บทความ
ความเห็นของบริษัทรถยนต์
บริษัทรถยนต์ต่างพากันนำรถ เอมพีวี เข้ามาเปิดตลาดกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่า เอมพีวี จะเข้ามาแย่งตลาดรถประเภทไหน และจะเติบโตต่อไปในทิศทางใด ซึ่งคนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือ ผู้บริหารบริษัทรถยนต์นั่นเอง
ฟอร์ด
จอห์น ฟิงค์ รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย
"ตลาดรถ เอมพีวี มีการเติบโตสูงมากในช่วงปี 2547 โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2546 ซึ่งเริ่มมีผู้ผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่ราย ที่นำเสนอรถยนต์ประเภทนี้ จากนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด ทำให้ผู้ผลิตค่ายต่างๆ หันมาทำตลาดกลุ่มนี้ รวมถึงการพยายามแข่งขันในด้านราคาการส่งเสริมการขาย และคุณภาพ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มของยอดขายรถ เอมพีวี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548ได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาด โดยปัจจุบันยอดขายรถ เอมพีวี โดยรวมได้ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 1,200 คัน/เดือน
สำหรับความนิยมของรถ เอมพีวี เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตลาดรถยนต์ของไทยมีเพียงรถยนต์นั่ง และรถพิคอัพ เท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มเปลี่ยนไปและมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถได้หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอสยูวี/เอมพีวีหรือ พีพีวี รวมไปถึงรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ดังนั้นตลาดจึงไม่เพียงแต่ต้องการรถ เอมพีวี เท่านั้นที่ได้รับความนิยม รถ เอสยูวี หรือแม้กระทั่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กก็ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภคด้วยเช่นกัน โดยในปี 2547 รถ เอมพีวี มียอดขายทั้งสิ้น 19,756 คัน ในขณะที่รถ เอสยูวี มียอดขายถึง 21,919 คัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถ เอสยูวี ยังคงได้รับความนิยมมากกว่ารถ เอมพีวี โดย ฟอร์ด เป็นผู้นำตลาด เอสยูวี ด้วยส่วนแบ่งกว่า 30 % ทั้งรถ เอสยูวี และรถ เอมพีวี ต่างก็เป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามรถ เอสยูวี จะตอบสนองผู้บริโภคได้ดีกว่าในแง่ของความสนุกในการขับขี่ และสามารถบุกตะลุยไปได้อีกด้วย
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรถ เอมพีวี รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมนั้นมีหลายปัจจัยด้วยกันการเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ควรพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ควบคู่กันหลายๆ ด้าน เช่น ระดับค่าจ้าง อัตราการจ้างงาน หนี้สาธารณะ การลงทุน การผลิต และปัจจัยการผลิต เป็นต้น นอกจากนี้การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายๆ อย่างด้วยกัน อาทิ อัตราเงินเฟ้อ การลงทุน และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมัน จึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้
ผลกระทบทางตรง คือ ต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานประเภทปิโตรเคมีขั้นต้น และราคาพลังงานอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันดีเซล ได้ปรับตัว ต้นทุนค่าขนส่งระหว่างประเทศ และภายในประเทศสูงขึ้น
ผลกระทบทางอ้อม เช่น ภาวะเงินเฟ้อ โดยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายประเภทมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ระดับราคาสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าสภาพการณ์อันเกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมัน จะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวเพื่อรองรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแตกต่างกันไป เช่น พยายามใช้แหล่งพลังงานอื่นที่มีราคาต่ำกว่ามาทดแทนแหล่งพลังงานเดิมมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนวิธีขนส่งสินค้า การปรับปรุงระบบ การจัดเก็บและการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งสินค้าระหว่างโรงงานผู้ผลิต กับผู้ผลิตชิ้นส่วน ให้มีประสิทธิภาพ และมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ในอนาคต ฟอร์ด พร้อมที่จะนำยานยนต์ชั้นนำหลากประเภทหลายรุ่น มาเสนอให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ เรายังไม่สามารถบอกชื่อรุ่น หรือรายละเอียดที่ชัดเจนได้
