เล่นท้ายเล่ม
มหานครกรุงเทพ ฯ
ผมเชื่อว่า คนไทยทุกคนพบว่า ไม่มีแผ่นดินใดงดงามเท่ามหานครกรุงเทพ ฯ
เมื่อได้เห็นการแสดงกระบวนพยุหยาตราชลมารค ในคืนเดือนมืดระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ 21
พันธมิตร เขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค
ขณะเวลากระบวนพยุหยาตราชลมารค ผ่านพระบรมมหาราชวังนั้น
เป็นห้วงนาทีแห่งความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย อยู่กับศิลปวัฒนธรรมแบบไทย
ได้รับมรดกอันล้ำค่าเป็นที่สุดจากบรรพกษัตริย์ของเรา
มหานครเมืองกรุงเทพ ฯ มิได้ฉายความสวยงามเพียงภาพกระบวนเรือพระที่นั่งเท่านั้น
หากรัฐบาลยังได้ตกแต่งประทีปโคมไฟ และสวนหย่อม ประดับประดาด้วยมวลไม้ดอกแลสะพรั่ง
เป็นที่เจริญตาเจริญใจ
ภาพเหล่านี้ทำให้คนรุ่นผมอดคิดถึงเพลงอมตะจากวงดนตรีสุนทราภรณ์ไม่ได้
เพลงนี้บรรยายความถึงเมืองกรุงเทพ ฯ ในตอนค่ำคืน คนประพันธ์เพลงนี้คือ "แก้วฟ้า" (แก้ว
อัจฉริยะกุล) ชื่อเพลง "กรุงเทพราตรี" และผู้ขับร้องคือ เอื้อ สุนทรสนาน
"โอ้กรุงเทพเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหาธานี สวยงามหนักหนายามราตรี งามเหลือเกิน เพลิดเพลินฤดี
ช่างงามเหลือที่จะพรรณา"
เมืองฟ้าเมืองสวรรค์ แม้แต่ในยามค่ำคืนยังสวยยังงาม สมกับที่ได้รับเลือกเป็นเมืองหลวง
เมืองใหญ่โตและสำคัญของประเทศ ความงามนี้ล้นเหลือกับคำบรรยาย
"เที่ยวดูเล่นแลเห็นอาคาร เหมือนดังวิมานสถานเทวา ทั้งยานพาหนะละลานตา
งามแสนงามเหมาะนามสมญา เหมือนเทพสร้างมาจึ่งงามวิไล"
ครูแก้วที่แต่งเพลงนี้ เข้าใจว่า คงเป็นการทอดน่องไปตามถนนราชดำเนิน
เห็นอาคารสองข้างถนนสวยงามได้แบบละม้ายกันไปทั้งแนว แถมสีสันก็ยังเป็นสีฉาบบังคับ
ให้แลดูเป็นท่วงทำนองเดียวกันทั้งถนน
ส่วนที่ครูบอกว่ารถยนต์วิ่งกันขวักไขว่ก็แลดูน่าจะเป็นเช่นนั้นได้
เพราะในปีพุทธศักราชที่ครูแก้วประพันธ์ แม้จะมียวดยานน้อย แต่ถนนก็มิได้ถูกการจราจรบังคับ
วิ่งกันได้แบบเสรี ใครใคร่วิ่งก็วิ่ง ใครใคร่เลี้ยวก็เลี้ยว เลี้ยวได้แม้แต่ทำยูเทิร์น "U TURN"
"ราชดำเนินน่าเดินเพลิดเพลินเรียบร้อยพราวพรรณ สมนามสำคัญเฉิดฉันอำไพ
แสงไฟแสงโคมเล้าโลมฤทัย ทั้งเมืองวิไลคล้ายยามทิวา"
ใช่, เป็นถนราชดำเนินจริง
"ยอดปราสาทเป็นชั้นเป็นเชิง เหมือนลอยระเริงเล่นเหลิงนภา เหมือนดังจะเย้ยดวงดารา
เป็นเพราะจันทร์ผ่องพรรณฉายมา จึ่งวาววับตายิ่งพาเคลิ้มใจ"
ครูแก้ว คงจะเดินเรื่อยมาตามถนนราชดำเนิน ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านสี่แยกคอกวัว
จนถึงโรงแรมรัตนโกสินทร์ หัวมุมท้องสนามหลวง ถึงช่วงนี้ก็จะมองเห็นพระบรมมหาราชวัง
เห็นวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ครูแก้วก็เกิดขอบใจพระจันทร์ขึ้นมาทันที เพราะถ้าไม่มีพระจันทร์ส่องสว่าง ครูแกก็คงมองไม่เห็นอะไร
มันแลดูมืดไปหมด
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะครูเขียนต่อไปว่า...
