สังคม + ธุรกิจ
เปอโฌต์-ซีตรอง จับมือยักษ์ใหญ่เมืองยุ่น
ยุโรป-กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส คือ เปอโฌต์ (PEUGEOT) และ ซีตรอง (CITROEN) ร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น คือ โตโยตา (TOYOTA) เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมรถยนต์ในยุโรป โดยร่วมมือกันผลิตรถยนต์นั่ง
ขนาดมีนีเพื่อออกจำหน่ายในตลาดยุโรป
โครงการผลิตรถขนาดมีนีดังกล่าวข้างต้น มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือเมื่อสี่ปีก่อนโดยกำหนดให้ฝ่ายญี่ปุ่นรับผิดชอบในส่วนของโครงสร้าง แชสซีส์ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร ส่วนฝ่ายฝรั่งเศสรับภาระการออกแบบชิ้นส่วนภายในและเครื่องยนต์
ดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงขนาด 1.4 ลิตร
รถขนาดมีนีที่ผลิตขึ้นตามโครงการนี้ จะมีทั้งตัวถังสามและห้าประตูแฮทช์แบค มีขนาดตัวถังยาวประมาณ 3.43 ม. กว้าง 1.63 ม. และสูง 1.46 ม. กับมีช่วงฐานล้อยาว 2.34 ม. จะออกจำหน่ายรวมสามชื่อสามยี่ห้อ คือ เปอโฌต์ 107 (PEUGEOT 107) ซีตรอง เซ เอิง (CITROEN C1) และ โตโยตา อาอีโก (TOYOTA AYGO) รถสามชื่อสามยี่ห้อนี้ จะมีรูปทรงองค์เอวเหมือนกัน แต่มีรายละเอียดทั้งภายนอกและภายในแตกต่างกันไป ดังที่เห็นได้ชัดในภาพประกอบ
สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ ในระยะแรกนี้จะมีเพียงขนาดเดียว เป็นเครื่องยนต์ DOHC 3 สูบเรียง 12 วาล์ว ความจุ 998 ซีซี ที่ออกแบบและพัฒนาโดย โตโยตา ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 9.5 กก.-ม. ที่ 3,600 รตน.ส่วนระบบเกียร์เพื่อถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้า มีให้เลือกสองแบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ กับเกียร์ อัตโนมัติ 5 จังหวะ ที่เปลี่ยนจังหวะเกียร์ด้วยมือก็ได้
ที่จะตามมาในเวลาไม่นานจนเกินรอ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง SOHC 4 สูบเรียง 8 วาล์ว 1,398 ซีซี 54 แรงม้า ซึ่งออกแบบและพัฒนาโดยค่ายฝรั่งเศสแต่จะมีระบบเกียร์เพียงแบบเดียว คือเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
รถขนาดมีนีทั้งสามชื่อสามยี่ห้อนี้ จะผลิตที่โรงงานเดียวกัน เป็นโรงงานของบริษัทร่วมทุนที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ มีชื่อว่า TOYOTA PEUGEOT CITROEN AUTOMOBILE (TPCA) โรงงานที่ว่านี้ ตั้งอยู่ที่เมืองโคลิน (KOLIN) ในสาธารณรัฐเชค มีกำลังผลิตประมาณ 300,000 คัน/ปี และเริ่มต้นการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 06.30 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
แต่ต้องรออีกสี่เดือนหลังจากนั้น คือ ในเดือนมิถุนายน 2005 นี้แหละ รถแบบแรกคือซีตรอง เซ เอิง (CITROEN C1) จึงจะออกจำหน่ายในตลาด ด้วยค่าตัวที่คาดกันว่าน่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 8,700 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 440,000 บาท ที่จะตามมาในเดือนเดียวกันด้วยค่าตัวที่สูงกว่ากันเล็กน้อยคือ เปอโฌต์ 107 (PEUGEOT 107) ส่วน โตโยตา อาอีโก (TOYOTA AYGO) ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างจะผิดแผกไปจากรถสองแบบแรก โดยเฉพาะตรงฝากระโปรงหน้า จมูก กันชนหน้าหลัง และดวงโคมไฟหลัง จะเริ่มการผลิตในช่วงฤดูร้อน และเริ่มออกจำหน่ายในเดือนสิงหาคม
ย่อยข่าว
* ญี่ปุ่น-ตลาดรถใหม่ในเมืองปลาดิบ สรุปยอดขายในรอบปี 2004 กันไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า ยักษ์ใหญ่คว้าแชมพ์ ทั้งประเภทรถเครื่องยนต์โตไม่เกิน 2.0 ลิตรและรถเครื่องยนต์โตกว่า 2.0 ลิตร ส่วนยักษ์เล็ก ซูซูกิ คว้าแชมพ์รถขนาดมีนี โดยแยกรายละเอียดตามประเภทรถได้ดังนี้