สินค้าที่ ฟอร์ด จะนำเข้ามาขาย จะต้องอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้า เราจะนำเสนอแต่สินค้าที่ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งรถ เอมพีวี ถือเป็นรถอีกประเภทหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะประโยชน์ใช้สอยที่ตรงกับลูกค้ากลุ่มนี้ ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้รถ เอมพีวี ประสบความสำเร็จ"
ฮอนดา
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด
"อนาคตรถ เอมพีวี ของ ฮอนดา ขณะนี้คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจมากขึ้น เพราะมองที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสะดวก และหรูหรา อีกทั้งราคาก็ไม่สูงมากจนไม่สามารถเป็นทางเลือกหนึ่งได้ แต่คิดว่าคนส่วนมากที่ยังไม่เคยใช้รถ ถ้าคิดจะซื้อรถประเภท
เอมพีวี คงเป็นไปไม่ได้ เพราะยังยึดติดรถเก๋งและพิคอัพมากกว่า แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีรถยนต์เป็นของตัวเองแล้ว และกำลังมองหารถใหม่อยู่ คาดว่ารถประเภท เอมพีวี น่าจะอยู่ในทางเลือกแรก
รถ เอมพีวี เน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารถเก๋ง และรถพิคอัพ อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย น้ำหนักรถมีขนาดมากกว่า อัตราการบริโภคน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น เพราะเครื่องยนต์ส่วนมากมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป บางรุ่นใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับรถเก๋ง ทำให้ราคาน้ำมันไม่มีผลกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
ในอนาคตรถ ฮอนดา ยังไม่มีการแนะนำรถ เอมพีวี รุ่นใหม่ เพราะมี ออดิสซีย์ และสตรีมที่ได้รับความนิยมอยู่ โดยยังไม่เล็งเห็นตัวใหม่ จะมีเพียงแค่ไมเนอร์เชนจ์เท่านั้น"
เกีย
บุญฤทธิ์ ผ่องเมฆินทร์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี จะโตขึ้นอีก แต่จะเน้นลักษณะของความประหยัด คือ เครื่องยนต์ดีเซล ไม่ใหญ่มาก โดยเน้นบรรทุกคนเป็นหลัก แต่จะมีขนาดใหญ่ และหลังคาสูง รถจะมีลักษณะเดียวกันกับ โตโยตา อวันซา
เหตุผลที่รถ เอมพีวี ได้รับความนิยม เพราะเศรษฐกิจของไทยยังไม่เติบโตมากนักคนที่มีโอกาสได้นั่งรถสูงๆ ไม่อยากกลับไปนั่งรถเล็กอีก เพราะให้ความรู้สึกสบายต่างกันรวมถึงครอบครัวในปัจจุบันจะแยกกันอยู่ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่
การที่จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันคือ การอยู่ในรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถ เอมพีวี เติบโต และได้รับความนิยม รวมถึงปัจจุบัน ด้วยความหรูหรา สวย สปอร์ท ทำให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้น มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคบ้าง แต่ถ้าเมื่อได้ลองแล้วเห็นถึงความประหยัด จะเป็นจุดขายที่ดื เพราะทุกคนคิดถึงความประหยัดด้วย
ในอนาคตรถ เอมพีวี กับรถขนาดเล็กจะเติบโตดีขึ้น เพราะแนวโน้มตลาดรถเมืองไทยจะเหมือนกับยุโรปที่นิยมรถขนาดเล็ก จะเรียกว่าเป็นเซกเมนท์ใหญ่ๆ เหมือนกับรถเก๋งขนาดกลาง คือ โตโยตา แคมรี หรือ ฮอนดา แอคคอร์ด ที่มีราคาอยู่ระหว่าง 1.2-1.7 ล้านบาท ส่วนรถ เอมพีวี จะเข้าไปใหญ่กว่ารถในเซกเมนท์นี้ หรืออีกนัยหนึ่งคือการเข้าไปแทนที่ รวมถึงจะมีรถใหม่มาเปิดตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น"
มาซดา
พินิจ งามพริ้ง ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสด้าเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี ขนาดใหญ่ ปัจจุบันตลาดจะไม่ใหญ่มากนัก เพราะคนจะนิยมซื้อรถลักชัวรีโดยผู้ซื้อส่วนใหญ่จะนึกถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งาน แต่ในอนาคตคาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากทัศนคติของลูกค้าไม่หยุดนิ่ง อนาคตจะมองถึงประโยชน์ใช้สอยของรถมากขึ้นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
