มุมมองนักออกแบบ
โตโยตา ยารีส VS ฮอนดา แจซซ์
"แมน ดีไซจ์น" เป็นนามปากกาของ ทัศไนย ไรวา ซึ่งจบการศึกษาจากสถาบันด้านการออกแบบรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก "ART CENTER COLLEGE OF DESIGN USA" นอกจากนี้เขายังเป็นนักออกแบบรถยนต์มืออาชีพคนแรกของเมืองไทย ที่มีผลงานการดีไซจ์น และผลิตรถสปอร์ทต้นแบบของตนเองในชื่อ "RAIVA" การมองรถยนต์แต่ละคันในมุมมองของเขาจึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ฮอนดา แจซซ์ ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงจิตใต้สำนึกของคนไทยที่จะต้องเลือกซื้อรถแบบ 4 ประตูซีดาน ก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากความเชื่อเก่าๆ ที่ว่ารถ 4 ประตูซีดานดูภูมิฐานและปลอดภัยกว่ารถแบบ 5 ประตู ที่ไม่มีด้านหน้าและด้านท้ายที่ยื่นออกมา แต่สำหรับเทคโนโลยีปัจจุบัน รถทั้ง 2แบบมีโครงสร้างนิรภัยที่ให้ความปลอดภัยเทียบเท่ากันแล้ว
การที่ผลสำรวจความนิยมของรถแบบ 4 ประตู ลดลง น่าจะมาจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ราคาน้ำมันที่บังคับให้รถยนต์ต้องมีขนาดเล็กลง และประหยัดขึ้น คนรุ่นใหม่ต้องการรูปแบบรถยนต์ใหม่ๆที่ตอบสนองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในยุคปัจจุบัน รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 5 ประตูจึงสามารถแจ้งเกิดในบ้านเราได้อย่างเต็มตัว หลังจากที่กล้าๆ กลัวๆ กันอยู่หลายปี เริ่มจาก ฮอนดา ซิที ที่อุตส่าห์นำเอา แจซซ์ ซึ่งเป็นรถแบบ 5 ประตู ที่ประสบความสำเร็จในยุโรป และญี่ปุ่นมานานหลายปีนำมาดัดแปลงแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่ทราบ โดยการยืดหน้าและยืดท้ายออกมาให้เป็นรถ 4 ประตูซีดาน สำหรับตลาดเมืองไทยโดยเฉพาะ เรียกว่าถึงจะดูแล้วผิดสัดส่วนยังไงก็ยอม ขอให้มีรถแบบ 4 ประตูซีดาน ขนาดเล็กมาขาย แข่งกับ โตโยตา โซลูนา วีออส
หลังจากการเปิดตัว ฮอนดา ซิที ได้พักใหญ่ๆ ฮอนดา ในที่สุดก็ตัดสินใจส่ง แจซซ์ตัวจริงสู่ตลาดเมืองไทยซึ่งช้ากว่าทางยุโรปและญี่ปุ่น 4-5 ปี และก็เป็นไปตามที่ผมคาดหมายว่า แจซซ์ จะต้องได้รับความนิยมอย่างสูงในเมืองไทย เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่เขาฮิทกันมานานแล้ว
สาเหตุที่ทำให้รถรุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างสูงก็เพราะ มีหลายบริษัท ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งสำหรับรถรุ่นนี้ออกมาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เกิดเป็นกระแสฮิทการตกแต่งรถรุ่นนี้อย่างกว้างขวาง เรียกได้ว่าเป็นของเล่นอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เจ้าของรถ แจซซ์ แต่ละคันสามารถตกแต่งรถได้ตามที่ใจเขาอยากให้เป็น ซึ่งแต่ละคันก็จะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวตามรสนิยมของแต่ละคน
ในบ้านเรา แจซซ์ เปิดตัวได้อย่างสวยงาม สร้างยอดขายได้ตามเป้า เกิดกระแส แจซซ์ ฟีเวอร์ ไปทั่วเลยด้วยรูปทรงภายนอกที่เล็กกะทัดรัด ดูน่ารักสำหรับผู้หญิง แต่ก็สามารถแต่งให้มีความดุดัน จนชนะใจบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลายได้อย่างไม่ยาก ด้วยเส้นสายที่มีความเฉียบคมสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะดูป๋องแป๋งเมื่อเทียบกับรถสไตล์ยุโรป ที่มีความแข็งแรง บึกบึนกว่า แต่จุดเด่นที่สุดของ แจซซ์
น่าจะอยู่ตรงที่การให้ความสำคัญกับการตกแต่งภายในเป็นพิเศษที่โดนใจคุณผู้หญิงแบบเต็มๆถึงแม้ว่าวัสดุที่ใช้ผลิตส่วนใหญ่ก็เป็นพลาสติคธรรมดา แต่การให้สีสันนั้นดูดี สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับรถได้มาก