"ยอดมณฑปช่อฟ้าตระการ สำเริงสำราญสถานเวียงชัย เหมือนเมืองสวรรค์ของชาวไทย
ชนทั้งเมืองรุ่งเรืองวิไล ถ้วนทั่วทุกวัยเลิศจริงหญิงชาย"
ผมก็ต้องขอขอบใจเหมือนครูแก้ว ขอบใจคณะกรรมการจัดการแสดง กระบวนพยุหยาตราชลมารค
ในคืนวันนั้น จัดงานได้สวยงามไม่มีที่ตำหนิ
แม้การฉายดวงไฟขึ้นไปบนท้องฟ้าก็จัดทำได้ลงตัวงดงามน่าดู เห็นความอลังการของมหาปราสาท
ยอดมณฑป หางหงส์ ช่อฟ้า ใบระกา ที่เรียงรายลดหลั่นกันไปนั้น
ไม่มีมหาปราสาทใดเทียบเท่าได้ในความงามของสถาปัตยกรรม
"ดังจะข่มอัปสรเทวา"
ประโยคนี้ ผมเชื่อว่า ใครก็ตามที่ได้ดูกระบวนเรือ
ย่อมเห็นว่าพระบรมมหาราชวังของเรานั้นสวยงามเหนือชั้นกว่า เทพธิดาในสวรรค์
"ยิ้มยวนเย้าตาดูแล้วสบาย หรือเป็นชาวฟ้ามาเดินกราย เมืองนั้นงามดังเทพนิยาย
ทั้งหญิงและชายแต่งกายสวยดี"
ครับ ผมก็รู้สึกว่าระหว่างประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดที่เรียกกันว่า ซัมมิท เมทิง
"SUMMIT MEETING" ของบรรดาผู้นำ 21 ประเทศ
คนไทยทุกคนเป็นผู้ที่สวยงามอย่างมิมีห้วงเวลาใดจะเหมือน
สวยงามกันทุกคนอย่างแท้จริงครับ ไม่ต้องบอกก็เชื่อได้ว่า ผู้นำจาก 20 ประเทศที่มาสัมผัสแผ่นดินไทย
ต้องได้พบว่า คนไทยเราอัธยาศัยเป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร
"แหล่งเที่ยวหย่อนใจทั่วไปหลากหลายรายเรียง หญิงชายเคล้าเคียงเพลินเสียงดนตรี
ทุกคืนเสียงเพลงครื้นเครงเพราะดี สวนลุมพินีเขาดินวนา"
ท่อนนี้ ครูแก้วโดดมากไปหน่อย จากถนนราชดำเนินเผ่นถึงสวนลุมข้ามกลับไปเขาดิน
แต่ครูก็ไม่ลืม "ซิ่ง" ถนนราชดำเนิน มีไนท์คลับหลายแห่ง ทั้ง มูแลง รูจก์ สีดา และ โลลิตา ไนท์คลับ
ที่ได้พูดมานี้ เหมาะสำหรับเข้าไปนั่งจีบผู้หญิง เริ่มตั้งแต่ นักร้องในตอนหัวค่ำ
ครั้นคะเนว่าจีบนักร้องไม่สำเร็จก็จะหันไปจีบพาร์ทเนอร์ เรียกมานั่งสนทนาพาทีและเต้นรำ
ตกตอนดึกก็ฟาวล์เหมือนทุกคืน เหลือผู้หญิงอีกประเภทเดียว ไม่ต้องจีบ ตีสองแล้วหมดเวลาจีบ
เข้าซ่องครับ ซื้อปลีกไปหมดเรื่อง