ผมมองว่าตลาดรถ เอมพีวี จะเข้ามาแทนที่ตลาดรถ เอสยูวี เพราะความเป็นรถ เอสยูวี ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์สูงสุด แต่ที่จะได้รับความนิยมน่าจะเป็นมีนี เอมพีวี ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้นไม่ค่อยจะมีผลเท่าไร เพราะว่าคนที่ซื้อรถประเภทนี้จะมีความต้องการความสะดวกสบาย เพื่อประโยชน์ใช้สอย
อนาคตตลาดรถ เอมพีวี ในเมืองไทยจะเติบโต เนื่องจากนอกเหนือจากความสะดวกสบาย และประโยชน์ใช้สอยแล้ว รถ เอมพีวี ยังมีความเป็นรถสปอร์ท สวยหรู"
มิตซูบิชิ
วิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
"รถ เอมพีวี มีแนวโน้มมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาที่ครอบครัวหนึ่งจะมีรถหลายคัน ทำให้เกิดความสิ้นเปลือง จึงเกิดรถประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น และทำให้รถเก๋งลดลงเรื่อยๆ เพราะรถ เอมพีวี คือรวม รถเก๋ง รถตู้ ในคันเดียวกัน ตรงจุดนี้ทำให้เมืองไทยเริ่มเปลี่ยนความคิดตาม จะเห็นได้จากปีที่ผ่านมามีรถประเภทนี้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น เช่น ฮอนดา ออดิสซีย์/มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน และโตโยตา วิช นอกจากนี้ยังมี มีนี เอมพีวี อีก อย่างเช่น ฮอน แจซซ์ หรือ โตโยตา อวันซา ทำให้ตลาดรถ เอมพีวี เติบโตสูงสุดกว่า 200 %
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความนิยมเพิ่มมากขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายด้าน คือ ตอบสนองได้ทุกรูปแบบการขับขี่เหมือนรถเก๋ง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้ และพวกกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบสิ่งแปลกใหม่ การปรับตัวของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นมีผลบ้างในระยะสั้นด้านจิตวิทยา แต่ไม่ถึงกับจะหยุดซื้อ เพราะเมืองไทยอากาศร้อน คนคงไม่ขี่จักรยาน รวมถึงผู้ผลิตรถส่วนใหญ่จะนำเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมาเป็นปัจจัยให้ผู้บริโภคสนใจ และผ่อนคลาย แต่ด้วยพฤติกรรมของคนยังคงจะใช้รถอยู่ และจะไปประหยัดในส่วนอื่นทดแทน
ตลาดรถ เอมพีวี ในอนาคต หวังว่าจะเป็นเหมือนกับต่างประเทศคือ แทนรถเก๋ง และรถตู้ หรือมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของยอดขายรถเก๋ง ในประเทศไทยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี เพราะคนเริ่มเบื่อรถเก๋ง"
โตโยตา
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี ในปัจจุบันความเป็นจริงในช่วงนี้ เติบโตตามตลาดเนื่องจากมีรถรุ่นใหม่แนะนำเข้ามา และตลาดยังไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ไม่ได้เติบโตมากเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรถ เอมพีวี สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานมากกว่ารถเก๋ง ส่วนใหญ่คนที่นิยมจะเป็นการซื้อเพิ่ม ไม่ได้ซื้อแทนจริงๆ ยกเว้น กรณีของ โตโยตา วิช ที่ตำแหน่งของสินค้าวางแทนรถเก๋งได้บางส่วน มีลูกค้าบางกลุ่มที่เปลี่ยนจากซื้อเก๋งมากซื้อ วิช แทน
สำหรับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลระยะสั้นในเรื่องของความรู้สึก แต่ในระยะยาวก็พิสูจน์แล้วว่าเมื่อเบนซินขึ้นราคา ยอดขายของรถยนต์ก็ไม่ได้ตกลง รวมถึงการขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ผู้บริโภคก็เข้าใจแล้วว่าราคาของน้ำมันไม่อาจปรับไปสู่แบบเดิมได้ อาจมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถบ้าง โดยผู้ใช้รถมีความเข้าใจมากขึ้น
ดังนั้นตลาดรถ เอมพีวี ในอนาคตนั้นยังโตต่อไป เพราะสินค้าเป็นตัวดึงเวลา มีการเปลี่ยนรุ่นจึงมีโอกาสโต ดูได้จากตลาดรถภายในประเทศเดิมจะมีอยู่ 2 ตลาด คือ พิคอัพ และเก๋งแต่ปัจจุบันมีรถประเภทอื่นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอสยูวี และ เอมพีวี หลากหลายประเภทซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของประเทศที่เจริญกว่า รวมถึงพฤติกรรมการใช้รถมีการเปลี่ยนแปลงการครอบครองมีเพิ่มขึ้น จากอดีตครอบครัวหนึ่งจะมีรถแค่ 1 คัน แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปแล้ว คือ มีมากกว่า 1 คัน ดังนั้นตลาดรถไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหน การเติบโตจึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52492