนแบ่ง 40.5 % ที่สาม เชฟโรเลต์ ขาย 1,176 คัน เพิ่มขึ้น 44.6 % ส่วนแบ่ง 4.8 % นี่ขนาดคุณสมบัติลูกค้าไม่ผ่านไฟแนนศ์อีกเยอะนะเนี่ย ที่สี่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 764 คัน ลดลง 144.9 % ส่วนแบ่ง 3.1 % และที่ห้า ฟอร์ด ได้จากรถที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ขาย 721 คันเพิ่ม 532.5 % ส่วนแบ่ง 2.9 %
มาถึงรถกระบะ 1 ตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยังไม่มีรายการล้มแชมพ์เกิดขึ้นยังคงเป็นหนามยอกอกค่ายสำโรงต่อไป
รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก เดือนนี้ก็ขายลดลง เถ้าแก่มัวแต่ไปเที่ยวกันหมด ไม่ซื้อรถมาทำงานเดือนเดียวลดลง 1.0 % ขายได้ 3,526 คัน ขณะที่ยอดรวมทั้งปี ยังเพิ่ม 11.2 % ขายกันทั้งหมด 36,917 คัน
แชมพ์ อีซูซุ ขาย 1,040 คัน ลดลง 12.8 % ส่วนแบ่ง 29.5 %, ที่สอง ฮีโน ขาย 895 คัน ลดลงเหมือนกัน 29.2 % ส่วนแบ่ง 25.4 % และที่สาม โตโยตา ขาย 869 คัน เพิ่ม 125.1% ส่วนแบ่ง 24.6 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม เพิ่มถึง 108.4 % ขาย 5,394 คันโดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 3,885 คัน เพิ่มขึ้นถึง 8,533.3 % ส่วนแบ่ง 72.0 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 832 คัน ส่วนแบ่ง 9.0 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 216 คัน ลด 44.5 % ส่วนแบ่ง 4.0 %
รถอเนกประสงค์ หรือรถตู้นั่นแหละ เดือนเดียวขายลด 43.5 % ขาย 1,516 คัน รวมทั้งปีลด 35.5 % ขายได้ 15,866 คัน ตำแหน่งแชมพ์ เจ้าเก่า โตโยตา ขาย 932 คัน ลดลง 61.5 % ส่วนแบ่ง 61.5 %
ขออภัยนะครับที่หนนี้ร่ายมาเสียยาวเหยียด ขอให้โชคดี มีสุข เหมือนคนอยู่แถว...จังหวัดร้อยเอ็ด โน้นนะครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52765