ข่าวดีในวงการรถยนต์บ้านเรา

หลังจากที่ประเทศไทยได้รับความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม เอเปค 2003 ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา วงการรถยนต์ก็พลอยฟ้าพลอยฝนได้รับอานิสงส์จากการที่ค่ายยักษ์ใหญ่เพิ่มเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ในบ้านเรา เช่น ค่ายโตโยตา ได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ที่ จ. สมุทรปราการ เพื่อพัฒนายานยนต์ตอบสนองความต้องการของตลาด ที่กำลังเติบโตอย่างสูงในภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย โดยใช้เงินลงทุนกว่า 2,700 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปีหน้า ส่วนค่าย ฟอร์ด และ มาซดา ก็ทุ่มงบ 2.1 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในโรงงานประกอบรถยนต์ ที่ จ. ระยอง พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงงานจาก 1.35 แสนคัน เป็น 2 แสนคัน ในปี 2546 บริษัทรถยนต์คาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์จะสูงกว่า 500,000 คัน ใกล้เคียงกับยอดขายสูงสุด 580,000 คัน ก่อนช่วงยุคฟองสบู่ในปี 2539 โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมซึ่งมีมหกรรมยานยนต์หนุนอยู่ อาจมียอดขายถึง 12,000 คันเลยทีเดียว เนื่องจากในช่วงปลายปี มีรถใหม่เปิดตัวหลายค่ายด้วยกันเช่น โตโยตา วิช/ฮอนดา แจซซ์/เปอโฌต์ 307/เลกซัส อาร์เอกซ์ 300 ฯลฯ รวมทั้งบรรดาไมเนอร์เชนจ์ ทั้งหลาย ในคอลัมน์นี้ รวมทั้งบทความต่างๆ ในนิตยสาร "ฟอร์มูลา" เคยเขียนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางเราอยากให้ทางการติดตั้งบนท้องถนนในบ้านเรา เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้รถ ขณะนี้เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อุปกรณ์แรกคือสัญญาณไฟจราจรที่มีตัวเลขนับเวลาถอยหลัง เพื่อให้ผู้ที่จอดรถติดไฟแดงได้ทราบว่าอีกเมื่อไรจะได้รับสัญญาณไฟเขียว และเตรียมตัวออกรถเมื่อเวลาใกล้เข้ามา รวมทั้งลดความกดดันในระหว่างรอ ในทางกลับกัน ผู้ที่ได้รับสัญญาณไฟเขียวก็จะทราบว่า เมื่อไรจะได้รับสัญญาณไฟแดง เพื่อเตรียมตัวหยุดรถได้ทันท่วงที ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากทีเดียว ในขณะนี้เราเริ่มเห็นอุปกรณ์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตามสี่แยกในกทม. รวมทั้งในต่างจังหวัด อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่จะช่วยลดอุบัติเหตุและทำงานแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจคือ กล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด กล้องจะถ่ายภาพทะเบียนรถแล้วตรวจสอบหาเจ้าของเพื่อเสียค่าปรับ เท่าที่ทดลองใช้งานปรากฏว่าได้ผลดี และกำลังจะเพิ่มจำนวนการติดตั้งตามถนนหลายสาย ไหนๆ ก็เขียนถึงการจราจรแล้ว ขอเสริมอีกเรื่องหนึ่งคือ บริเวณสี่แยกที่ถนนสายหลักตัดกับถนนสายรองตามต่างจังหวัด เช่น ช่วงวังมะนาว ก่อนเข้าตัวเมืองเพชรบุรี หรือที่ทางหลวงหมายเลข 3 สายพัทยา-ระยอง ซึ่งมีสี่แยกค่อนข้างมาก และปริมาณรถจากถนนสายรองมีปริมาณไม่มากนัก ควรปิดสี่แยก แล้วทำช่องทางกลับรถในช่วงถัดไป เพื่อไม่ให้รถจากถนนสายหลักที่มีจำนวนมากต้องมาจอดรอสัญญาณไฟ (บางครั้งรถจากถนนสายรองมีเพียงไม่กี่คัน) จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดได้มากทีเดียว อย่างในช่วงเทศกาล เช่น สงกรานต์ และปีใหม่ สี่แยกหลายแห่งได้ปิดชั่วคราว แล้วให้รถสายรองไปกลับรถ ซึ่งผมคิดว่าควรจะปิดถาวรไปเลย น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่ขอให้ช่วงกลับรถไม่อยู่ไกลจนเกินไป และควรทำถนนเว้าเข้าไปเพื่อให้รถที่จอดรอยูเทิร์นไม่ไปกีดขวางการจราจรของรถทางตรง