เมื่อ ฮอนดา แจซซ์ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเป็นครั้งแรกของตลาดรถ 5 ประตู ขนาดเล็กทำให้พี่ใหญ่ โตโยตา ต้องรีบแก้เกม โดยการเข็นรุ่น อวันซา จากอินโดนีเซียมาชะลอความร้อนแรงของ แจซซ์ ลงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล กลับยิ่งทำให้ยอดขาย แจซซ์ ร้อนแรงขึ้นอีก เพราะความห่างชั้นกันเรื่องการออกแบบที่เห็นได้ชัดเจนแบบฟ้ากับเหว เหมือนคู่มวยที่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ โตโยตา จึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก ซึ่งในที่สุดก็ตัดสินใจนำรุ่น ยารีส ที่มีดีกรีความสำเร็จมาแล้วจากทั้งยุโรป และญี่ปุ่น เข้ามาต่อกรกับ แจซซ์ ซึ่งน่าจะเป็นคู่มวยที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดแล้ว
ในช่วงระหว่างที่รอการเปิดตัวของ ยารีส โตโยตา ก็ต้องงัดเอากลยุทธ์ทุกอย่างเพื่อชะลอความรุนแรงของ แจซซ์ ลงให้มากที่สุด ด้วยการปล่อยข่าวการเปิดตัวของ ยารีส มาเป็นระยะ ซึ่งก็มีสาวกของ โตโยตา จำนวนไม่น้อยที่ตั้งหน้าตั้งตารอเจ้า ยารีส นี้อย่างใจจดใจจ่อ
ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยนานถึง 2 ปี หลังจากการเปิดตัวของ ฮอนดา แจซซ์ ก็มาถึง โตโยตา ยารีส ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ด้วยรูปโฉมที่สดใส น่ารัก ถ่ายทอด DNA ของ โตโยตา ขนานแท้ มาอย่างครบถ้วน โดยมีส่วนหน้าคล้ายกับ รุ่น วิช และ วีออส ผสมกันแต่จะต่างจาก แจซซ์ ตรงที่ ยารีส ใช้สไตล์ยุโรปในการออกแบบที่ทำให้รถดูโค้งมน บึกบึน กว่า แจซซ์ อาจสังเกตได้จากประตูที่ดูมั่นคงแข็งแรงกว่า แต่ความโค้งมนของตัวรถทั้งคันโดยเฉพาะโค้งหลังคาด้านท้าย ทำให้พื้นที่ภายในแคบกว่า แจซซ์ อย่างเห็นได้ชัด ผมลองไปนั่งที่เบาะหลังของรถแล้วศีรษะจะติดเพดาน ภายในของ แจซซ์ จึงกว้างกว่า และดูโปร่งสบายกว่า
รายละเอียดภายนอกก็มีความแตกต่างกันเช่น ไฟหน้า และไฟท้ายของ แจซซ์ จะดูมีรายละเอียดภายในกระจุกกระจิกตามสไตล์ญี่ปุ่นมากกว่า ยารีส ที่เน้นความเรียบง่ายสไตล์ยุโรปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าเป็นรสนิยมส่วนใหญ่ของคนไทย โดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว น่าจะชอบรายละเอียดสไตล์ญี่ปุ่นมากกว่า
เช่นเดียวกับภายในที่ ยารีส เน้นโทนดำ บรอนซ์ ดูไฮเทค มาตรวัดอยู่ตรงกลางเหมือน วีออส ที่คนไทยยังไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก แต่ก็ต้องยอมรับด้วยประโยชน์ใช้สอยมากมายหลายจุด แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศเรียงกันเป็นแนวตั้ง บางคนบอกเหมือนปุ่มของ "ตู้เซฟ"
จุดเด่นอีกจุดสำหรับภายในที่แตกต่างจากคู่แข่ง ก็น่าจะเป็นปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องไขกุญแจแบบเดียวกับที่ใช้ในรถราคาแพงหลายรุ่น และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ SMART ENTRY ที่ระบบลอคจะเปิดอัตโนมัติเมื่ออยู่ใกล้ในรัศมีสัญญาณคล้ายกับระบบ KEYLESS GO ของ เมร์เซเดส-เบนซ์
ผมไม่มั่นใจว่าเจ้าเทคโนโลยีไฮเทคเหล่านี้ จะเป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อนกันแน่ สำหรับรถระดับนี้ที่คนส่วนใหญ่เห็นว่ามันไม่จำเป็นต้องมี หลังจากการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งประเด็นที่ชัดเจนที่สุดนั้นก็คือ "ราคา" ที่ดูจะสูงไปหน่อยสำหรับรถประเภทนี้ เพราะเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็สามารถขยับขึ้นซื้อซีดานอย่าง ซีวิค ได้แล้ว
อันที่จริงแล้ว กลุ่มเป้าหมายที่รอคอยรถรุ่นนี้มากที่สุด น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์ทันสมัย และต้องการรถยนต์ราคาไม่แพง ประหยัดน้ำมัน ขับแล้วเท่ และมีสไตล์ มากกว่ารถแบบ 4 ประตูซีดานทั่วไป แต่กลายเป็นว่า โตโยตา พยายามสร้างเจ้า ยารีส ให้เป็นรถระดับพรีเมียม หรือระดับสูงสำหรับรถแบบ 5 ประตูขนาดเล็กนี้ ให้ได้ก่อนหรืออย่างไร ? กลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างที่มีจำนวนมากกว่า จะตามมาที่หลังหรือไม่ ? คงต้องติดตามกันต่อไปแบบห้ามกะพริบตา
เรื่องโดย : แมน ดีไซจ์น
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52748