"โอ้เมืองแก้วเลิศแล้วราตรีทุกสิ่งล้วนมีชีวิตชีวา ทั้งเงาลำน้ำเจ้าพระยา ยามสายลมเฉื่อยฉิวพลิ้วมา
ประกายวับตาเลิศเลอนักเอย"
คิดถึงภาพขณะกระบวนพยุหยาตราชลมารค ผ่านพระบรมมหาราชวัง แลเห็นลำน้ำเจ้าพระยานิ่ง
เป็นประกายด้วยแสงไฟฉาย ตามมาด้วยความหลากหลายของกระทงสาย จากเมืองตากที่ทำได้ดี
แม้แต่เจ้าพระยายังงดงามบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ
"หากกรุงเทพขาดฉันและเธอ ถึงงามล้ำเลอไม่พร้อมไพบูลย์ เหมือนเป็นเมืองร้างใจอาดูร
ความถวิลไม่งามพร้อมมูล ขาดความสมบูรณ์เกื้อกูลทวี"
"เมื่อมาอยู่ใกล้ชู้ชูใจ ทั้งเมืองวิไลสดใสทันที เพราะเราถนอมกันโดยดี ความรักเราแน่นอนทวี
ถึงนานกี่ปีไม่มีร้างรา"
สองท่อนนี้เป็นธรรมชาติของเพลง ขาดความรักไม่ได้ ถ้าครูแก้วยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่มาถึงวันนี้
ครูก็อาจจะเขียนถึงสะพานลอยข้ามถนน เขียนแล้วก็คงหมดสติปัญญาจะพรรณาถึงความรักได้
เพราะสะพานลอยวันนี้ปล้นจี้กันไม่เลือกพื้นที่
"ต่างคนปลื้มเปรมอิ่มเอมเคล้าคลอกันไป น้ำคำน้ำใจมอบไว้บูชา รักเราน้อมนำน้ำคำสัญญา
ขอองค์พุทธารับเป็นพยาน"
กระบวนพยุหยาตราชลมารคนั้น ขาดอีกคนหนึ่งคนเดียวไม่ได้ ท่านผู้นี้คือ พลเรือตรีสนอง แสงสว่าง
ท่านเกิดมาเพื่อเป็นคนกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดมาเพื่อเห่เรือโดยแท้ แม้ท่านจะเกษียณอายุราชการมาแล้ว
3 ปี แต่ท่านก็ยังเห่เรือได้ไพเราะ หมดจดงดงาม
ฟังแล้วเกิดความขลัง อลังการไปกับ มรดกล้ำค่าอย่างแท้จริง
"จิตสลักด้วยรักเจือจุน นับเป็นผลบุญอุดหนุนบันดาล ทุกยามค่ำเช้าเราบนบาน
ความรักเราไม่มีร้าวราน ถ้อยคำสาบานแน่นอนนักเอย...ฯ"
ท่อนสุดท้ายของเพลงที่ไม่มีวันตาย ชวนให้ผมระลึกถึงค่ำคืนนั้น
กับภาพงดงามทั้งปวงก็ทำให้เราน้อมใจ ชาติหน้าชาติใดเกิดมาเป็นมนุษย์
ขอให้เป็นคนไทยไปตลอดทุกชาติ
แล้วคุณล่ะ บนบานอย่างผมหรือเปล่าครับ ?
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : เล่นท้ายเล่ม
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51880