ในประเภท STANDARD VEHICLE ตามกฎหมายญี่ปุ่น หรือรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโตกว่า 2,000 ซีซี ปรากฏว่า รถขายดีที่สุดสิบอันดับแรกในรอบปี 2004 ได้แก่
1. โตโยตา คราวน์ 104,280 คัน
2. ฮอนดา ออดิสซีย์ 97,849 คัน
3. โตโยตา อัลฟาร์ด 85,953 คัน
4. ซูบารุ เลกาซี 64,775 คัน
5. โตโยตา ปรีอุส 59,758 คัน
6. โตโยตา เอสตีมา 55,729 คัน
7. มาซดา เอมพีวี 32,287 คัน
8. นิสสัน เอลกแรนด์ 31,314 คัน
9. นิสสัน เอกซ์-ทเรล 30,846 คัน
10. ฮอนดา เอลีชัน 30,076 คัน
ในประเภท SMALL VEHICLE ตามกฎหมายญี่ปุ่น หรือรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโต 661-2,000 ซีซี รถขายดีที่สุดสิบอันดับแรกในรอบปี 2004 ได้แก่
1. โตโยตา โคโรลลา 173,301 คัน
2. ฮอนดา ฟิท 149,503 คัน
3. นิสสัน คิวบ์ 138,623 คัน
4. โตโยตา วิช 116,964 คัน
5. นิสสัน มาร์ช 102,792 คัน
6. โตโยตา อิสต์ 87,923 คัน
7. โตโยตา โนอาห์ 77,146 คัน
8. มาซดา เดมิโอ 75,762 คัน
9. โตโยตา ปาสโซ 68,984 คัน
10. โตโยตา ซีเอนตา 67,551 คัน
ส่วนประเภท MINI VEHICLE หรือรถที่มีตัวถังยาวไม่เกิน 3.40 ม. กว้างไม่เกิน 1.48 ม. สูงไม่เกิน 2.00 ม. และติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโตไม่เกิน 660 ซีซี รถที่ขายดีที่สุดสิบอันดับแรกในรอบปี 2004 ได้แก่
1. ซูซูกิ แวกอน อาร์ 211,929 คัน
2. ไดฮัทสุ มูฟ 162,069 คัน
3. ฮอนดา ไลฟ์ 159,055 คัน
4. ไดฮัทสุ ตันโต 91,933 คัน
5. ไดฮัทสุ มิรา 82,261 คัน
6. มิตซูบิชิ อีเค แวกอน 81,514 คัน
7. ซูซูกิ อัลโต ลาแปง 68,911 คัน
8. นิสสัน โมโค 59,032 คัน
9. ซูบารุ อาร์ 2 56,557 คัน
10. ซูซูกิ อัลโต 52,501 คัน
* เยอรมนี-ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2005 นี้ เป็นต้นไป เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" จะเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ชื่นชอบรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1 (BMW 1-SERIES) โดยเสนอรถให้เลือกใช้อีกหนึ่งโมเดล นอกเหนือจากที่มีอยู่แล้วในขณะนี้รวมห้าโมเดล คือ บีเอมดับเบิลยู 130 ไอ (BMW 130I) คันที่เห็นในภาพรถใหม่โมเดลนี้จะติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC 6 สูบเรียง 24 วาล์ว 2,996 ซีซี 258 แรงม้า บลอคเดียวกับที่ใช้อยู่ในขณะนี้กับรถ บีเอมดับเบิลยู 630 ไอ (BMW 630I) และเป็นเครื่องยนต์แบบแรกในโลกที่มีห้องเพลาข้อเหวี่ยงทำจากส่วนผสมอลูมิเนียม/แมกนีเซียม นับแต่ออกจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายน 2004 จนถึงสิ้นปี บีเอมดับเบิลยูสามารถจำหน่ายรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1 ในตลาดทั่วโลก ได้รวม 39,247 คัน
* เยอรมนี-สมาร์ท (SMART) ผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของยักษ์ใหญ่สองสัญชาติไดมเลร์ ไครสเลอร์ (DAIMLER CHRYSLER) เติมสีสันให้แก่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 75 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยนำรถโมเดลใหม่ล่าสุดออกอวดตัวเป็นครั้งแรกหลายคัน รวมทั้งรถสี่ที่นั่ง สมาร์ท ฟอร์โฟร์ บราบัส (SMART FORFOUR BRABUS) ที่เห็นในภาพ รถโมเดลนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ DOHC 4 สูบเรียง 1,468 ซีซี ที่ขอหยิบขอยืมจากรถ มิตซูบิชิ โคลท์ ซีเซดที (MITSUBISHI COLT CZT)
แต่สำนัก บราบัส นำมาปรับแต่งเป็นพิเศษ จนกำลังสูงสุดทะยานจาก 150 เป็น 177 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 221 กม./ชม. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยมีรถติดยี่ห้อ สมาร์ท คันใดทำได้มาก่อน
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : สังคม + ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52494